ตอนที่1
พี่น้องแบบใด
.
ครึก ครึก!
“โว้! เฮ้ย!...อะไรเนี่ย?” ปลาทู เด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มหวานละมุน โวยวายกับตัวเองด้วยโทนเสียงที่หงุดหงิด เนื่องจากรถมินิคูเปอร์ที่ขับอยู่ดันมาจอดค้างเติงอยู่กลางถนนเสียดื้อๆ เป็นเรื่องให้อารมณ์บูดบึ้งแต่เช้า “จะมาพังอะไรกันตอนนี้”
ตอนที่เธอกำลังจะไปมหาลัยเนี่ย!
นิ้วเรียวกดปุ๊บส่งสัญญาณให้กับรถคันอื่นที่ตามมาได้รับรู้ว่ารถคันนี้กำลังเสียจะได้ไม่มีใครบีบแตรไล่ ก่อนจะยกโทรศัพท์หวังจะโทรหาช่างประจำ ทว่าสายตาอันเฉียบแหลมที่กำลังมองผ่านกระจกรถ มองเห็นบิ๊กไบก์คันคุ้นตาของใครบางคนกำลังขับเข้ามาใกล้ ร่างเล็กจึงไม่รอช้า เปิดประตูลงไปขอความช่วยเหลือทันที
“ทำบ้าอะไรของเธอ” จากที่คิดว่าจะขับผ่านไปแล้วเชียว แต่เมื่อเห็นยัยเด็กข้างบ้านเดินลงจากรถมาดักหน้ารถเขา อคิณ จึงทำแบบที่ใจหวังไม่ได้ “อยากตายก็ไปโดดสะพานนู้น” พร้อมชี้มือนำทาง
หากเป็นปกติคนตัวเล็กคงด่าคืนไปแล้ว แต่เพราะตอนนี้อยู่ในสถาณการณ์ที่ต้องพึ่งพาอีกฝ่าย ปลาทูจึงทำได้เพียง “พี่คิณช่วยปลาทูหน่อยสิ อยู่ๆรถมันก็ดับ”
“แล้วแต่งตัวอะไรของเธอ?” อคิณไม่ได้สนใจสิ่งที่น้องพูด ถอดหมวกกันน๊อกแล้วลอบมองกระโปร่งพลีทที่สั้นขึ้นมาเหนือเข่า “จะไปเรียนหรือจะไปหาผัว”
จี๊ดเลย แต่ต้องเก็บความในใจไว้ในภายใต้ใบหน้าที่อ่อนหวาน
“ไปเรียนสิคะ”
ถ้าไปหาผัวจะใส่ให้สั้นกว่านี้อีก ปากไอ้พี่อคิณก็ไม่เคยจะมีสักครั้งที่จะพูดจาดีๆกับเธอเลย อ้ามาทีเห็นมีแต่หมาออกมา
“เรียนบ้านเธอสิ สั้นฉิบหาย” ที่จริงเขาควรจะโฟกัสที่รถพังแต่ผิวขาวนวลของเรือนขางามก็ดูขัดหูขัดตามากๆ
“เอาไว้เลิกเรียนแล้วปลาทูจะไปหากระโปร่งที่ยาวถึงตาตุ่มมาใส่เลยดีไหมคะ แต่ตอนนี้พี่คิณช่วยปลาทูก่อนนะ ถ้าสายปลาทูต้องถูกพวกพี่ๆทำโทษแน่” คนอ้อนวอนร่ายยาวจนดูน่าเห็นใจ แต่สำหรับคนพี่ที่เห็นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝ่าหอย รู้ดีว่ายัยเด็กปลาทูแค่เห็นว่าเขามีประโยชน์ก็เท่านั้น
ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ว่าสาวคนไหนได้เห็นต่างก็กรู่กันเข้าหา ถอดหายใจเสียงดังพรืดก่อนจะขับบิ๊กไบก์ไปจอดไว้ข้างทาง ดีที่ช่วงนี้รถไม่เยอะ ก่อนจะกลับมาเปิดประตูขึ้นรถสี่ล้อ พลางเลื่อนกระจกบอกร่างเล็กที่ยืนนิ่งไม่รู้จะทำอะไร
“เข็น”
“หะ?” ปลาทูขมวดคิ้วอย่างสงสัย คำว่า ‘เข็น’ ที่ว่า เขาคงไม่คิดจะให้เธอเข็นรถจริงๆหรอกนะ
“อย่ามาทำเป็นเด็กหูตึงตอนนี้” น้ำเสียงติดหงุดหงิด “เข็นท้ายรถ”
“พี่จะบ้าเหรอ?” คนที่พึ่งเข้าใจสาวเท้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถ “ปลาทูเป็นผู้หญิงนะ พี่สิต้องมาเข็น”
“แล้วนี้มันรถใคร? รถฉันหรือรถเธอ?”
“รถปลาทูค่ะ” เสียงเบาลงอย่างไม่มีข้อแก้ตัว
“แล้วทำไมฉันต้องเป็นคนเข็น?”
“กะ ก็พี่คิณเป็นพี่”
“แล้วคนเป็นน้องเข็นไม่ได้?” เลิ่กคิ้วถาม “มือไม่มี? ตีนขาด?”
แม่เจ้า! เหลือจะเชื่อกับไอ้พี่บ้านี้จริงๆเลย
สุดท้ายร่างบอบบางก็ต้องเดินไปยังท้ายรถ จำใจยอมเป็นฝ่ายเข็นรถตัวเอง ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อน
ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พี่คิณคนเลว รอถึงทีเมื่อไหร่แม่จะเอาให้จุกเลย!
“หึ” ภายใต้ใบหน้าอันเรียบนิ่ง พอได้เห็นสีหน้าของเด็กน้อยที่กำลังเง้างอดผ่านกระจกหลังก็นึกขำในใจ
ให้เดา ในใจของเด็กนั้นคงกำลังสาปแช่งเขาอยู่เป็นแน่
ที่จริงเขาก็ซ้อมได้นะ เรียนวิศวกรรมสาขาเครื่องยนต์มาเกือบจะสามปี เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่เขากำลังรีบไม่มีเวลามาเช็คให้หรอก
ใช้เวลาไม่นานรถก็ย้ายมาจอดข้างทาง อคิณจึงจัดการโทรเรียกช่างให้มาดู จากนั้นก็เดินไปคร่อมรถตัวเองพร้อมกับเอาหมวกกันน็อคมาสวม เด็กสาวเห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปหา
“เดี๋ยวสิพี่คิณ”
“อะไรอีก? ช่างฉันก็โทรให้แล้ว อีกเดี๋ยวก็คงมา” พูดเป็นเรื่องปกติแต่คนที่อ่อนกว่ากลับมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
“แล้วพี่จะไปไหน?”
“ไปมหาลัยสิ ถามโง่ๆ” เหลือบตามองคนน้องเล็กน้อย แต่ก็ยังใจดียกมือขึ้นบังแดดให้ เนื่องจากเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าเธอ
ไม่ใช่เพราะพิศวาสอะไรหรอกนะ แต่ปลาทูเป็นเด็กแพ้เหงื่อ ยิ่งเหงื่อออกมากเท่าไหร่ผืนก็จะขึ้นตามตัว เป็นทีก็ต้องนอนโรงพยาบาลแล้วทีนี้ใครล่ะที่ลำบาก หากไม่ใช่เขา นายอคิณคนนี้ที่ต้องเป็นคนไปนอนเฝ้า
เหอะ! ยัยเด็กขี้โรค
“พี่จะไปได้ไง แล้วปลาทูล่ะ เอาปลาทูไปด้วย” ยังไงก็ต้องไปที่เดียวกันอยู่แล้วเพราะเรียนที่เดียวกัน จะมาทิ้งกันไปดื้อๆได้ไง
“จะไปยังไงก่อน” ชักสีหน้าใส่ “ตาเธอมีหรือเปล่า เห็นไหมว่ารถฉันไม่มีที่ให้เธอนั่ง” ที่จริงตั้งแต่ซื้อคันนี้มาเขาก็ไม่คิดจะติดที่นั่งสำหรับคนซ้อนไว้อยู่แล้ว ไม่อยากเอาใครมาห้อยไว้ด้านหลัง มันรู้สึกรำคาญ
เป็นประโยคที่ทั้งห้วนและหยาบในคราเดียวกัน แต่คนที่รู้มือกันมาตั้งแต่เด็กกลับมองว่าเป็นเรื่องปกติ
ไม่หยาบคาบ ไม่ห่าม ไม่เถื่อน ไม่ใช่อีพี่อคิณแน่นอน
“ได้ไงก่อน? เฮ้ย! พี่คิณ พี่คิณณณ” จังหวะที่คนตัวเล็กกำลังหันซ้ายหันขวาคิดหาหนทาง คนที่นั่งบนบิ๊กไบก์ก็สับเกียร์ออกตัวโดยไม่คิดจะเอาน้องสาวข้างบ้านที่ยังยืนอยู่สักบาท ทำเอาเจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะก่นด่าไล่หลัง “ไอ้พี่คิณคนบ้า ไอ้คนเลว ไอ้คนไม่มีน้ำใจ ไอ้คนมนุษยธรรมติดลบ”
แล้วไงต่อ?
สุดท้ายปลาทูก็ต้องยืนรอจนช่างมายกรถของเธอไป จากนั้นก็ไหว้วานให้ไปส่งที่มหาลัยเพราะรู้จักกันดี เนื่องจากใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง
“ขอบคุณนะคะคุณลุง” มือเล็กยกขึ้นพนมกลางอกด้วยความนอบน้อมก่อนจะลงจากรถ มองนาฬิกาก็แทบเข่าทรุด “สายมาสิบนาที”
ปลาทูไม่รอช้าสับขาวิ่งไปยังสนามหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างไม่คิดชีวิต โชคดีที่วันนี้ใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่งั้นคงมีคนล้มคะมำหน้าแหก
เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้นอกจากไอ้พี่ข้างบ้านตัวร้ายที่ไม่ยอมให้เธอติดรถมาด้วย แม้จะไม่ใช่ความผิดเขาแต่ก็ขอตั้งข้อหาอีกฝ่ายไว้ก่อน
ทั้งที่บ้านเราอยู่ติดกัน เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมเขาไม่มีจิตสำนึกของความเป็นพี่น้องหยุมหัว อันแน่นแฟ้นของเราบ้างเลยนะ
ขวับ!
เมื่อมาถึง ทุกสายตาต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียวแต่คนเหนื่อยหอบลากกลับไม่คิดจะใส่ใจ โน้มตัวเท้าแขนทั้งสองข้างกับเข่า หอบหายใจหนักหน่วง ปรายสายตาไปยังคนตัวโต ก็เห็นคิ้วเข้มนั้นขยับขึ้นลงอย่างยียวน
“ไอ้พี่บ้า!” ปลาทูพึมพำ ใบหน้ายุ่งเหยิงยิ่งกว่าแมวหิว
“คนสายเชิญข้างหน้า!” ยังไม่ทันจะหายเหนื่อย อคิณที่มีตำแหน่งเป็นรองประธานรุ่นตะเบงเสียงดัง ทำเอาคนอื่นสะดุ้งตัวกันเป็นแถว ขณะที่คนรู้ตัวกลอกตามองบนใส่แต่ก็ยอมเดินไปหน้าแถว
“ทำไมถึงมาสายครับน้องปลาทู” อาเธอร์ เฮดว๊าก รุ่นพี่มาดนิ่ง มีรอยสักชื่อตัวเองติดอยู่ตรงต้นคอ ยืนกอดอกเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“รถพังค่ะ ไม่เชื่อถามอะ...” ความปากไว้เลยทำให้เกือบหลุดคำว่า ‘ไอ้’ ออกไปแต่ดีที่กลับตัวได้ “พี่คิณได้ค่ะ”
“กูไม่รู้” คนถูกพูดถึงยกมือทั้งสองข้างขึ้น แววตาฉายความไร้เดียงสาไม่รู้เรื่อง แต่มันจะไม่รู้เรื่องได้ยังไงกันในเมื่อไปกี่สิบนาทีก่อนเขายังทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีกับเธออยู่เลย เล่นเอาดวงตาคู่น้อยเบิกโตอ้าปากพะงาบ
“สรุปโกหกรุ่นพี่” มาวิน รุ่นพี่สุดหล่อหน้าหวาน ตำแหน่งเดือนคณะหรี่ตามองคนตัวเล็กอย่างจับผิด
“ปลาทูไม่ได้โกหกนะคะ” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คนพี่เลยอยากแกล้ง
“เต้น” คำพูดนั้นทำรุ่นพี่ทุกคนต่างมีสีหน้าที่พึงใจ
“คะ?”
“คนมาสายก็ต้องถูกลงโทษ แล้วบทลงโทษของเราก็คือให้น้องปลาทูเต้นให้เพื่อนๆดูครับ” มาวินอธิบาย ขณะที่เพื่อนคนพูดน้อยอย่าง เพทาย เตรียมตีกลองทำจังหวะ
โอ้ย! จะบ้า รู้เลยว่าทุกคนจงใจแกล้งเธอ รวมทั้ง การิน เจ้าของใบหน้าหล่อเข้มที่ปากร้ายพอๆกับอคิณ ยืนกอดอกหัวเราะในลำคอ
แล้วเธอเลือกอะไรได้
“ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา...” เสียงใสร้องเองเต้นเอง พลางนึกขำตัวเองไปด้วย ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงฮือฮาของหนุ่มๆรุ่นเดียวกันที่ทนต่อความสดใสน่ารักของเธอไม่ได้
“น่ารักวะ”
“นั้นดิ แม่งขาวฉิบหาย”
“จะมีแฟนหรือยังวะ”
“ตัวเล็กสเปกกู”
“กูวะ...”
“พูดเหี้ยไรกัน!” สิ่งที่ได้ยินมาเป็นระยะๆทำพี่ชายข้างบ้านติดข้องใจ ถามกลุ่มผู้ชายด้านหลังแถวน้ำเสียงแข็งกร้าว ทำให้พวกนั้นก้มหน้าก้มตาแทบไม่ทัน
“ใจเย็นดิมึง” การินที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยเตือนเพราะรุ่นน้องที่นั่งออกันอยู่ รวมไปถึงคนที่กำลังสนุกกันด้านหน้าหันมามองเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่ปลาทู “เสียงดังทำคนอื่นตกใจหมด”
“มีเรื่องไรกันวะ?” ประธานเฮดว้ากเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาดู การินจึงกระซิบเล่าถึงเหตุการณ์
“ไอ้พวกเด็กเวร มันพูดจาเรื้อนใส่น้องไอ้คิณ”
“อึม” คนรับฟังเข้าใจ พลางหันไปมองปลาทูที่มีสีหน้างุนงง ก่อนจะหันกลับมาตะคอกเสียงดัง สั่งพวกรุ่นน้องที่สุมหัวกันเมื่อครู่ “พวกมึงลุกขึ้นมา แล้ววิ่งรอบสนามสิบรอบ”
พวกเขาไปบ้านอคิณอยู่บ่อยครั้งทำไมจะไม่รู้จักสาวน้อยอย่างปลาทู ที่เห็นแต่ละคนตึงๆใส่ก็แค่เป็นสไตล์ อยากแกล้งน้องก็เท่านั้น
“โหย...พี่” รุ่นน้องอีดออด ร้อนก็ร้อนยังจะให้วิ่งอีก
“ยี่สิบ” เสียงเข้มบอก สายตาไม่มีแม้แต่คำว่าล้อเล่น “ถ้าพวกมึงยังพูดอีกคำเดียว กูเพิ่มเป็นสามสิบ” เท่านั้นแหละ พวกนั้นถึงกับสับขาวิ่งทันที
“มีเรื่องไรกันคะพี่วิน” ใบหน้าหวานหันไปถามรุ่นพี่ที่อยู่ใกล้ที่สุด ขณะที่มาวินเองก็ไหวไหล่ แต่ถ้าให้เขาเดาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของเธอนั้นแหละ
หึ! พี่น้องแน่นะวิ