บทที่ 4 นางฟ้าได้จากไปแล้ว

1413 คำ
ทว่าข้อมูลที่เหนือสมุทรได้รับหลังจากผ่านไปสามวัน กลับทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น มือหนาขยำเอกสารตรงหน้าจนแทบแหลกคามือ นัยน์ตาสีเข้มที่เคยเย็นชามาโดยตลอดกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง ชายหนุ่มขบกรามแน่นพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง “นี่มันเป็นไปไม่ได้ ต้องมีอะไรผิดพลาดไปแน่ ๆ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงพร่า ภายในจิตใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อนุวิตรถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นยื่นหนังสืออนุสรณ์ฌาปนกิจให้ผู้เป็นนาย เหนือสมุทรรับมาเปิดอ่านทีละหน้า เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น ทว่ายิ่งอ่าน อารมณ์ของเขาก็ยิ่งอ่อนไหว ราวกับความรู้สึกภายในพังทลายลงอย่างช้า ๆ “ไม่จริง ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองฉันไม่เชื่อ!” ร่างสูงกำยำพรวดพราดออกจากห้องทำงานราวกับพายุ ในใจของเหนือสมุทรไม่ยอมรับข้อมูลนี้จนกว่าจะเห็นด้วยตาของตัวเอง เขาไม่เชื่อว่าจอมใจจะจากเขาไปแล้วตลอดกาล รถสปอร์ตหรูขับมาจอดที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า ด้วยความที่สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่กลางเมืองหลวง ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาจึงแอบลอบสำรวจด้วยความสนใจใคร่รู้ รวมถึงพระพายที่ย้ายมาทำงานในสถานสงเคราะห์แห่งนี้เต็มตัวก็มองรถหรูด้านนอกด้วยความสงสัย เหนือสมุทรก้าวลงจากรถด้วยท่าทางรีบร้อน ก่อนเดินผ่านรั้วเข้าไปด้านใน ทว่าพระพายกลับเข้ามาขวางเสียก่อน “คุณครับ มาหาผู้อำนวยการเหรอครับ” พระพายถามหลังจากลอบสำรวจชายหนุ่มตรงหน้า คิดว่าคนรวยคนนี้คงไม่มีธุระกับเด็ก ๆ หรือเขาอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่รู้จัก แต่อาจจะเป็นแขกของผู้อำนวยการก็เป็นได้ ในใจของเหนือสมุทรเต็มไปด้วยความว้าวุ่น เมื่อเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยของชายหนุ่มตรงหน้าก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนยื่นนามบัตรให้อีกฝ่าย “ไม่ได้มาหาผู้อำนวยการ แต่ผมมาหาคนคนหนึ่ง ได้ข่าวว่าเขาทำงานอยู่ที่นี่” พระพายอ่านชื่อในนามบัตรแล้วก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เพราะชื่อบริษัทของเขาคือหนึ่งในชื่อของผู้ที่บริจาคให้กับสถานสงเคราะห์มากที่สุด แต่ดูจากสีหน้าและท่าทางรีบร้อนของอีกฝ่ายแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รู้จักกับสถานสงเคราะห์แห่งนี้เลย กระนั้นก็ไม่แปลกเพราะคนรวยหลายคนใช้การบริจาคเพื่อลดหย่อนภาษี “ใครเหรอครับ ผมจะติดต่อเขาให้” พระพายถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ เหนือสมุทรเม้มริมฝีปาก หัวใจเต้นแรงด้วยความขลาดกลัว ไม่กล้าเอ่ยนามของหญิงสาวออกมาเพราะกลัวว่าสิ่งที่รู้จะเป็นความจริง แต่เขามาที่นี่เพื่อยืนยันความจริงไม่ใช่หรือ “จอมใจ” พระพายแทบลืมหายใจเมื่อได้ยินชื่อของหญิงสาว ชื่อที่ทำให้เขานอนไม่หลับมาตลอดหลายเดือนด้วยความอาลัยรัก เมื่อลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายเห็นความหม่นหมองในดวงตาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อะไรกัน “แล้วคุณเป็นอะไรกับคุณจอมเหรอครับ” เหนือสมุทรคิ้วขมวดอย่างไม่ชอบใจเมื่อถูกถามเรื่องส่วนตัว “ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ” “ถ้าอย่างนั้นผมก็คงไม่สามารถให้คุณพบคุณจอมได้ครับ” ในเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แล้วจะตามหากันไปเพื่ออะไร เหนือสมุทรเม้มริมฝีปากเมื่อถูกขัดใจ แล้วจะให้เขาตอบว่าอะไรในเมื่อเขากับจอมใจไม่เคยเป็นไปมากกว่าคู่นอน แม้ว่าจะเพิ่งรู้ใจหลังจากที่ปล่อยมือเล็ก ๆ นั่นไปแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากพบจอมใจสักครั้ง อยากเห็นว่าเธอยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว “เธอเป็น…เพื่อนสนิทของผมครับ” ชายหนุ่มกล้ำกลืนความละอายใจลงคอก่อนเค้นคำตอบออกมา ทั้งที่มันขัดกับสามัญสำนึก เพราะเพื่อนที่ไหนจะร่วมหลับนอนกันถึงสองปี พระพายประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่ได้เชื่อคำพูดของอีกฝ่าย แต่สายตาที่หม่นหมองนั้น กลับทำให้เขาเกิดความเห็นใจอย่างบอกไม่ถูก บางทีชายคนนี้อาจจะมีความรู้สึกต่อจอมใจเช่นเดียวกันเขาก็ได้ ถึงจะช้าเกินไป แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องกีดกัน “ตามมาสิครับ” พระพายพยักหน้าจากนั้นเดินนำเข้าไปในสวนกุหลาบแดงที่จอมใจเป็นคนริเริ่มปลูกเอาไว้ เธอปลูกเพราะต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเด็ก ๆ โดยไม่มีใครคาดคิดว่าสวนแห่งนี้จะเป็นมรดกสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ เหนือสมุทรมองสวนกุหลาบแดงด้วยความประหลาดใจ ทว่าหลังจากเดินตามมาถึงใต้ต้นแอปเปิล แขนขาก็แทบอ่อนแรง นัยน์ตาสีเข้มสั่นไหว ลมหายใจติดขัดอย่างรุนแรงจนทรงตัวไม่ไหวทรุดลงกับพื้น เหม่อมองกรอบรูปเล็ก ๆ ที่เขียนวันเกิดเอาไว้เพียงอย่างเดียว “ไม่…จริง…” พระพายเห็นอาการของอีกฝ่ายก็สะท้อนใจ เพราะในวันที่จอมใจจากไป เขาก็ไม่สามารถทำใจได้เช่นกัน และหากไม่มีเพื่อนแพงคอยช่วยเหลือ เขาอาจไม่สามารถผ่านความยากลำบากนั้นได้ “ตั้งแต่เมื่อไหร่…” “ครึ่งปีแล้วครับ” พระพายพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้สั่นไหว พลางมองรูปถ่ายของหญิงสาวที่ส่งยิ้มกลับมาด้วยความอาวรณ์ นางฟ้าของพวกเขา จากไปได้ครึ่งปีแล้ว แต่ความทรงจำก็ยังคงอยู่ไม่ไปไหน แม้กระทั่งสวนเล็ก ๆ นี่ เด็ก ๆ ในสถานสงเคราะห์ก็ยังดูแลเป็นอย่างดี บางครั้งก็มานั่งทำกิจกรรมที่ใต้ต้นแอปเปิล เมื่อเริ่มคิดถึงจอมใจ คำตอบของพระพายเหมือนกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ยิ่งตอกย่ำความจริงตรงหน้าว่าจอมใจได้จากไปแล้วตลอดกาล เหนือสมุทรพยายามข่มกลั้นความรู้สึกแต่ก็ยากจะทำใจ ตอนนี้หญิงสาวจากไปในที่ที่เขาไม่สามารถตามหาได้ และต่อให้ใช้เงินทั้งหมดที่มี ก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีต ราวกับเป็นบทลงโทษของคนชั่วช้าอย่างเขา หลังกลับมาจากสถานสงเคราะห์เหนือสมุทรก็กลายเป็นคนละคน จากคนที่มีความรับผิดชอบต่องาน กลับกลายเป็นคนเสียสติที่ทิ้งทุกอย่างให้เลขาเป็นคนจัดการ เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหากบริษัทเกิดปัญหาใหญ่จนต้องปิดตัว ไม่สนใจเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มหมกตัวอยู่ในห้องบนชั้นที่ยี่สิบสี่ทั้งวันทั้งคืน ภายในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่และกลิ่นเหล้า สภาพของเขาในตอนนี้ไม่เหลือเค้านักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเลยสักนิด เพราะเอาแต่หวนคิดถึงหญิงสาวที่จากไปแล้ว หญิงสาวที่เขาปล่อยไปกับมือกำลังทำให้เขากลายเป็นคนเสียสติ ความเสียใจถูกปลดปล่อยออกมาจนกลายเป็นความคลุ้มคลั่งเพราะไม่สามารถจัดการอารมณ์ได้ ในห้องนี้ไม่ว่าจะมองไปที่ใดก็เห็นแต่ภาพของจอมใจส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เขา ทำให้เขาเผลอยกมือไขว่คว้าอยู่เรื่อย แม้ว่าสุดท้ายภาพตรงหน้าจะมลายไปหรือเพียงแค่อากาศว่างเปล่าเท่านั้น ชายหนุ่มนอนเหม่อลอยอยู่บนโซฟา มือหนึ่งกอดขวดเหล้าอีกมือหนึ่งถือภาพถ่ายของจอมใจเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตหญิงสาวในภาพอย่างคะนึงถึง ความละอายใจ ความสิ้นหวัง ความโศกศัลย์ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง แม้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะล้นทะลักผ่านดวงตา แต่กลับไม่จางลงไปเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่หลับตาลงก็จะเห็นแต่ภาพของจอมใจ เห็นภาพที่เธอส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนหวาน เธอจูงมือเขาเดินเล่นในสวนดอกไม้ หัวเราะด้วยน้ำเสียงสดใส ทำให้โลกทั้งใบของเขาส่องสว่างขึ้นราวกับแสงอาทิตย์ในยามเช้า เขาไม่อยากตื่นจากความฝันเหล่านั้นแต่การจะนอนหลับได้ก็ยากเย็นเหลือเกิน จึงจำเป็นต้องใช้เหล้าเป็นตัวช่วย เพื่อจะได้นอนหลับนานขึ้นอีกสักนิด ได้แต่ภาวนาว่าขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง หากย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้ง เขาจะไม่มีวันทำให้อีกฝ่ายเสียใจ “จอมใจ… ฉันคิดถึงเธอ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม