Ginx’ s to meet you.
[6]
หายหัวไปไหนของเขา?
“ดีมากเลยไนล์ เดี๋ยวเปลี่ยนอีกชุดก็เสร็จแล้วเพื่อน”
“โอเค”
ฉันบอกเกรซหลังจากที่เมื่อคืนไปดื่มกับคุณเฑียร์คือฉันก็ดื่มได้ไม่เยอะหรอกนะ บอกเขามีงานต้องทำด้วยเขาก็เลยชวนฉันไปดื่มที่ผับแห่งหนึ่งโดยการไม่พาฉันไปที่คาสิโนของเขา เราสองคนนั่งคุยกันเรื่องที่เขาชื่นชอบฉันแต่ไม่กล้ามาเจอเพราะตอนนั้นฉันคบกับคิง พอเห็นว่าฉันโสดเขาก็เลยถือโอกาสมาดูงานเมื่อคืนด้วย แถมยังแลกเบอร์กันเรียบร้อยฉันก็ให้ไปสิ ฉันโสดนะจะโปรยเสน่ห์ให้กับผู้ชายก็ไม่แปลกจริงหรือเปล่า? แค่คุยยังไม่ได้คบหานี่นา ฉันเองก็ไม่ได้คุยกับเขาแค่คนเดียวสักหน่อยก็บอกเขาไปตามความจริง เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเพราะเข้าใจว่ามันเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ ฉันจะมาคุยกับเขาคนเดียวก็ไม่ได้ถูกปะ ฉันล่ะชอบผู้ชาอย่างเขาจริงๆ นะ เป็นคนที่ไม่ซีถ้าหากคนที่ชื่นชอบจะคุยกับคนอื่น แต่เขาบอกจะพยายามทำให้เต็มที่เพื่อพิชิตใจฉัน บอกมาแบบนี้ก็น่าสนุกดีอยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะพิชิตใจฉันได้หรือเปล่า
พอกลับถึงคอนโดฉันก็หาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขา คุณเฑียร์เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวฑิณทัศน์ที่เป็นคนรวยระดับต้นๆ ของประเทศ มีกิจการมากมายนับไม่ถ้วนและเป็นผู้มีอิทธิพลสุดๆ คล้ายกับแวดวงมาเฟียคือตระกูลเขาก็เป็นอันดับหนึ่งเลยล่ะ แม้ว่าคุณเฑียร์จะทำคาสิโนที่ไม่รู้ว่าถูกกฎหมายจริงหรือเปล่า? แต่ก็ทำให้ได้รู้ว่าเขาร่ำรวยมากถึงมากที่สุด เป็นผู้ชายที่เจ้าชู้ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าซึ่งฉันก็ไม่ได้แคร์หรอกนะ ต่างคนก็ต่างโสดจะควงใครก็ไม่แปลกจริงปะละ
แต่มีข้อมูลอีกอย่างที่ทำให้ฉันสงสัยที่สุดคือ ‘เขากับคุณจิณณ์และคุณบุ้งกี๋เป็นเพื่อนกัน’ ใช่ งงมากไหม? ฉันน่ะงงที่สุดเลยไม่อยากจะคิดว่าพวกเขาสามคนจะเป็นเพื่อนกันมาก่อน เพราะถ้าหากเป็นเพื่อนกันก็ต้องเจอกันบ้างหรือเปล่า แต่นี่แทบจะไม่เคยเจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ มันน่าแปลกแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเสือกแม้ว่าในใจจะร้อนรุ่มอยากรู้เรื่องนี้ ที่งงสุดคือคุณบุ้งกี๋เป็นเพื่อนกับคุณจิณณ์ด้วยนี่ล่ะ ทำไมเธอถึงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันสงสัยมาก จะโทรไปถามคนที่หายไปก็โทรไม่ติด จนฉันเลิกโทรหาเขาแล้วล่ะ
ไม่อยากจะรู้ก็ได้! แม้ว่าสามคนนี้จะมีอะไรเชื่อมโยงกันก็เถอะ
“เดี๋ยวแกเปลี่ยนชุดนี้นะไนล์” เมื่อถ่ายแบบเสื้อผ้าของเพื่อนผ่านมาชุดที่สามเป็นที่เรียบร้อย เกรซก็หยิบชุดส่งมาให้ฉันซึ่งด้านหลังห้องเสื้อจะเป็นห้องสำหรับถ่ายงานด้วย เป็นพื้นหลังสีขาวธรรมดาแต่ช่างภาพก็จะเอาภาพไปตกแต่งอีกที ฉันมองชุดที่เกรซส่งมาให้เป็นชุดสองชิ้นคือเสื้อกล้ามสีขาวมีโบว์สีดำติดตรงช่วงอกกับกระโปรงสีดำบานจีบรอบ ก่อนหน้านั้นจะเป็นแนวเท่สวมแจ็กเกตกับกางเกงยีนส์ ฉันถ่ายแบบเป็นแบบสวมแค่แจ็กเกตตัวเดียวแบบโนบราแต่ติดแผ่นแปะจุกไว้ ขนาดเท่ยังเซ็กซี่เลยเห็นปะละ รูปนี้คือยัยเกรซชอบมากบอกจะเอาติดไว้ด้านหน้าห้องเสื้อเลย
ฉันเข้ามาเปลี่ยนชุดและใช้เวลาถ่ายแบบไปเกือบครึ่งวันเพราะมาตั้งแต่เช้าเลยไง ถ่ายจบจะได้มีเวลาพักด้วย พอถ่ายเสร็จฉันก็เข้ามาที่แอพพลิเคชั่นของตัวเองที่ใช้ชื่อว่า ‘niletonile_’ ลงรูปที่ถ่ายแบบวันนี้ เมื่อคืนก็ลงรูปที่เดินแบบไปแฟนคลับฉันหลายคนก็เข้ามาคอมเมนต์กันเยอะมากๆ แถมยอดติดตามก็เพิ่มขึ้นจาก 780K ตอนนี้เป็น 795K แล้ว ยอดไลค์ก็เยอะนะบางโพสเช่นโพสที่ฉันถ่ายตัวเองกับกระจกสวมชุดว่ายน้ำแบบเซ็กซี่อันนั้นก็เป็นงานไงคนไลค์ก็เกือบสามแสน
“ว่างปะ พาไปเลี้ยงข้าว แกไม่ยอมรับเงินค่าจ้างนี่นา”
“ฉันจะไปรับเงินค่าจ้างจากเพื่อนทำไมกัน?” ตอบเกรซที่ทำหน้าบูดใส่ฉันขณะที่เข้ามาในห้องเปลี่ยนชุดกับฉันด้วย ฉันหยิบกางเกงสีดำเอวสูงกับเสื้อเชิ้ตสีขาวผ้าบางเห็นบราเซียสีดำลูกไม้ปลดกระดุมลงมาสองเม็ดก่อนจะมัดผมเป็นมวยไว้กลางศีรษะและยืนลบเครื่องสำอางบนใบหน้า วันนี้งานมีแค่นี้ก็เลยไม่อยากแต่งหน้าสักเท่าไหร่
“ขอบใจแกนะ”
“ขอบจงขอบใจอะไร แกช่วยฉันมาเยอะแล้วปะ” เกรซกอดอกตวัดขาไขว่ห้างขณะนั่งบนโต๊ะตัวยาวในห้องเปลี่ยนเสื้อ สวมกระโปรงยีนส์กับเสื้อสายเดี่ยวสีดำ การที่ฉันมายืนถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะตัวเองด้วยแล้วหนึ่งแต่เกรซเองก็มีส่วนช่วยให้ฉันได้งานมากมายเลยนะ เพราะเพื่อนเป็นสายแฟชั่นอยู่แล้วก็ให้ฉันสวมชุดทางแบรนด์เกรซโปรโมทจนมีงานล้นมือขนาดนี้ “เราเป็นเพื่อนกันนะ ต้องช่วยกันสิ”
“นั่นแหละ ถึงได้เกรงใจแกไง” ส่ายหน้าไปมาก่อนจะสบตากับเพื่อนผ่านกระจก
“แกกับพี่ชายคนนั้นเป็นไงบ้าง?”
“จะเป็นไงได้ล่ะ” ยิ่งหายหัวไปแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งหงุดหงิดแหะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไม่ติดต่อกลับมาด้วย บ้านกลับหรือเปล่ายังไม่รู้เลยวันนี้ฉันจะกลับไปจะได้รู้ว่าเขาอยู่บ้านหรือโกรธอะไรฉันหรือเปล่า
“รื้อฟื้นความหลังกันหรือยัง”
“แกต้องการถามแค่นี้” เกรซหัวเราะชอบใจ “ตอนนี้ฉันมีผู้ใหม่เข้ามาแล้ว”
“จริงอะ! บอกมานะไนล์ ใคร?”
“ไม่บอกหรอก เอาไว้ค่อยมั่นใจก่อนแล้วกัน”
“อ้าว แล้วแบบนี้แกจะเอากับพี่ชายคนนั้นได้ไง” เพื่อนถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “หรือไม่เอากันแล้ว”
“ไม่เอาอะไร เขาน่ะจ้องจะเอาฉันตลอดนั่นแหละ แต่มันยังไม่ถึงเวลาก็แค่นั้น”
“ทำไมต้องถึงเวลาด้วย คนจะเอากันต้องรอฤกษ์รอชัยด้วยว่างั้น?” มันไม่เชิงเอาฤกษ์หรอกแค่เหมือนเราสองคนเล้าโลมกันด้านนอกมันก็แทบจะทำให้ฉันระทวย แต่ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานหรอกคุณจิณณ์จ้องจะกินฉันตลอด มันต้องมีสักวันที่เราสองคนต้องกลับไปรื้อฟื้นความหลังกันน่ะ “ตกลงแค่นอนด้วยกัน”
“อือ ไม่มีความสัมพันธ์เชิงนั้น ฉันก็เลยตกลงไป”
“ระวังจะตกหลุมรักพี่ชายก่อนนะ” ฉันกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อทำความสะอาดหน้าตัวเองเรียบร้อย หันกลับไปมองเกรซที่กระโดดลงจากโต๊ะเพราะจะพาฉันไปเลี้ยงข้าว
“ไม่มีวันหรอก”
“จะคอยดูนะ”
“นอนด้วยกันเองนะเกรซ มันจะไปมีเรื่องแบบนั้นได้ไงกันล่ะ อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วย”
“แล้วถ้าคิดล่ะ?”
“จะไปมีวันนั้นได้ไงกัน” ยังคงเถียงเพื่อนนะว่าจะไปมีวันแบบนั้นได้ไงกัน เราสองคนก็แค่อยู่ในจุดที่ต่อหน้าพ่อกับแม่ก็แสร้งทำเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ลับหลังก็แค่เอากันเหมือนคนที่ตั้งกฎขึ้นมาไว้สำหรับนอนด้วยกันในแบบที่เราต่างคนต่างโสดกันทั้งคู่หรือถ้าเขาจะมีใครหรือฉันมีใครเข้าสักวัน ความสัมพันธ์แบบนี้มันก็ต้องจบลง เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มมันจะจบได้ยังไงกันล่ะจริงไหม?
“ไม่อยากหรือไง เล้าโลมกันอยู่ได้”
“เขาน่ะอยากจะตายไป แต่นั่นแหละยังไม่ถึงเวลามั้ง” ยักไหล่ไหวขณะที่เดินเคียงคู่มากับเกรซเข้าร้านอาหารไทยบนห้างเพราะฉันอยากกินข้าวมากกว่ากินชาบูไง “คุณจิณณ์ต้องการเซ็กซ์มาก คงอีกไม่นานหรอก”
“เล่าให้ฟังด้วยนะ อยากเสือก”
“เรื่องใต้สะดือเนี่ยชอบเหลือเกินนะยัยเพื่อนบ้า” ย่นจมูกใส่เพื่อนที่เบ้ปากก่อนจะสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ฉันก็ตอบข้อความคุณเฑียร์ที่ส่งข้อความมาคุยเรื่องทั่วไปเป็นปกติ ฉันเองก็คุยกับเขานะและสลับคุยกับหนุ่มคนอื่นบ้าง พอคุยก็กดวาร์ปเข้ามาที่ไอจีเพื่อกดเข้าไปดูไอจีของคุณบุ้งกี๋ที่ใช้ชื่อว่า ‘i_bung_ki’ เธอลงรูปเมื่อคืนและมีคนติดตาม 1.5 หนึ่งในนั้นคือฉันที่มักจะกดไลค์เธอและคอมเมนต์ให้เธอตลอด เธอไม่เคยตอบหรอกนะซึ่งฉันก็ชินแล้วล่ะ เธอเองก็ไม่ได้ติดตามใครเลยมีแค่ติดตามผู้จัดการคนเดียวมั้ง
“เมื่อวานฉันดูแกเดินแบบ เก่งมากเลยนะไนล์”
“ขอบใจนะ ช่วงนี้ว่างด้วยไม่ค่อยได้รับงาน”
“ทำไมอะ?”
“แม่ฉันน่ะสิ บอกว่าอย่ารับงานเหมือนเมื่อก่อน ฉันก็แบบต้องรับงานเองเลยทำไงได้คนมันอยากได้เงินนี่นา” ฉันรู้นะว่าแม่เป็นห่วงฉันมากแค่ไหน แต่งานมันสำคัญฉันก็ต้องทำเงินทั้งนั้นเลยนะ พอไม่ค่อยได้รับงานก็จะมีงานใหญ่เข้ามาทีเดียวเลยแบบเดินแบบนั่นแหละ ฉันก็รับงานถ่ายแบบไว้ด้วยนะยังไม่รู้เรื่องคอนเซปอะไรหรอกต้องรอทางนั้นติดต่อมาก่อน
“คุณแม่จะเป็นห่วงก็ไม่แปลกหรอก ท่านเห็นแกทำงานหนักมาตลอดนี่นา”
“อือ”
“ยิ่งตอนนี้ท่านเองก็คบกับพ่อของคุณจิณณ์ด้วย คงไม่อยากให้แกต้องทำงานหนัก เขาสองคนคงจะคุยกันแล้วล่ะ” ก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้หรอกนะ ฉันเองต้องทำงานเผื่อว่าวันไหนท่านทั้งสองไปต่อกันไม่ได้ ฉันจะได้มีเงินและมีที่อยู่อาศัยเผื่อพวกท่านต้องเลิกรากัน จะมีวันนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้มันต้องคิดไว้ก่อนสิจะมาสุขสบายด้วยเงินคนอื่นมันก็ไม่ได้ ถึงจะเป็นครอบครัวกันแล้วก็เถอะนะ ไม่ได้อยากจะแช่งแต่การคิดการณ์ไกลมันดีกว่าไง
“เดี๋ยวไปส่งฉันที่บ้านทีนะ รถยังไม่เสร็จเลย” ที่สำคัญคนที่บอกจะไปรับไปส่งฉันก็หายเงียบไป
“ได้ดิ”
ฉันอยู่กินข้าวกับเกรซนานพอควรจนเย็นเพื่อนก็ขับรถมาส่งฉันที่บ้าน ก็ไม่เห็นรถของคุณจิณณ์จอดอยู่แสดงว่าเขาไม่กลับบ้านงั้นเหรอ? หายหัวไปไหนของเขาเนี่ย จะบอกว่าเป็นห่วงก็ส่วนหนึ่งนะ ฉันเข้ามาในบ้านก็ถามแม่บ้านว่าคุณจิกับแม่อยู่ไหน แม่บ้านก็บอกว่าทั้งสองคนอยู่บนห้องทำงานฉันก็เลยเดินขึ้นไปชั้นบนและเดินเลี้ยวไปทางห้องนอของพวกท่าน ถัดมาก็คือห้องทำงานฉันกำลังจะเคาะประตูก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อมีเสียงอะไรบางอย่างดังออกมาทำให้ต้องเอียงหูแนบกับประตู
เสียงครวญครางของทั้งคู่และเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังออกมา ทำให้ฉันแง้มประตูเข้าไปดูเห็นแม่กำลังโน้มตัวนอนบนโต๊ะทำงานและคุณจิยืนซ้อนด้านหลังกำลังตั้งหน้าตั้งตาโยกเอวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลาเชิดหน้าขึ้นส่วนแม่ก็หลับตาพริ้มราวกับมีความสุขที่ได้ทำกัน มันเป็นเรื่องปกติฉันก็เลยได้แต่ยิ้มพลางปิดประตูให้เบาที่สุดก่อนจะเดินไปที่ห้องของตัวเอง อาบน้ำชำระร่างกายสวมเสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงขาสั้นสีดำรัดรูป ออกจากห้องก็เลยแวะไปดูที่ห้องของคุณจิณณ์ก็พบว่าเขาไม่อยู่จริงๆ ด้วย
“หายไปไหนของเขา” ทำไมจะต้องตัวแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ดิ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าก็ไม่ยอมบอกเพราะแบบนี้ฉันถึงต้องกลับบ้านเพื่อถามคุณจิว่าเขาได้ติดต่อมาหรือเปล่า จึงลงจากบันไดมาที่ห้องรับแขกเปิดทีวีดูไปเรื่อยเพื่อรอแม่กับคุณจิเสร็จเรื่องนั้นก่อนไม่รู้จะลงมาตอนไหนด้วยสิ “เอ่อ ป้าคะคุณจิณณ์ได้กลับมาที่บ้านหรือเปล่าคะ?”
“คุณจิณณ์เหรอคะ?” ฉันพยักหน้ารับขณะที่แม่บ้านเอาคุกกี้กับน้ำผลไม้มาให้ฉัน “ไม่ได้กลับนะคะ”
“ปกติของเขาเหรอคะ”
“ค่ะ คุณจิณณ์งานค่อนข้างเยอะ การจะกลับมาที่นี่ค่อนข้างยากมาก”
“...” พยักหน้ารับพลางหยิบคุกกี้กัดเข้าปาก
“บางทีก็เคยแบบไม่กลับมาบ้านสามสี่เดือนก็มีนะคะ”
“จริงเหรอคะ” แม่บ้านพยักหน้าและเล่าว่าเพราะคุณจิณณ์กับคุณจิไม่ค่อยลงรอยกันด้วยเรื่องอะไรบางอย่างทำให้คุณจิณณ์ไม่ค่อยอยากกลับมาที่นี่สักเท่าไหร่
“คุณท่านก็ไม่อยากให้คุณจิณณ์เป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น”
“เรื่องนั้นเหรอคะ? เรื่องอะไรคะ”
“ป้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ รู้แค่ว่าตอนที่คุณท่านกับคุณจิณณ์ทะเลาะกันคือดังลั่นบ้าน จับใจความได้ประมาณว่า ‘พ่อทำบ้าอะไร เป็นบ้าเหรอถึงทำได้ทำแบบนี้ รู้ไหมว่าผมเจ็บมากแค่ไหน’ ประมาณนี้น่ะค่ะ”
“เหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัยยิ่งพอได้มาอยู่ที่นี่มันก็อยากที่จะรู้ปัญหาของทั้งสองคนมากขึ้น
“ปกติคุณจิณณ์เป็นคนไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่ คงจะหนักเอาการไม่งั้นคุณจิณณ์ไม่ใส่อารมณ์ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ”
“แต่ป้าก็ดีใจนะคะ ตั้งแต่คุณไนล์มาอยู่ คุณจิณณ์ก็กลับบ้านทุกวันแถมยังกินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณท่านด้วย”
“ไนล์เหรอคะ?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง จะเป็นเพราะฉันได้ไงกันล่ะถ้าเป็นเรื่องที่เขากลับบ้านทุกวันคงเป็นเพราะอยากจะเอาฉันใจจะขาดต่างหาก ไม่งั้นคือแถมไม่โผล่หัวกลับบ้านหรอกให้เดานะ
“งั้นเดี๋ยวป้าไปเตรียมอาหารก่อนนะคะ”
แม่บ้านเดินเข้าครัวส่วนฉันก็ได้แต่ครุ่นคิดเรื่องของเขาทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องของฉันด้วยซ้ำ พอรู้เรื่องราวของคุณเฑียร์มันก็เลยพาให้สงสัยมันทุกอย่างจริงๆ ไม่ได้อยากทำตัวเป็นนักสืบเพื่อเสือกเรื่องของใครหรอกนะ มันอดไม่ได้ที่จะไม่อยากรู้ด้วยเพราะฉันเป็นพวกที่แบบยังไงอะอยากรู้แต่ไม่ได้อยากถาม เพราะกลัวว่าคุณจิจะไม่เล่ายิ่งไปถามคนต้นเรื่องยิ่งแล้วใหญ่ ฉันไม่ได้อยากจะถามเขาหรอกนะ ขนาดถามเรื่องส่วนตัวกว่าเขาจะปริปากพูดออกมาได้ก็น้อยนิ่ง รู้แค่หางอึ่งแค่นั้นทั้งที่เรื่องใหญ่โตราวกับหางไดโนเสาร์ (ฉันเปรียบเทียบอะไร?)
“คุณจิคะ คุณจิณณ์ไม่ได้กลับบ้านเลยเหรอคะ?” หลังจากนั้นคุณจิกับแม่ก็ลงมากินข้าวบนโต๊ะอาหาร คงจะเสร็จเรื่องที่ทำกันเรียบร้อยเพราะแอบเห็นว่าอาบน้ำกันแล้วไง
“ไม่เลยนะ คงจะค้างที่โรงแรมนั่นแหละ” คุณจิตอบฉัน “หนูมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ พอดีหลังจากวันที่คุณจิณณ์ไปดูไนล์ เขาก็หายไปเลยค่ะติดต่อก็ไม่ได้”
“เป็นห่วงพี่เขาหรือไง?” ฉันชะงักช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก สบตากับคุณจิที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “หนูเป็นน้องสาวที่น่ารักของจิณณ์จริงๆ นะ”
“ค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงเขาหรอก คงจะยุ่งเรื่องงานหรือก็มีปัญหาที่บริษัท” มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ ตอนที่เขามาดูฉันก็ยังดูปกติดีทุกอย่างแถมเขาก็ไม่ได้อยู่ที่โรงแรมหรือบริษัทด้วย ฉันก็ไปถามพนักงานมาไงแต่บริษัทน่ะไม่แน่ใจหรอกนะ “จริงสิ ช่วงนี้หนูมีงานต้องทำหรือเปล่า?”
“หลังจากจบงานเดินแบบ ก็ไม่มีแล้วค่ะอาจจะมีถ่ายแบบแต่ต้องรอทางงานติดต่อมา”
“ดีเลยนารี” จู่ๆ คุณจิก็หันไปพูดกับแม่ที่นั่งตรงข้ามกับฉัน วันนี้ฉันนั่งตำแหน่งของคุณจิณณ์ “ฉันกับนารีคุยกันว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนแถวบ้านพักริมทะเลของฉัน หนูไนล์อยากไปด้วยกันไหม”
“คือว่า...” ถ้าฉันไปก็จะไปขัดขวางความสุของคุณจิกับแม่หรือเปล่านะ ได้แต่ครุ่นคิดว่าจะตอบยังไงดี
“ไปนะไนล์ แม่อยากให้ลูกไปพักผ่อนบ้าง ทำงานหนักมาตลอดแทบไม่มีเวลาพักเลย”
“ไนล์ไม่อยากไปขัดความสุของคุณจิกับแม่นี่คะ”
“ขัดตรงไหนกัน แม่กับคุณจิน่ะคุยกันว่าอยากชวนลูกๆ ไปด้วย ไปนะ” พอแม่คะยั้นคะยอแบบนี้ฉันก็ทำได้เพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับ “แล้วคุณจิณณ์ล่ะคะคุณจิ”
“ฉันจัดการเอง” พ่อเขาโทรไปจะรับหรือเปล่า ขนาดฉันโทรไปยังไม่รับเลยแถมปิดเครื่องใส่อีกต่างหาก
“เอาเป็นว่าไปกันมะรืน ค้างคืนกี่วันก็เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
มองคุณจิที่คุยกับแม่ว่าไปเที่ยวพักผ่อนอยากทำกิจกรรมของครอบครัวบ้าง ถึงคุณจิณณ์จะติดต่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันก็อยากให้เขาไปนะเอาจริง ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนของเขาก็ไม่รู้ดิ ฉันหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงและส่งข้อความหาเขาโดยไม่เอามือถือขึ้นมาด้านบน สุดท้ายส่งไปเขาก็ไม่อ่านเกือบสิบข้อความแล้ว เหอะ ทำแบบนี้กับฉันก็อย่าหวังเลยนะว่าจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการน่ะ คุณพี่ชาย!
[50%]
*-------------------------------------*