“นี่ๆ นังแนนซี่ ฉันเห็นตั้งหลายครั้งแล้ว บาร์เกย์ดังๆ ในภูเก็ตคุณนักรบไปกวาดเด็กหนุ่มมากินหมดแล้ว เด็กใหม่ๆ ซิงๆ ไม่เคยมีใครรอดจากมือของคุณนักรบ ใครๆ ก็รู้ มีแต่คุณใบเฟิร์นคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้”
“เฮ้อ...ฉันสงสารคุณใบเฟิร์น ไม่อยากให้ผู้หญิงดีๆ อย่างเธอต้องถูกคุณนักรบหลอก ส่วนฉันก็คั๊น...คันปาก อยากบอกความจริงกับคุณใบเฟิร์น แต่ก็ถูกแม่พอลลี่ตบจนขี้หูสั่น
สะเทือน แถมขู่จะไล่ออกด้วย ไม่ยังงั้นฉันได้บอกคุณใบเฟิร์นไปแล้ว
เสียงสนทนาของพนักงานในสตูดิโอ โดยเฉพาะแนนซี่ยังคงสนทนากันต่อเนื่องซึ่งมี
พันธิสาและนักรบเป็นหัวข้อในการสนทนา แต่ตอนนี้พันธิสาไม่ได้อยู่ฟังอีกแล้ว หญิงสาวเดิน
เร็วๆ ออกจากบริเวณหน้าห้องน้ำ เข้ามานั่งในรถยนต์และนึกถึงคำสนทนาที่ได้ยินเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
‘คุณนักรบเป็นเกย์’
“ใช่หรือ คุณรบเป็นเกย์จริงหรือ”
พันธิสาตั้งคำถามกับตัวเองหลังจากได้ยินคำสนทนาโดยบังเอิญ หญิงสาวนิ่วหน้า ส่ายหัวปฏิเสธกับคำพูดของแนนซี่ที่ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท และก็ให้คำตอบกับตัวเองว่า
“ไม่ใช่! คุณรบไม่ได้เป็นเกย์”
ตั้งคำถามและให้คำตอบกับตัวเองแล้ว พันธิสาก็สตาร์ทรถขับออกจากบริเวณสตูดิโอถ่ายภาพทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์อีกข้าง
แม้คอนแทคเลนส์จะหลุดไปข้างหนึ่งแต่ก็ยังเหลืออีกข้างที่พอจะทำให้มองเห็นได้บ้าง และต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ ขับช้าๆ ชิดซ้ายไว้กระทั่งถึงเดอะบีชผับ เป็นผับระดับห้าดาวที่มีชื่อของเธอเป็นเจ้าของ
และในค่ำคืนนี้ผับของเธอได้รับการติดต่อจากองครักษ์ส่วนตัวของชีคอัลมัส อัลซิดส์ คาลาห์ ที่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองสละโสด และพระองค์ก็เลือกใช้บริการที่เดอะบีชผับ ซึ่งเธอต้องดูแลกำชับให้พนักงานในผับบริการท่านชีคและเหล่าองครักษ์ของพระองค์ให้ประทับใจที่สุดที่ได้มาใช้บริการในผับของเธอ
พันธิสาสลัดเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับคู่หมั้นออกจากหัวชั่วขณะ เมื่อขับรถมาจอดหน้าผับของเธอในย่านถนนบางลา ย่านบันเทิงดังและเป็นสีสันของจังหวัดภูเก็ต
ร่างบางระหงเดินเข้าไปในผับซึ่งพนักงานทุกคนกำลังทำความสะอาด เตรียมความพร้อมเพื่อรอต้อนรับท่านชีคอัลมัส ก็เดินเข้าไปสั่งกำชับกับลูกน้องซึ่งเป็นผู้จัดการร้านของเธอว่า
“ดูแลให้พนักงานเช็ดทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของผับเลยนะแฟร์รี่”
“ค่ะคุณใบเฟิร์น แฟร์รี่บอกทุกคนแล้วค่ะ”
แฟร์รี่ ผู้เป็นเลขาฯ ส่วนตัวและควบตำแหน่งผู้จัดการผับได้พยักหน้ารับคำสั่งจาก
พันธิสา ซึ่งนอกจากจะสั่งกำชับกำชาให้พนักงานในผับทำความสะอาดแล้ว เธอยังลงมือช่วยพนักงานอีกแรงด้วย
“ดีมากแฟร์รี่ อย่าให้ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ต้องต้อนรับท่านชีคอัลมัสให้ดีที่สุด ให้พระองค์ประทับใจและกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง”
“ค่ะคุณใบเฟิร์น”
“แฟร์รี่ทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวพี่จะไปอาบน้ำก่อน อีกสามชั่วโมงก็ถึงเวลาที่ท่านชีคอัลมัสจะเดินทางมาที่ผับแล้ว”
“ค่ะ เดี๋ยวแฟร์รี่ดูแลผับให้เองค่ะ คุณใบเฟิร์นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”
พันธิสาพยักหน้ารับกับคำพูดของเลขาฯ ส่วนตัวที่ทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพคุ้มกับเงินเดือนที่เธอได้จ่ายให้
และขณะแฟร์รี่กำลังจะผละไปช่วยพนักงานคนอื่นๆ ดูแลความเรียบร้อยภายในผับ ก็เอ่ยเรียกอีกฝ่ายไว้พร้อมกับถามไม่เต็มเสียงนัก
“แฟร์รี่...เอ่อ...เธอเคยได้ยินข่าวที่ว่า เอ่อ...คุณนักรบเป็นเกย์ไหม”
กว่าจะหลุดคำถามออกมาได้ ก็ต้องใช้เวลาเกือบนาที ครั้นพอถามแล้ว ก็ต้องกลั้นหาย
ใจรอคอยคำตอบจากลูกน้อง
ส่วนคนที่ถูกนายจ้างเอ่ยถาม ก็ตีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ ไม่กล้าเดาว่าถ้าหากตอบตาม
ความเป็นจริง คำตอบนี้จะสร้างความโกรธเคืองและมีผลกระทบกับหน้าที่การงานของเธอหรือเปล่า จึงเลือกที่จะเอ่ยตอบเป็นการโกหกว่า
“ใครกันช่างเม้าส์ว่าคุณนักรบเป็นเกย์...คุณนักรบแมนทั้งแท่ง คุณใบเฟิร์นอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่นเลยค่ะ”
“มีคนพูดว่าคุณรบชอบเข้าผับเกย์ด้วย แฟร์รี่หรือเพื่อนๆ เคยเจอคุณรบในผับเกย์ไหม”
พันธิสายังคงตั้งคำถามต่อ อยากได้คำยืนกรานว่าคู่หมั้นหนุ่มของเธอไม่ได้เป็นชายรักชาย ไม่ได้เบี่ยงเบนทางเพศ และที่สำคัญคือไม่ได้หลอกเธอ
แม้คันปากอยากบอกความจริงกับพันธิสา สงสารนายจ้างสาวที่ถูกคู่หมั้นหนุ่มหลอกมานาน แต่กระนั้นก็นึกสงสารตัวเองมากกว่า เพราะหากบอกความจริงไปแล้วเกิดเจ้านายสาวไม่พอใจหาว่าเธอใส่ร้ายคู่หมั้นและไล่เธอออกจากงานก็เป็นอันจบเห่! ต้องอดตายทั้งบ้านแน่ จึงจำต้องเอ่ยบอกความจริงแบบครั้งๆ กลางๆ ไว้ให้พันธิสาหาคำตอบเอาเอง
“เอ่อ...เรื่องนี้เพื่อนๆ ของแฟร์รี่ก็เคยบอกค่ะว่าเจอคุณนับรบในบาร์เกย์ แต่แฟร์รี่คิดว่าคุณนักรบน่าจะเข้าไปหาข้อมูลสำหรับเปิดผับเกย์กับมิสเตอร์ลูคัสค่ะ”
“ใช่ คุณรบเคยเกริ่นบอกพี่เหมือนกันว่าอยากเปิดบาร์เกย์ เพราะรายได้ดีมาก และแขกส่วนใหญ่มักจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติแถบเอเชียบ้านเราที่นิยมมาเข้าบาร์เกย์ในไทย คุณรบคงเข้าไปหาข้อมูลนั่นแหละ แต่คนที่ไม่รู้ความจริงก็เอามาเม้าส์กันสนุกปากว่าคุณรบเข้าไปซื้อเด็กในบาร์เกย์กิน”
แฟร์รี่ฝืนยิ้มและพยักหน้าเออออห่อหมกกับคำพูดของพันธิสา ทั้งๆ ในใจนั้นสงสาร
เจ้านายเหลือเกินที่ไม่รู้ตัวว่าถูกคู่หมั้นหลอก และด้วยเกรงว่าจะรูดซิปปิดปากไม่สนิท เผลอบอกความจริงเข้า จึงรีบเอ่ยขอตัวกับเจ้านายสาว
“แฟร์รี่ขอไปดูแลร้านก่อนนะคะ ใกล้ถึงเวลาที่ท่านชีคเดินทางมาที่ผับแล้ว”
“จ้ะ แฟร์รี่ไปเถอะ พี่ก็จะไปอาบน้ำเตรียมตัวต้อนรับท่านชีคเหมือนกัน”
ได้รับคำตอบที่มีเหตุมีผลจากแฟร์รี่ก็ทำให้พันธิสาสบายใจขึ้น และกล้ายืนยันว่าคู่หมั้นของเธอไม่ได้เป็นชายรักชายตามคำเล่าลือของคนอื่นๆ