“เฮอะ…คนอย่างฉันไม่คิดจะขู่อย่างเดียว แต่จะทำอย่างที่พูดจริงๆ” เมื่อคล้อยหลังพ่อคนเผด็จการ ลักษณ์ณาราก็ตีหน้าเข้ม ทำเสียงขรึมเลียนแบบเขา ตบท้ายด้วยการเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
“ชิ…คิดว่าคนอย่างฉันจะกลัวคุณหรือไง มือเท้าฉันก็มี ถ้าร้ายกับฉันนัก ก็จะชกให้ดั้งโด่งๆ นั่นหักไปเลยคอยดู” จากที่เก๊กเสียงห้าวราวกับผู้ชาย ก็เปลี่ยนมาทำเสียงเล็กเสียงน้อยจีบปากจีบคอต่อว่าราวกับเขายืนจังก้าอยู่ ณ ที่นี่ด้วย ท้ายประโยคไม่วายชูกำปั้นหราแล้วเหวี่ยงออกไปชกลมด้วยท่าทางก๋ากั่นเกินตัว
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมที่ดังขึ้นอยู่เบื้องหลัง เล่นเอารางบางสะดุ้งสุดตัว ตาเบิกกว้าง ก่อนจะรีบหุบปากช่างจำนรรจาและสำรวมท่าทาง ค่อยๆ หมุนร่างหันกลับมามองหน้าเจ้าของเสียงอย่างหวาดๆ แล้วลักษณ์ณาราก็ต้องผ่อนลมหายใจยืดยาวออกมาเหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อคนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่นี้หาใช่มาร์โบโล คอฟอร์ดไม่
“แหะๆ” หญิงสาวยิ้มแหยๆ ยกมือบางขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ ก่อนจะค้อมหัวให้อีกฝ่ายเมื่อผู้มาใหม่ทักทายเธอด้วยการค้อมหัวให้น้อยๆ
“คุณมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ” เลิกคิ้วโก่งถามไถ่ด้วยความสงสัย แต่ในใจก็แอบตะหงิดๆ อย่าบอกนะว่าคนเผด็จการนั่นสั่งให้ลูกน้องมาคุมเธอทำงาน
“ผมเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมาให้คุณครับ” พูดจบบอดี้การ์ดหนุ่มก็พยักพเยิดให้หญิงชาวต่างชาติที่อยู่ในชุดแม่บ้านเช่นเดียวกับเธอ ถือถังน้ำและไม่ถูพื้นมาวางตรงหน้าลักษณ์ณารา
“ขอบคุณค่ะ” ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้คนทั้งคู่พร้อมคำขอบคุณ เธอลืมแม้กระทั่งสอบถามมาร์โบโลว่าอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ที่ไหน
“ยินดีครับ” ฟรานซิสค้อมหัวให้แม่สาวใจกล้าที่ทำท่าทางเลียนแบบเจ้านายของเขา พูดจบก็เดินจากไปโดยมีแม่บ้านเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง
ให้หลังคนทั้งคู่จนแน่ใจว่าปลอดคนแล้ว ลักษณ์ณาราก็สะบัดหัวขับไล่ความขุ่นเคืองและความหมั่นไส้ให้เจ้าของห้องนอนโทนสีน้ำทะเล แล้วลงมือทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้น กว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจพิชิตฝุ่นก็เล่นเอาร่างบางหอบฮัก เหงื่อไหลไคลย้อย จนต้องนั่งพักหายเหนื่อยอยู่ผนังห้อง รอให้เจ้าชีวิตของเธอมาตรวจงาน
“เสร็จแล้วหรือไง ถึงได้มานั่งจุมปุกอยู่ที่นี่” เสียงทุ้มกล่าวขึ้นทันทีที่สอดส่ายสายตาหาร่างที่กำลังนั่งหลับตาระบายลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ร่างน้อยเผลอนั่งหลับไปจริงๆ เพราะไม่เคยเข้านอนดึกเหมือนเมื่อคืนนี้ เธอมันเด็กอนามัย สามทุ่มก็ได้ฤกษ์งามยามดีต้องจรลีไปเข้าเฝ้าพระอินทร์แล้ว ครั้นจะให้มาอดตาหลับขับตานอนก็คงไม่ไหว
“ลักษณ์ณาราตื่นได้แล้ว ลักษณ์ณารา” ร่างสูงสง่านั่งยองๆ มองใบหน้ากระจ่างใสที่กำลังหลับตาพริ้มปากเผยอน้อยๆ ราวกับกำลังฝันดีสุดๆ ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปแตะที่แก้มใสอย่างอดใจไม่ไหว
“ฮื้อ…อย่ากวนสิ คนง่วงจะตายอยู่แล้ว” เสียงครางประท้วงที่กลั้วอยู่ในลำคอระหง เต็มไปด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ ใบหน้าขะมุกขะมอมส่ายไปมา ส่วนมือน้อยก็ปัดป่ายมือซุกซนที่ถือวิสาสะยุ่มย่ามกับเนื้อตัวเธอ
“จะตื่นดีๆ หรือจะให้ฉันอุ้มไปนอนที่เตียง” มาร์โบโลจงใจชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบริมหูบอบบาง
ลักษณ์ณารานั่งหลับในสภาพหลังขดหลังแข็งไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ รู้แต่ว่าเธอรู้สึกตัวเพราะเสียงทุ้มริมหู และเมื่อตื่นเต็มตาอีกที ใบหน้าคมเข้มของเจ้าของเรือสำราญลำหรูก็ลอยอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว แถมมันยังอยู่ระยะกระชั้นชิดเกินพอดี ใกล้เสียจนลมหายใจทั้งสองรินรดซึ่งกันและกัน
“คุณ!” ร่างบางอุทานด้วยความตกใจ พร้อมผงะจนหัวโขกกับผนังห้อง หญิงสาวทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ ยกมือน้อยขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ ตั้งสติได้ก็ยกมือขึ้นผลักแผ่นอกกว้างจนเขาหงายหลังลงไปนั่งแหมะไม่เป็นท่า จังหวะนั้นลักษณ์ณาราก็รีบลนลานผุดลุกขึ้นแล้วถอยฉากออกมา
“อย่าแตะต้องตัวฉันนะ เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน” มือเรียวฉวยไม้ถูพื้นชูขึ้นขู่ฟ่อ มองใบหน้าหล่อบาดใจอย่างเอาเรื่อง แต่การกระทำของหญิงสาวกลับไม่ทำให้มาร์โบโลรู้สึกครั่นคร้ามเลยสักนิด ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกขบขันกับท่าทีขึงขังของคนตัวเล็ก คนอะไรฤทธิ์เดชเยอะชิบหาย
“ทำยังไงดีล่ะ ฉันเป็นประเภทไม่กลัวคำขู่เสียด้วยสิ” แสร้งเลิกคิ้วท้าทาย อันที่จริงแล้วเขาก็แค่อยากจะรวนให้เธอโมโหก็เท่านั้น เห็นคนแก้มแดงออกอาการฮึดฮัดแล้วอารมณ์ดีพิลึก
“ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก คนอย่างคุณมันหน้ามึนอยู่แล้ว” ลักษณ์ณาราลอยหน้าต่อปากต่อคำอย่างไม่หวั่นเกรง ทั้งที่ในใจกำลังเต้นโครมคราม เพราะคนตัวใหญ่ได้สืบเท้าหนักๆ ต้อนจนเธอเข้าจนมุมเสียแล้ว
“กล้าว่าเจ้านายอย่างฉันเหรอแม่หนูน้อย” ยกฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างขึ้นทาบผนัง กักร่างบางไว้ในกรอบที่แขนกำยำทั้งสองล้อมเอาไว้ ความตกตะลึงที่เขาเข้ามาประชิดเนื้อตัวแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ลักษณ์ณาราเผลอปล่อยไม้ถูพื้นให้ร่วงผล็อยไปนอนแอ้งแม้งสงบนิ่งอยู่ที่พื้น
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ ฉันโตเกินกว่าจะใช้คำว่าแม่หนูน้อยแล้ว” ดันอกแกร่งไว้พร้อมกับโต้ตอบด้วยเสียงขุ่นเขียว จ้องมองใบหน้าหล่อไม่ลดละ
“แล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ เบบี๋หรือว่าฮันนี่ดีไหมฮึ หรือเธอว่าไงคนสวย” ยื่นหน้าเข้ามาเฉียดแก้มอิ่ม แล้วถามอย่างกวนๆ คนที่ตกเป็นรองต้องหลับตาปี๋ และอึดใจต่อมาเจ้าพ่อหนุ่มก็ได้รับค้อนวงงามจากหญิงสาวเป็นของกำนัลในความยียวนกวนอารมณ์
“สรรพนามแสลงหูแบบนั้นฉันไม่ปลื้มนักหรอกจะบอกให้ เก็บไว้เรียกเหล่าบรรดาแม่ยกของคุณเถอะย่ะ เรียกฉันว่าลักษณ์ณาราล่ะดีแล้ว” เห็นใบหน้ายียวนกวนอารมณ์ที่ลอยอยู่ใกล้ๆ แล้วเธอก็อยากจะซัดให้ลงไปนอนละเมอเผลอนับดาวนัก คนอะไรกวนประสาทได้อย่างน่าหมั่นไส้
“ชื่อของเธอมันเรียกยากจะตายชัก เธอไม่มีชื่อเล่นบ้างหรือไงกันแม่คุณ” คนเอาแต่ใจออกอาการค้าน แล้วถามหาสรรพนามแทนตัวเธอที่มันกระชับและเรียกงายกว่านี้
“ชื่อเล่น ฉันสงวนไว้ให้คนสนิทเท่านั้น” ลักษณ์ณาราเลี่ยงที่จะไม่บอกชื่อเล่นเพียงพยางค์เดียวให้เขาได้รับรู้ สร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่ายขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“แบบไหนเธอถึงจะเรียกว่าสนิท แค่นี้พอไหมทูนหัว” เจ้าพ่อหนุ่มแกล้งเคลื่อนเรือนกายทรงพลังเข้าไปแนบชิดกับร่างแน่งน้อย แล้วถือโอกาสตวัดเธอเข้าแนบอกกระด้างอย่างหน้าด้านๆ
“งะ…งั้นเรียกฉันว่าน้ำก็ได้” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเสียงดังพรืด ก่อนจะยอมจำนนให้แก่ความเผด็จการไม่มีใครเกินของเขา ขืนกายบางออกจากอ้อมกอดแกร่งจนสำเร็จ แต่ก็ยังติดอยู่ในวงล้อมของท่อนแขนกำยำที่ทาบอยู่กับผนังห้องอยู่ดี
“อื้ม…อย่างนี้ค่อยเรียกง่ายขึ้นมาหน่อย แล้วเธอทำความสะอาดเสร็จหรือยัง” เผยยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้า เลิกเล่นเจ้าล่อเอาเถิดกับเธอเมื่อได้คำตอบที่พึงพอใจ แล้วทำเสียงขรึมเมื่อเอ่ยถึงงานที่สั่ง
“ไม่เสร็จมั้ง ห้องคุณถึงได้สะอาดเอี่ยมอ่องขนาดนี้” กวาดสายตาหวานมองไปทั่วทั้งห้อง พร้อมตีฝีปากรวนเขาอย่างใจกล้า แล้วอาศัยทีเผลอที่พ่อคุณเอาแต่สะอึกกับวาจาของเธอ มุดลอดใต้วงแขนแข็งแกร่ง แล้ววิ่งฉิวออกไปยืนห่างจากเขาในระยะปลอดอันตราย
“เธอกล้ารวนฉันเหรอแม่ตัวดี!” เจ้าพ่อหนุ่มขึ้นเสียงสูงอย่างเดือดดาล ยกมือขึ้นเท้าสะเอวพร้อมหรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง
‘ให้ตายสิ! ยิ่งเขาไม่กำราบแม่คุณคนพยศยิ่งกำเริบเสิบสาน’
“แล้วคุณว่าฉันกล้าไหมล่ะ ที่ทำแบบเมื่อกี้” ถอยห่างออกมาจากร่างใหญ่หลายก้าว แล้วยกลำแขนเรียวเสลาขึ้นกอดอก เชิดหน้าตอบโต้เขาอย่างไม่ยี่หระ
“แม่ตัวดี วันนี้เธอได้ก้นลายแน่” ยังไม่ทันจะขาดคำร่างสูงก็ทะยานเข้าหาร่างแน่งน้อย หวังจะจับแม่สาวตัวเล็กแต่ปากกล้าเหลือใจมาลงโทษด้วยการหวดก้นหนักๆ สักหลายๆ ทีให้สาสม แต่ก็ช้าไป เมื่อลักษณ์ณารารู้ทัน กระโดดผลุงหลบ แล้วซอยเท้าออกวิ่งชนิดไม่เหลียวหลัง
“อย่าหนีนะแม่ตัวดี!” เสียงห้วนครางขู่ไล่หลังมาติดๆ พร้อมเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกขณะ ทำให้คนที่มาหยุดอยู่หน้าห้องนอนของตัวเองด้วยอาการเหนื่อยหอบ รีบไขกุญแจจนมือระวิง ดวงตาสีนิลแอบเหล่ร่างยักษ์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ก้าวอย่างระทึกใจ
“อยู่ให้คุณทำโทษก็บ้าแล้ว เชิญคุณบ้าไปคนเดียวเถอะ แบร่!” แม่สาวแสบยังมีแก่ใจหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนเจ้าของใบหน้าถมึงทึง ก่อนจะผลุบหายเข้าห้องลงกลอนล็อคประตูอย่างแน่นหนา ร่างบางตัวโยนด้วยอาการหอบเหนื่อย ยกมือน้อยขึ้นลูบอกตัวเองป้อยๆ แต่ไม่วายตัวสั่นงันงก เพราะกลัวเขาจะเอากุญแจสำรองไขเข้ามาเหมือนอย่างเช่นเมื่อเช้านี้
ปังๆๆๆ
คนหน้ายักษ์ที่วิ่งไล่หลังมาพร้อมทำหน้าราวกับจะจับเธอกินเมื่อสักครู่ กำลังตะบี้ตะบันเคาะประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย อยากเคาะก็เคาะไป เธอไม่เปิดเสียอย่าง แล้วใครจะทำไม!
หลังจากที่หายตกอกตกใจ อัตราการเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปกติ แม่สาวน้อยสุดแสบก็โถมตัวลงไปบนเตียงนอนนุ่ม นอนกระดิกเท้าเอาแขนหนุนหัวต่างหมอนฮัมเพลงคลอเบาๆ ไปพร้อมกับฟังเสียงเคาะประตูของคนอารมณ์ร้อนอย่างสบายอารมณ์
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะน้ำ ฉันบอกให้เปิดประตู!” มือใหญ่ทุบประตูแรงๆ ส่วนปากก็ร้องตะโกนเสียงดังออกคำสั่งอย่างเดือดจัด
“ถ้าอยากได้ส่วนบุญ พรุ่งนี้ฉันจะอุทิศไปให้ แต่วันนี้ฉันเหนื่อย อย่ามากวนใจได้ไหม จะไปไหนก็ไปเลยไป ชิ่วๆ” ขึ้นเสียงโต้กลับไปชนิดที่คนฟังอยากจะหักคอสวยๆ ของแม่สาวจอมพยศนัก แต่ก็ทำอย่างใจปรารถนาไม่ได้ เจ้าพ่อแห่งท้องทะเลบอลติกจึงได้แต่ยืนเท้าสะเอวกระแทกลมหายใจหนักๆ ออกมา
“ฮึ่ย…ฝากไว้ก่อนเถอะ พรุ่งนี้เจอดีแน่แม่สาวใช้ตัวแสบ” มาร์โบโลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หน้าห้องนอนเล็กพักใหญ่ นัยน์ตาสีควันบุหรี่วาวโรจน์ด้วยเพลิงพิโรธ
‘ให้ตายสิ ยิ่งนานวันเธอก็ยิ่งเหิมเกริม ไม่กลัวหน้าดุๆ ของเขาไม่พอ แม่คุณยังทำลอยหน้าโต้ตอบอย่างอวดดี’ ชายหนุ่มสบถออกมาอีกหลายคำถึงได้ยอมที่จะล่าถอยออกไป
เวลาพลบค่ำ ร่างที่หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากวิ่งหนีเขาอย่างหวาดเสียว หลับไปทั้งที่เหงื่อไคลยังเปรอะเปื้อนตามใบหน้าและเรือนกาย เสื้อผ้าชุดทำงานยังไม่ได้ถอด สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกที มองดูหน้าปัดนาฬิกาก็จวนจะถึงเวลาเริ่มงานแล้ว จึงรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดทำงานใหม่ เพื่อมุ่งตรงไปเป็นสาวเสิร์ฟในคาสิโน
มาร์โบโลนั่งทำงานอยู่ในห้องลับของโซนคาสิโนภายในเรือสำราญแกรนเพิร์ล ชีวิตของเขาก่อนหน้านี้แทบจะไม่ได้ก้าวขาเหยียบผืนแผ่นดิน จะใช้ชีวิตกินนอนอยู่บนเรือสำราญที่ล่องลอยอยู่เหนือน่านน้ำในท้องทะเลบอลติก แต่เมื่อมีเด็กหญิงมิเกล คอฟอร์ด หนูน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำ หน้าตาน่ารักน่าชัง วัยห้าขวบเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เขาก็ต้องจัดตารางงานใหม่ จัดสรรค์เวลาขึ้นบกให้มากกว่าเดิม เพื่อจะได้มีเวลาใกล้ชิดหลานสาวตัวน้อยที่กลายมาเป็นลูกสาวเต็มตัวเมื่อแรกเกิดให้มากขึ้น
เสียงเปิดประตูเข้ามาภายในห้องทำงานอันสุดไฮเทค ไม่ทำให้มาร์โบโลละสายตาคมกริบออกจากหน้าจอมอนิเตอร์ที่เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดภายในคาสิโน ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะเช็คความเรียบร้อยของคาสิโนเหมือนที่กระทำในทุกค่ำคืน แต่ทำไปทำมา ความสนใจทั้งหมดของเจ้าพ่อหนุ่มกลับไหลรวมมาอยู่ที่ร่างสะคราญตาของลักษณ์ณารา มองเธอหยิบโน่นจับนี่อย่างคล่องแคล่วและปราดเปรียวจนรู้สึกเพลินนัยน์ตา ที่สุดก็ไม่อาจละสายตาไปไหนได้
ฟรานซิสเห็นเจ้านายนั่งจ้องหน้าจออย่างตั้งอกตั้งใจตาไม่กะพริบก็ชักจะแปลกใจ จึงเคลื่อนกายเข้าไปยืนเบื้องหลัง แล้วเพ่งสายตาไปยังจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีจอเล็กๆ ถูกซอยแบ่งและบรรจุเข้าไว้ด้วยกัน โดยปกติแล้วเจ้านายมาดเข้มจะต้องกวาดสายตามองให้ถ้วนทั่วทุกจอ แต่มาบัดนี้สายตาคมประดุจพญาเหยี่ยวคู่นั้น กลับไม่ถอนไปจากหน้าจอที่กำลังจับความเคลื่อนไหวของหญิงสาวเอเชียร่างเล็กน่าทะนุถนอม ที่เพื่อนของเจ้านายเพิ่งมอบให้เป็นของกำนัลจากการแข่งรถชนะเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
บอดี้การ์ดหนุ่มลอบสังเกตความเคลื่อนไหวของเจ้านายมาดนิ่งสักพัก แล้วก็แอบยิ้มที่มุมปากกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพล เมื่อยืนนานขาของพ่อหนุ่มร่างยักษ์หน้าทะเล้นก็ชักจะเริ่มแข็ง จึงเปิดประเด็นสนทนา ดึงความสนใจของเจ้านายออกมาจากสิ่งมีชีวิตแสนสวย
“นายครับ” เสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้ร่างใหญ่ถึงกับสะดุ้งโหยงหลุดออกจากภวังค์ พยายามปั้นใบหน้าให้เรียบนิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อยู่ใกล้แค่นี้ ทำไมต้องตะโกนด้วยวะ ไอ้ฟรานซิส” เบือนใบหน้าเรียบมามองลูกน้องคนสนิท พลางตำหนิเบาๆ อย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน เดินนำหน้าไปยังชุดโซฟาเรียบหรูที่นำเข้าจากอิตาลี ทรุดร่างลงนั่งและพยักพเยิดให้ฟรานซิสนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ฉันจะให้แกไปสืบเรื่องของลักษณ์ณารามาโดยละเอียด อยากรู้ว่าเธอขึ้นมาบนเรือฉันเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่” มาร์โบโลไม่ไว้ใจหญิงสาวจึงต้องจับตาดูทุกความเคลื่อนไหว เพราะเธออาจจะทำงานกับแก็งใดแก็งหนึ่ง เพื่อลักลอบขนยาเสพติดหรือไม่ก็ค้าประเวณีบนเรือสำราญของเขา
“ได้เลยครับนาย แล้วผมจะรีบจัดการให้ด่วนที่สุด” ฟรานซิสน้อมรับคำสั่งอย่างแข็งขัน แต่ก็เจือไว้ซึ่งความนอบน้อมที่มีให้แก่ผู้เป็นเจ้านาย
“อืม…ไม่มีอะไรแล้ว แกไปทำงานต่อเถอะ” เมื่อเห็นว่าไม่มีธุระอะไรกับฟรานซิสอีกแล้ว มาร์โบโลจึงโบกมือให้ลูกน้องออกไปจากห้อง