ตอนนี้โชกุนกับริสาพากันไปคุยด้านหลังตึกคณะ ซึ่งแถวนี้จะไม่มีใครเดินผ่าน ริสาเธอเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ตึกเรียนอยู่ห่างจากตึกคณะบริหารอยู่พอสมควร
“นี่คิดถึงพี่ถึงกับอดคุยกันสองต่อสองไม่ได้เลยเหรอ” ริสาพูดจาหยอกเย้าคนตรงหน้า พลางยกมือขึ้นดึงเนกไทเล่น
โชกุนปัดมือเล็กออกอย่างรำคาญ “อย่ามาเล่นลิ้น” จ้องตาเขม็ง แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับยิ้มตอบไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอะไรเลย
“แต่พี่ชอบนะ เล่นลิ้น” ริสาพยายามพูดกำกวม แม้ในคืนนั้นเธอก็รู้ดีว่าชายหนุ่มไม่แม้แต่จะเล้าโลมเธอเลยสักนิด นอกจากทำเรื่องอย่างว่าเสร็จ เขาก็กลับออกไปเลย
“เข้าเรื่องได้ละ มาทำไม บอกแล้วใช่มั้ยว่ามันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”
“คืนนั้นจบ ก็มาต่อคืนใหม่ได้นี่”
“ไปหาผู้ชายคนอื่นเถอะ คงมีคนรอเอาอีกเยอะ”
“แต่พี่ชอบนายนะ คืนนั้นนายเร้าร้อนถูกใจพี่มาก ผู้ชายคนอื่นสู้นายไม่ได้เลยสักคน”
“แต่ผมไม่ได้ชอบพี่ เลิกยุ่งกับผมได้ละ ยังไงก็จะไม่มีรอบสองเด็ดขาด”
“นายมั่นใจเหรอ” ริสาปรี่ตัวเข้าหาหมายจะจูบคนตรงหน้า แต่โชกุนกลับรู้ทันเสียก่อน เอามือมาดันตัวเธอให้ออกห่างจากตัวของเขา
“ทำไม คืนนั้นนายก็ชอบนี่ แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่สนใจพี่ล่ะ หรือว่านายมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“ใช่”
“แล้วไง พี่ไม่สนหรอก”
“เลิกยุ่งกันได้ละ ผมไม่อยากพูดจาทำร้ายจิตใจใคร”
“นี่โชกุน” อีกฝ่ายทำหน้าเกรี้ยวกราด ไม่คิดว่าลูกอ้อนพราวเสน่ห์ของเธอจะใช้กับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ผล
“มีธุระแค่นี้ใช่มั้ย งั้นก็แยกกันตรงนี้เลยนะ ไม่ส่ง” พูดจบเขาก็เดินออกมาแล้วกลับเข้าไปในโรงอาหาร โดยที่ไม่รีรอให้อีกฝ่ายตอบกลับมา
ระหว่างที่เดินกลับไปหาพวกเพื่อน เขาก็ขบคิดอย่างหนักกับเรื่องคืนนั้น ไม่น่าพลาดไปนอนกับริสาเลย ไม่คิดว่าเธอจะกลับคำพูดแล้วตามตอแยเขาไม่เลิก
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ แล้วพี่ริสาล่ะ” น้ำขิงเป็นฝ่ายถามเขาก่อน
“กลับไปแล้ว”
“กลับง่ายจังวะ” ท็อปมันถามผมมาอีกคน ไอ้นี่ก็รู้อยู่แล้วก็ยังจะมาถามอีก
“ไปก็ดีแล้วนี่”
“ทำไมนายถึงพูดแบบนั้นล่ะ นี่นายกับพี่ริสา…”
“ไม่ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” รีบตอบออกไป กลัวเธอจะคิดว่าผมกับริสารู้จักมักคุ้นกัน
“ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
“พวกเราไปกันเถอะ อย่าสนใจเลย พี่ริสาแค่ตามจีบไอ้โชกุนก็แค่นั้นเอง” ฟิวส์เอ่ยขึ้น มันคงรู้ว่าผมกำลังหนักใจอยู่
“เพื่อนของฉันมีสาวสวยมาตามจีบถึงที่ เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ” พูดหยอกแล้วยิ้มให้ ใครจะจีบผมไม่สนหรอก ผมสนแค่เธอคนเดียว แม้ตอนนี้จะไม่มีสิทธิ์คิดอะไรแบบนี้แล้วก็ตาม
“ใครจะสวยก็ช่าง ฉันไม่สน ฉันสนแค่…” หญิงสาวที่ผมหมายถึงจ้องหน้าเอาคำตอบ พร้อมกับเพื่อนๆ ที่เหลือ เกือบจะหลุดปากพูดออกไปแล้วนะไอ้โชกุน
“เปล่า ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ” ลุกขึ้นแล้วสะพายกระเป๋าเดินนำออกไป
ช่วงนี้ผมพยายามหลบหน้าริสา เธอมาหาผมบ่อยมาก เหมือนไม่ได้สนใจในคำพูดของผมเลย ขนาดไม่รับโทรศัพท์และบล็อกช่องทางการติดต่อทุกอย่าง ริสาก็ยังตามตื้อผมไม่เลิก จนกระทั่งตอนนี้พวกเราก็ปิดเทอมกันแล้ว ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านถือโอกาสนี้ห่างหายจากเธอไปสักพักก็คงจะดี
ทางด้านน้ำขิงที่กำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน เนื่องจากวันนี้สอบเสร็จแล้ว และพรุ่งนี้พี่ต้นขอขับรถไปส่ง จึงได้ขอให้แก้วตากับฟ้าใสติดรถไปด้วย เพราะอย่างไรก็ไปทางเดียวกัน และพี่ต้นก็ตอบตกลง
หลังจากอาบน้ำเสร็จกำลังจะเข้านอนก็รู้สึกปวดท้องหนักขึ้น ฉันเริ่มปวดท้องตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว ทีแรกคิดว่าปวดท้องกระเพาะ เพราะมันไม่ได้เจ็บมากอะไร กินยาเข้าไปแล้วแต่ก็ยังไม่หาย พอตกเย็นหาอะไรกินแต่ก็กินไม่ลงเหมือนเบื่ออาหาร แล้วก็อาเจียน แล้วก็ปวดอยู่อย่างนั้นจนมันทนไม่ได้ จึงตัดสินใจโทรหาพี่ต้น
ฉันโทรหาตั้งหลายสายแต่เขาก็ไม่ยอมรับ นอนบิดตัวไปมาเอามือกุมท้องอยู่อย่างนั้น จนผ่านไปครึ่งชั่วโมงพี่ต้นถึงโทรกลับมา
---Call---
ต้น (ว่าไงครับ)
น้ำขิง (พี่ต้นเที่ยวอยู่เหรอคะ)
ต้น (ครับ นี่คิดถึงพี่เหรอ เราพึ่งคุยกันตอนเย็นเองนะ)
น้ำขิง (เออ…)
ต้น (น้ำขิงครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ไอ้สองคนนั้นมันตามพี่ละ พี่สัญญาจะไม่กลับดึก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ)
น้ำขิง (ค่ะ)
-----
พี่ต้นเที่ยวอยู่ ฉันมัวแต่อ้ำอึ้งไม่กล้าบอกไปว่าปวดท้อง แต่ตอนนี้มันทรมานมากจนทนไม่ไหวจริงๆ เลยโทรหาฟ้าใสแทน ให้เธอมาหาและช่วยพาไปหาหมอหน่อย
ฟ้าใสมาพร้อมกับแก้วตา “แกเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันปวดท้อง” นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง
และไม่นานโชกุนก็มาเพราะแก้วตาเป็นคนโทรบอก เขาตรงมาหาฉันด้วยความเป็นห่วง นั่งย่อตัวลงข้างเตียงแล้วให้ฉันขี่หลังแล้วพาลงไปที่รถ
“เจ็บมากมั้ย” ถามด้วยความร้อนรน เท้าก็รีบย่ำไปด้วยความรวดเร็ว
“อื้ม” แทบจะไม่ได้มองทางเลย เพราะมันเจ็บมากจนต้องหลับตาตลอดทาง
“อดทนไว้นะ เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว”
…..
@โรงพยาบาล
.
“ญาติคุณนันทิญาอยู่ไหนครับ” หมอที่เดินออกมาจากแผนกฉุกเฉินถามขึ้น
“ผมครับ ผมเป็น…”
“พวกเราเป็นเพื่อนคนไข้ค่ะ” แก้วตารีบตอบหมอแทน
“คนไข้เป็นไส้ติ่งนะครับ จากที่สอบถามคือกินอะไรไม่ได้มาตั้งแต่บ่ายสอง คนไข้จะได้ผ่าตัดเวลาห้าทุ่ม คนไข้มีญาติมั้ยครับ”
“พวกเราย้ายมาเรียนมหาลัยที่นี่ค่ะ พ่อแม่ของเธออยู่อีกที่เลยมาไม่ได้”
“โอเคครับ งั้นไม่เป็นไร”
“คุณหมอไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ ผมรับผิดชอบเอง”
“ครับ ตอนนี้คนไข้กำลังเตรียมตัว เชิญพวกคุณไปนั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัดได้เลยนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะคุณหมอ”
พวกเราทั้งสี่นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ เป็นห่วงน้ำขิงที่กำลังผ่าตัด เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงก็ออกจากห้องมา และถูกพาตัวไปที่ห้องพักฟื้น หลังจากไม่มีอาการผิดปกติก็ย้ายไปห้องพิเศษที่โชกุนได้จองเอาไว้
ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายของอีกวัน เพราะเมื่อคืนงัวเงียจากยาสลบเลยหลับต่อ เพื่อนๆ มากันพร้อมหน้าเลย รวมทั้งท็อปและฟิวส์ด้วย
“โช” เรียกด้วยเสียงแหบแห้ง
“น้ำขิงฟื้นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย”
“เจ็บแผล”
“ดีนะที่พวกเราพาแกมาทัน ไม่งั้นคงไส้ติ่งแตกไปแล้ว” ฟ้าใสพูดขึ้น แต่สีหน้าแฝงไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ฉันมองออก
“แกก็พูดเวอร์ไป”
“อื้ม เมื่อกี้พี่ต้นโทรมาด้วยนะ เห็นแกหลับฉันเลยรับสายให้”
“พี่ต้นรู้แล้วเหรอ”
“บอกไปแล้วล่ะ เห็นว่าจะรีบมา”
“อืม”
“นี่เมื่อคืนมันไม่รู้หรือไงว่าเธอปวดท้อง” โชกุนถามฉันมา ไม่อยากตอบความจริงเลย กลัวจะมีปัญหากันอีก
“เขาไม่ว่างน่ะ เลยไม่ได้บอก”
“ไม่ว่างหรือเที่ยว” ท็อปพูดเสียงเบาแล้วหันหน้าหนี
“เป็นแฟนประสาอะไรวะ” โชกุนเริ่มจะหัวเสียอีกแล้ว
“อย่าหงุดหงิดกันเลย ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ขอบใจทุกคนมากนะที่เป็นห่วง”
“แกก็แสนดีซะอย่างนี้ไง” แก้วตาพูดมา ฉันก็แค่ยิ้มอ่อนให้
ตอนนี้มันยังปวดแผลอยู่ ไม่มีแรงจะพูดอะไรมาก หลังจากฟื้นแล้วฉันยังต้องขยับตัวและลุกเดินบ้าง โชกุนเป็นคนช่วยประคองให้ฉันเดินภายในห้อง และพี่ต้นก็เข้ามา
“หลีก เดี๋ยวทำเอง” พี่ต้นเข้ามาแทนที่โชกุนแล้วมาประคองฉันพาไปนั่งที่เตียง
“ไม่สบายขนาดนี้ ทำไมไม่บอกพี่ล่ะครับ”
“ถ้าไม่ห่วงเที่ยวน้ำขิงคงบอกไปละ” เสียงพูดกระแทกดังมาจากทางโซฟา
พี่ต้นหันไปทำตาขวางและหันกลับมาพูดกับฉันต่อ “ทีหลังมีอะไรให้บอกพี่นะ เรื่องดูแลให้คนเป็นแฟนทำจะดีกว่า” เขาพูดเน้นย้ำคำว่าแฟน เหมือนจงใจให้โชกุนได้ยิน
“ค่ะ ต่อไปมีอะไรน้ำขิงจะบอกพี่คนแรกเลยนะคะ”
“แล้วเมื่อคืนพี่ต้นไปไหนมาล่ะ ถึงปล่อยให้น้ำขิงนอนปวดท้องอยู่ที่ห้อง”
“เอ่อ…เมื่อคืน…”
เขาอ้ำอึ้งเหมือนไม่กล้าตอบ ฉันเลยตอบแทนเพราะไม่อยากให้เพื่อนๆ พากันคาดโทษเขา “พี่ต้นทำรายงานน่ะ ฉันเลยไม่อยากกวน”
พี่ต้นหันมามองหน้าเหมือนรู้สึกผิด ฉันยิ้มให้ว่าไม่เป็นไร
“ไปหาอะไรกินก่อนนะ” โชกุนพูดแทรกขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“พวกฉันไปด้วยสิ เดี๋ยวพวกเรามานะน้ำขิง ฝากพี่ต้นช่วยดูด้วยนะคะ” แก้วตาฝากฝังเขาก็พยักหน้ารับเท่านั้น แล้วทุกคนก็ออกจากห้องไปกันหมด เหลือแค่ฉันกับพี่ต้นสองคน
“คืนนี้ให้พี่มานอนเฝ้ามั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำขิงอยู่ได้ พี่กลับไปพักเถอะ”
“อยู่ได้จริงๆ นะครับ” ถามมาแบบนี้แสดงว่าอยากกลับ
ที่จริงมันก็แอบน้อยใจมาตั้งแต่เมื่อคืน ในยามที่เจ็บป่วยแต่คนรักกลับไม่สามารถมาหาได้เพราะติดเที่ยวกับเพื่อน เป็นใครก็ต้องน้อยใจ
วันนี้เขามาเที่ยวหาก็จริง แต่ดูสีหน้าก็รู้ว่าเขาเริ่มเบื่อที่ต้องมานั่งเฝ้าคนป่วย แม้ปากเขาจะถามว่าให้มานอนเฝ้าไหม แต่เห็นสีหน้าเบื่อหน่ายที่เอาแต่เล่นโทรศัพท์เลยไม่อยากรบกวน
“อยู่ได้ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่กลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ” ฉันตอบกลับเขาก็ลุกขึ้นมาจูบหน้าผาก
“ไว้พี่จะมารับกลับนะครับ”
“ค่ะ”