“เอ้านี่ เอาไปใส่เสีย ใส่เสร็จแล้วก็ออกมาคุยกับฉัน” โยนถุงเสื้อผ้าที่ลูกน้องเพิ่งนำมาให้ใส่หน้าคนที่ยืนกอดอกเชิดหน้าอยู่ หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงไม่ทันได้รับ เป็นเหตุให้ถุงเสื้อผ้าเจ้ากรรมหล่นตุ้บมาอยู่แทบเท้าเรียวของเธอ ลักษณ์ณาราอยากจะตะคอกใส่หน้าคนมารยาททรามนัก จะยื่นมาให้ดีๆ หน่อยก็ไม่ได้ ทำดีกับเธอสักครั้งมันจะทำให้เขาขาดใจตายหรือไงกัน ไม่วายแอบค่อนแคะชายหนุ่มในใจ
ร่างบางกระชับสาบเสื้อคลุมอาบน้ำให้ทบเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงหยิบถุงเสื้อผ้าที่เขาส่งให้เหมือนไม่เต็มใจขึ้นมา อดที่จะล้วงมือเอาเสื้อผ้าที่อยู่ภายในออกมาดูไม่ได้ เพียงหยิบได้เสื้อชั้นในสีดำลายลูกไม้ก็ถึงกับมองตาค้าง ขนาดตรงเป๊ะกับที่เธอสวมใส่
“หึๆ ไม่ต้องทำหน้าแปลกใจไปหรอก ขนาดเธอฉันวัดมันด้วยสายตาและฝ่ามืออย่างละเอียดถี่ถ้วน ทุกซอกทุกมุม!” มาร์โบโลไขข้อข้องใจด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเหมือนเข้ามานั่งในใจเธอก็ไม่ปาน
“บ้า!” เจ้าของใบหน้าแดงระเรื่อส่งเสียงแหลมตวาดแว้ด พลางหันหลังแล้ววิ่งเข้าสู่ห้องน้ำกว้าง ทันได้ยินเสียงหัวเราะขบขันที่ดังไล่หลังมา
ลักษณ์ณารารีบจัดการกับสภาพตัวเองอย่างเร่งด่วน สิบนาทีต่อมาร่างบางก็มายืนประจัญหน้ากับเจ้าชีวิตของเธออีกครั้งในสภาพเรียบร้อย ภายใต้ชุดทำงานของพนักงานคาสิโนในเรือสำราญลำหรู ถึงแม้ใบหน้าจะไร้ซึ่งเครื่องสำอางมาประทินผิว แต่ความงามตามธรรมชาติก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลง เล่นเอาคนแอบมองเพลินนัยน์ตาเลยทีเดียว เมื่อสำนึกได้ว่าตนเผลอทำอะไรลงไป เจ้าพ่อหนุ่มก็รีบขับไล่ความฟุ้งซ่านออกไปจากจิตใจโดยเร็ว
“เอาละ ทีนี้ก็มาทำความรู้จักกันได้แล้ว” คนเดินนำหน้าว่าพลางบุ้ยปากส่งสัญญาณให้เธอนั่งลงตรงโซฟาฝั่งตรงข้ามกับตน
“ฉันชื่อมาร์โบโล คอฟอร์ด แล้วเธอล่ะ” เมื่อร่างอรชรกระแทกสะโพกอวบอั๋นลงบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าพ่อหนุ่มก็เอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับเธอทันที
“ฉันชื่อลักษณ์ณารา สุขวิมล” หญิงสาวแนะนำตัวให้อีกฝ่ายได้รู้จักด้วยชื่อและนามสกุลเช่นกัน แล้วทำเมินไม่มองหน้าคู่สนทนา เพราะกลัวตัวเองจะหวั่นไหวไปกับใบหน้าหล่อกระชากใจที่พระเจ้าประทานมาให้
“ลักษณ์ณารา เรียกยากชะมัด มาจากประเทศไหนล่ะ” ทวนชื่อของหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ จนลักษณ์ณาราอดที่จะหลุดคิกออกมาไม่ได้
“ประเทศไทย” หญิงสาวหยุดท่าทางขำๆ แล้วเชิดหน้ายืดอกบอกกล่าวถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตนอย่างภาคภูมิใจ
“อืม…ตามฉันมานี่” พยักใบหน้าหล่อเหลาเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร แล้วก้าวฉับๆ นำหน้าโดยไม่ปริปากชี้แจงแถลงไขว่าจะพาเธอไปไหน หญิงสาวได้แต่แอบย่นจมูกใส่แผ่นหลังกว้างที่อยู่เบื้องหน้า แถมท้ายด้วยการแอบขมุบขมิบปากด่าทอคนตัวโตในใจอย่างหมั่นไส้ แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งโหยง รีบหุบปากฉับเมื่อจู่ๆ คนที่เดินอยู่ข้างหน้าก็หันขวับกลับมา
“อย่าให้รู้นะว่าแอบด่าฉัน” ชี้หน้างามพร้อมขู่เสียงลอดไรฟัน
‘คนบ้าอะไร เธออุตส่าห์แอบด่าในใจยังมีหน้ามาล่วงรู้อีก มีหูทิพย์หรือยังไงกัน’ ลักษณ์ณาราได้แต่แอบค่อนขอดด้วยความหมั่นไส้
เมื่อหันมาข่มขู่หญิงสาวเสร็จ เจ้าพ่อหนุ่มก็ก้าวยาวๆ ไปเบื้องหน้า โดยไม่สนใจสักนิดว่าคนขาสั้นเพราะตัวเตี้ยจะตามทันหรือไม่ จากที่ตอนแรกแค่ก้าวช่วงยาวๆ กลับกลายเป็นต้องวิ่งตามหลังร่างสูงสง่า ไม่รู้ว่าจะรีบไปไล่ควายที่ไหน ถึงได้เอาแต่เดินเทิ่งๆ โดยไม่เห็นใจคนตามหลังเลยสักนิด
พอเดินเข้ามาภายในชั้นที่เป็นคาสิโน สายตาหวานซึ้งของลักษณ์ณาราก็มองทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างใคร่รู้ เพราะไม่เคยย่างกรายเข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายในคาสิโนมาก่อนในชีวิต คาสิโนลอยน้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยนักพนันกระเป๋าหนัก เพราะถ้าไม่เข้าขั้นมหาเศรษฐีก็คงไม่มีสิทธิ์ขึ้นเรือสำราญหรูลำนี้ได้
แล้วเสียงฝีเท้าหนักๆ ของเจ้าพ่อหนุ่มสลับกับเสียงฝีเท้าถี่ๆ เพราะต้องวิ่งตามของแม่สาวเอเชียร่างเล็กก็มาหยุดลงตรงหน้าฝรั่งร่างยักษ์ ใบหน้าเฉยชาคนหนึ่งซึ่งทันทีที่อีกฝ่ายเห็นร่างของมาร์โบโลปรากฏตัวก็ค้อมหัวทำความเคารพอย่างนอบน้อม เดาได้ไม่ยากว่าผู้ชายกล้ามโตตรงหน้าต้องเป็นลูกน้องของเขาอย่างแน่นอน เพราะทั้งเจ้านายและลูกน้องชอบทำหน้าตึงพอกัน
“สอนงานให้เธอด้วย” เจ้าของเรือสำราญลำหรูออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทที่กำลังตรวจดูความเรียบร้อยในคาสิโน
“ครับนาย” คาร์ลอสค้อมหัวรับคำสั่งโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
“เดี๋ยวสิคุณ” เท้าที่ตั้งใจจะก้าวออกจากบริเวณนั้นเป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงหวานๆ ของอีกฝ่ายดังขัดขึ้น เจ้าของใบหน้าคมคายค่อยๆ หันหลังกลับมามองหน้าคนเอ่ยรั้งตัวเองเอาไว้
“มีอะไรอีกฮึ แม่คนเรื่องมาก” กระแทกเสียงเหน็บแนมอย่างเสียไม่ได้
“ทำไมคุณต้องให้ฉันมาทำงานในนี้ด้วย” หัวคิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปม พลางจ้องใบหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอรับฟังคำตอบอย่างใคร่รู้
“ก็เธอติดหนี้ฉัน จากการที่เพื่อนฉันซื้อตัวมา หากเธออยากเป็นอิสระเธอก็ต้องทำงานใช้หนี้ฉัน” ถึงแม้เงินที่ประมูลหญิงสาวจะเป็นเงินของแอรอน มอร์แกน แต่เมื่อเพื่อนรักยกเธอให้เขา ก็เท่ากับว่าเธอตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา เขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้ ชายหนุ่มคิดในทางผู้กุมอำนาจ
“แล้วไอ้หนี้ที่ฉันต้องทำงานชดใช้คุณ มันเท่าไหร่กันเชียว” ถามเพราะขณะที่ยืนร้องไห้อยู่บนเวที เธอไม่มีกะจิตกะใจจะฟังเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
“หนึ่งแสนยูโร” มาร์โบโลตอบคำถามเสียงเนิบนิ่ง เหมือนเงินจำนวนนั้นเล็กน้อยขี้ประติ๋ว พลางสอดมือเข้าไปล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“หนึ่งแสนยูโร!” ลักษณ์ณาราอุทานเสียงดัง ดวงตากลมโตเบิกค้าง เพราะคิดว่าเพื่อนของเขาคงจะไม่บ้าดีเดือดประมูลตัวเธอมาด้วยราคาแพงลิบลิ่วขนาดนี้
‘แล้วเงินหนึ่งแสนยูโร มันเป็นเงินไทยสักกี่มากน้อยกันล่ะเนี่ย’ หัวสมองน้อยพยายามคิดคำนวณให้วุ่น ขนาดหนึ่งแสนบาทไทยเธอก็ยังว่ามากแล้ว มากจนไม่มีปัญญาจ่ายให้ไอ้เสี่ยหน้าเลือดใจทราม จนสุดท้ายต้องถูกมันเล่นวิธีสกปรกจับตัวมาแบบนี้ อย่าให้เธอหนีกลับเมืองไทยได้นะ จะไปซัดให้ดั้งแบนๆ ของไอ้เสี่ยวันชัยยุบจนไม่มีรูหายใจเลยเชียว
“เธอฟังไม่ผิดหรอกสาวน้อย ค่าตัวเธอหนึ่งแสนยูโร” ยิ่งได้ยินน้ำเสียงย้ำชัดถ้อยชัดคำ ลักษณ์ณาราก็อยากจะร้องไห้โฮออกมาด้วยความคับข้องใจ แค่เขาให้ทำงานในคาสิโนแห่งนี้ ไม่รู้จะได้ค่าแรงสักกี่บาท แล้วอย่างนี้อีกกี่ปีกี่ชาติเธอถึงจะหลุดพ้นจากอำนาจของเขาไปได้ ไม่ต้องทำงานใช้หนี้ไปจนถึงวันตายหรืออย่างไรกัน
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็อย่าคิดหนีล่ะ” เจ้าพ่อหนุ่มสั่งกำชับเสียงเย็นยะเยือก เสร็จแล้วก็หมุนตัวก้าวขาออกไปจากคาสิโนทันที ส่วนคนที่โดนคำสั่งประกาศิตก็ได้แต่ยืนทำปากขมุบขมิบเลียนแบบท่าทางของเขา คาร์ลอสซึ่งแอบลอบมองอยู่อดที่จะยกยิ้มบนมุมปากไม่ได้ สาวน้อยเอเชียคนนี้คงจะแสบไม่เบา
หลังจากนั้นลักษณ์ณาราก็เริ่มเรียนรู้งานจากคาร์ลอส เพียงไม่นานคนสมองดีก็เริ่มเป็นงานเป็นการ คาร์ลอสจึงตัดสินใจให้เธอเริ่มงานในตอนหัวค่ำของวันนี้เสียเลย โดยให้เธอมีหน้าที่นำน้ำและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้นักพนันทั้งหลาย
กว่าจะทำงานเสร็จก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ลักษณ์ณาราต้องเดินทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจนขาแข็ง แต่ก็ยังดีที่ยังมีช่วงพักให้ได้หายใจหายคออยู่บ้าง ในช่วงเปลี่ยนกะกับสาวเสิร์ฟคนอื่น ไม่งั้นคืนนี้เธอคงได้นอนปวดขาทั้งคืนแน่
พอกลับถึงห้องนอนเล็กของตัวเองที่เพิ่งได้รับกุญแจจากคาร์ลอส ลักษณ์ณาราก็ทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเตียง แล้วถอยหายใจทิ้งอย่างยืดยาว มือเรียวทั้งทุบทั้งบีบเบาๆ ไปตามต้นขาเนียนสวย
“เฮ้อ…เหนื่อยจังเลย นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉันกันนะ” รำพันพลางเอนตัวลงไปนอนราบกับพื้นเตียงหลังน้อย ก่อนจะยกมือข้างขวาขึ้นก่ายหน้าผากอย่างคนคิดไม่ตก
“ป่านนี้พี่อธิปจะเป็นยังไงบ้างนะ จะรู้แล้วหรือยังว่าเราโดนไอ้เสี่ยใจชั่วจับตัวมา” ถึงแม้จะโกรธเคืองที่พี่ชายยกตัวเธอใช้หนี้อาเสี่ยพุงพลุ้ย แต่ลักษณ์ณาราก็ยังอดเป็นห่วงเป็นใยเขาไม่ได้อยู่ดี ยังไงสายสัมพันธ์ของเธอกับอธิปก็ตัดกันไม่ขาด
ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก
“ใครอีกล่ะเนี่ย” เสียงเคาะประตูถี่ๆ ทำให้คนที่กำลังนอนหลับตาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บนเตียงบ่นงึมงำ ใบหน้างามยุ่งเหยิง ก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นแล้วสาวเท้ามายังประตู
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว” เมื่อเสียงเคาะประตูยังดังไม่หยุดหย่อน ลักษณ์ณาราจึงตะโกนไปบอกคนที่อยู่ภายนอกพลางวิ่งมายังประตู ไม่รู้คนข้างนอกมีเรื่องด่วนอะไรนักหนาถึงได้เคาะเอาๆ ไม่เจ็บมือบ้างหรือไรกัน
มือเรียวแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย เพื่อจะดูหน้าคนมารบกวนในเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความปลอดภัย หากเป็นโจรผู้ร้ายจะได้ปิดประตูใส่หน้ามันได้ทัน แต่เมื่อตาหวานช้อนขึ้นมองก็ปรากฏว่าเป็นมาร์โบโล เจ้าชีวิตหน้ายักษ์ของเธอนั่นเอง
“คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า” หัวคิ้วเรียวโก่งเลิกขึ้น พร้อมกับคำถามห้วนๆ ที่หลุดออกมาจากริมฝีปากชมพูระเรื่อ
“พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้านะ ฉันมีงานให้ทำ” เสียงแข็งออกคำสั่งตามแบบฉบับเจ้าพ่อจอมเผด็จการ คนตัวเล็กพยักหน้ารับ อยากจะปฏิเสธแต่ก็ต้องจำใจ
“แค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะพูด” เสียงที่สวนกลับแข็งกระด้างพอกัน ถ้อยคำของแม่สาวน้อยสุดแสบ มันส่อแววไล่เขาออกจากห้องอย่างกลายๆ
“อืม” เจ้าของใบหน้าหล่อหาตัวจับยากพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทำให้เธอได้แต่อ้าปากหวอ
“คนบ้า ดีแต่สั่งๆๆ” ลักษณ์ณารายืนบ่นกระปอดกระแปดอยู่คนเดียวอย่างคับข้องใจ ก่อนจะปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา นี่คือคืนแรกที่เธอได้นอนคนเดียวบนเรือสำราญลำนี้