Ginx's to meet you:: CHAPTER 2 พี่น้องจำเป็น [50%]

3422 คำ
Ginx’ s to meet you. [2] พี่น้องจำเป็น โต๊ะอาหารที่ตอนนี้จากต้องเดตกันสองคน กลายเป็นว่าเราสี่คนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งที่เมื่อกี้คุณจิณณ์ยังบอกว่ามีงานด่วนต้องทำ กลับกลายเป็นว่าเขาเลือกที่จะทานอาหารร่วมโต๊ะกับฉันราวกับเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ถ้าเขาไม่รู้จักเขาจะยิ้มให้ฉันทำไมกันล่ะจริงไหม? เขาน่ะจำได้แน่เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนมันไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องบอกแม่ของฉันหรือพ่อของเขาที่เวลานี้กำลังคุยกันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ฉันรู้มาแค่ว่าคุณจิรพัสเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหมือนกับแม่ที่เลี้ยงฉัน ภรรยาเก่าของคุณจิรพัสท่านเสียไปตั้งแต่คุณจิณณ์อายุแค่สิบขวบ จากนั้นก็คือครองโสดจนมาเจอกับแม่ฉันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฉันจำได้ดีว่าตอนนั้นพาแม่ไปกินข้าว คือจำไม่ได้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาคุยกับแม่ ฉันไม่ได้สนใจไงเพราะยังไงซะก็อยู่ที่ตัวของแม่ว่าจะเปิดใจให้กับใคร ฉันมีหน้าที่ลูกที่คอยดูแลท่านก็พอ ส่วนเรื่องความรักฉันห้ามท่านไม่ได้หรอก ที่สำคัญฉันเพิ่งจะรู้ว่าตระกูลของพวกเขามีบริษัทส่งออกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปทั่วโลก,ทำอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่ดินปลูกบ้านจัดสรร และที่สำคัญคือเพิ่งรู้ว่าโรงแรมที่ฉันไปเดินแบบก็เป็นโรงแรมของเขานั่นแหละ แถมคุณจิรพัสก็รวยเป็นร้อยๆ ล้านเป็นผู้มีอิทธิพลมากจะมากแค่ไหนก็ไม่รู้หรอกนะ ส่วนคุณจิณณ์มีทรัพย์สมบัติมากมายนับไม่ถ้วนจากคุณแม่ของเขาที่เสียไป รวยจนฉันอยากจะเกาะกินไปทั้งชีวิต หากแต่ว่าฉันมีศักดิ์ศรีนะไม่ขอใครกินแน่นอน ถึงแฟนแม่จะรวยก็เถอะ “หนูไนล์สวย เก่งมากเลยนะ” “คะ?” ฉันผละใบหน้าจากจอมือถือเพราะกำลังเม้าท์กับยัยเกรซ เรื่องเจอคู่นอนคืนเดียวที่ผ่านมาปีกว่าก็ดันวนมาเจอกันในแบบที่ฉันเองก็มึนงงและสับสน “คุณจิหมายถึงอะไรเหรอคะ” “ก็นารีเล่าให้ฉันฟังว่าหนูเป็นนางแบบแถวหน้าของประเทศ ทำงานแล้วก็ดูแลนารี เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากเลยนะ” “ขอบคุณค่ะ ไนล์มีแม่แค่คนเดียว อีกอย่างแม่ไม่เคยทอดทิ้งไนล์เพราะงั้นไนล์เลยต้องดูแลแม่ให้ดีที่สุดค่ะ” ฉันหันไปยิ้มให้กับแม่พลางจับมือท่านบีบเบาๆ ก่อนจะเบนสายตาไปมองคุณจิณณ์ที่นั่งกอดอกมองฉันตาเขม็ง “หนูไนล์อายุยี่สิบห้า งั้นก็อ่อนว่าพี่เขานะ” มีเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่ออีกคือเขาเป็นพี่ฉันเหรอเนี่ย ตอนนั้นที่เจอกันนึกว่ารุ่นเดียวกันซะอีก “จิณณ์อายุยี่สิบเก้าเพิ่งผ่านวันเกิดมาได้แค่อาทิตย์เดียวเอง” “เหรอคะ สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะคุณจิณณ์” ฉันกระตุกยิ้มมุมปากอวยพรวันเกิดเขาที่ยังคงทำหน้านิ่ง นิ่งแบบนึกว่าเอาหุ่นมานั่งข้างๆ กันเถอะ ทีตอนกระแทกฉันเนี่ยไม่เห็นจะนิ่งแบบนี้เลย ชิ “ฉันกับแม่ของหนูไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลูกๆ มาเจอกันหรอกนะ เพียงแต่ว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก” “เรื่องอะไรครับ?” หลังจากที่นั่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งมานาน เขาก็มีปากเอาไว้พูดแล้วสินะ ดีใจจัง (ประชด!) “คือพ่อตกลงคบกับนารีมานานแล้ว นานพอที่จะ... เอามาเป็นคู่ชีวิต” “!” ทั้งฉันและคุณจิณณ์ต่างพากันตกใจกับคำพูดของคุณจิรพัส อาจเป็นฉันคนเดียวมั้งที่ตกใจเพราะคุณจิณณ์ดูเฉยมากราวกับอ่านความคิดเขาได้ยากแล้วมันก็จริงนะ ฉันหันไปสบตากับแม่ที่ยิ้มหวานมาให้ “ไนล์โอเคหรือเปล่าลูก” “ถ้าแม่เลือกคุณจิแล้ว ไนล์ไม่ขัดข้องหรอกค่ะ ขอแค่คุณจิดูแลแม่ของไนล์ได้ ไนล์ก็สบายใจ” อมยิ้มให้แม่ปะปนความรู้สึกที่ดีใจและเสียใจนิดหน่อยที่ฉันต้องห่างจากแม่ “ย้ายไปอยู่กับคุณจิตอนไหนเหรอคะ ไนล์คงเหงาแน่” “มีอีกเรื่องที่ฉันอยากจะบอกอีกอย่างนะหนูไนล์ จิณณ์” เป็นอีกครั้งที่เขาขมวดคิ้วราวกับพูดเป็นนัยๆ กับพ่อตัวเองว่า ‘ทำไมไม่พูดให้มันจบๆ ทีเดียว’ ดูจากสีหน้าและการกระทำก็ดูออก “ฉันจะรับนารีกับหนูไนล์ไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน” “อะ อะไรนะคะ!” หันไปมองแม่คอแทบหักแม่เองก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว “คือไนล์อยู่คนเดียวได้นะคะ” “แม่ยอมไม่ได้หรอกนะถ้าไนล์จะต้องอยู่คนเดียว” “แต่ว่า...” “ก็ถ้าไนล์ไม่มาอยู่บ้านคุณจิกับแม่ แม่ก็จะไม่ไปอยู่กับคุณจิ” คำตอบของแม่ทำให้ฉันคิดหนักเป็นบ้า เอาเข้าจริงฉันคิดว่าคุณจิไม่มีลูกชายก็จะไปอยู่ด้วยนะ พอรู้ว่าลูกชายของเขาคือคุณจิณณ์ผู้ชายที่เคยนอนด้วยกัน ฉันก็ไม่รู้จะมองหน้าเขาติดหรือเปล่านี่สิ “เอาตามนี้” “ไนล์ตกลงค่ะ” เพราะไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจรวมไปถึงคุณจิที่หน้าเคร่งเครียด พอเอ่ยปากตกลงทั้งแม่ทั้งคุณจิก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น “ขอให้ฉันได้ดูแลนารีกับหนูเถอะนะ” ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้เขาที่หันไปมองลูกชายกำลังยกนาฬิกาข้อมือดูแลเวลา “แกล่ะจิณณ์ โอเคหรือเปล่าที่พ่อจะให้นารีกับน้องมาอยู่ในบ้าน” “...” คุณจิณณ์เงียบพลางผละใบหน้าจากนาฬิกาโรเล็กซ์ราคาแพงหูฉีก รุ่นนี้เคยเห็นนะราคาล้านกว่าๆ “หรือถ้าแกไม่โอเคก็ไม่เป็นไรนะ พ่ออยากให้แกสบายใจไม่ได้อยากให้แกต้องทำตามพ่อไปซะทุกเรื่อง” “ผมไม่มีปัญหา” “ขอบคุณนะคะคุณจิณณ์” แม่ขอบคุณเขาที่ค้อมศีรษะให้เล็กน้อย “เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะ พรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปรับเธอกับหนูไนล์ที่คอนโด ไหนๆ ก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” ฉันเงยหน้าสบตากับคุณจิที่กอดคอคุณจิณณ์ซึ่งเขาลุกขึ้นเหมือนจะรีบกลับไปทำงานต่อ “จิณณ์กับหนูไนล์ก็เป็นพี่น้องกันได้ เธอว่าดีไหมนารี” “จะดีเหรอคะ คุณจิณณ์คงไม่...” “ผมไม่มีปัญหาครับ” เขาตอบแม่พลางเบนสายตามามองฉันพลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “พี่น้องก็พี่น้อง” “หนูไนล์ล่ะ มีปัญหาอะไรไหมที่จะมีพี่ชาย” “ถ้าคุณจิณณ์ยอมรับไนล์เป็นน้อง ไนล์ก็ยอมรับคุณจิณณ์เป็นพี่ค่ะ” กระดากปากมาก! พี่น้องบ้าบออะไรล่ะ พี่น้องจำเป็นซะมากกว่าก็แค่พ่อแม่ของเราสองคนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่กัน ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นญาติกันเลยนะ “ฉันดีใจนะที่ครอบครัวเขาก็ได้เป็นหนึ่งเดียวกันสักที” สิ่งที่แม่ของฉันกับคุณจิต้องการคือความปรองดองของลูกๆ อย่างพวกเรา แน่นอนว่าการที่จะคบหากันก็ต้องถามความสมัครใจของฉันกับคุณจิณณ์ เราสองคนไม่ขัดที่พ่อกับแม่จะมีรักใหม่และเป็นรักที่เกื้อกูลกัน ฉันเชื่อว่าคุณจิจะทำให้แม่ของฉันมีความสุขมากแน่ๆ หลังจากที่แม่ต้องผิดหวังกับพ่อของฉันที่หายสาบสูญไปนับตั้งแต่แม่ท้อง เราสองคนแม่ลูกกลับมาถึงห้องก็ช่วยกันเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเพราะพรุ่งนี้คนของคุณจิจะมารับแม่ไป ส่วนฉันจะขับรถตามไปรู้สึกใจหายเหมือนกันนะคอนโดนี้ฉันกับแม่อยู่ด้วยกันมาสามสี่ปีแล้ว สุดท้ายที่บอกว่าจะผ่อนมาเป็นของตัวเองก็คงจะต้องทำแบบเดิมนั่นแหละ ใช่ว่าฉันจะอยู่บ้านเขาตลอดวันไหนมีงานด่วน งานไปต่างจังหวัดฉันก็จะกลับมานอนที่คอนโดบ้าง “ไนล์ไม่สบายใจหรือเปล่าลูก” “เรื่องอะไรคะ?” ฉันหลุดจากภวังค์ความคิดสบตากับแม่ที่กำลังเอาข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ แม่เอื้อมมาจับมือฉันพลางบีบเบาๆ “ถ้าเป็นเรื่องย้ายไปอยู่บ้านคุณจิ ไนล์ไม่มีปัญหาค่ะ” “ไม่มีอะไรแม่ก็สบายใจ แม่ไม่อยากทำให้ไนล์ต้องลำบากใจด้วย” “แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ขอแค่แม่มีความสุขและคุณจิรักแม่ ไนล์ก็พอใจแล้ว” “ขอบใจนะไนล์ คุณจิเป็นคนดีมากจริงๆ นะ ส่วนคุณจิณณ์คุณจิเคยบอกว่าเพราะเสียแม่ไปเขาก็เลยเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบขรึม” ใช่ เงียบขรึมแต่ไม่มีใครรู้ดีนอกจากฉันหรอกนะว่าเขาแซ่บและดุดันแค่ไหน “คุณจิกับคุณจิณณ์ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะคุณจิณณ์โกรธคุณจิด้วยเรื่องส่วนตัว” “ค่ะ” “แต่คุณจิบอกว่าคุณจิณณ์ไม่ได้เป็นผู้ชายเลวร้ายอะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่าเขาค่อนข้างเย็นชาแม้แต่กับคุณจิเองก็ตาม” ฉันก้มหน้าพับเสื้อของตัวเองพลางยกยิ้มมุมปาก ผู้ชายแบบนี้น่ะน่ากลัวจริงๆ นะโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง เหมือนเก็บกดแล้วมาลงกับเซ็กซ์ ดูท่าคุณจิณณ์เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเซ็กซ์ดุอย่างที่เคยบอกไป แต่เรื่องเซ็กซ์จัดหรือเปล่าฉันไม่แน่ใจหรอกนะ แค่นอนกันคืนเดียวมันบ่งบอกอะไรไม่ได้เยอะหรอก “ไนล์โอเคหรือเปล่าเรื่องที่คุณจิให้ไนล์กับคุณจิณณ์ เป็นพี่น้องกัน” “โอเคค่ะ คุณจิณณ์ไม่ได้รังเกียจอะไร ไนล์ก็ยอมรับเขาเป็นพี่ค่ะ” “แม่ดีใจนะ” “ไนล์อยากมีพี่ชายมานานแล้วค่ะ” ถึงจะเป็นพี่น้องจำเป็นก็เถอะ ไม่รู้ว่าเขาตอบตกลงแค่เพียงต่อหน้าหรือเปล่า ลับหลังใครจะไปรู้เขาน่ะเป็นผู้ชายที่เดาความคิดได้ยากมาก ฉันเดาไม่ออกหรอกนะว่าเขากำลังคิดหรืออยากทำอะไร ใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบนิ่งไม่แสดงออกแบบนั้น ช่างเถอะไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของเขาเลยสักนิด แค่ไปอยู่บ้านเขาในฐานะพี่น้องในแบบที่ฉันไม่ได้ต้องการ เพราะพ่อของเขาหรอกนะฉันถึงได้ยอมน่ะ “แม่หวังว่าไนล์กับคุณจิณณ์จะเข้ากันได้ดีนะ” “ค่ะ” “คุณจิณณ์อาจจะสบายใจที่ได้มีน้องสาวอย่างลูกแน่” หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะแม่ จากคนที่เคยนอนด้วยกันและเคยวันไนท์ฯ ด้วยกันแค่ครั้งเดียว ผ่านไปหนึ่งปีก็วนมาเจอกันจนได้ต้องบอกว่าโลกกลมเกินไปหรือเปล่านะ? พ่อแม่ของพวกเราก็รักกัน แถมเราสองคนยังต้องอยู่ในสถานะ ‘พี่น้อง’ ซึ่งไม่รู้ว่าเขาต้องการหรือเปล่า ฉันเองก็หวังว่าตัวเองจะไม่สร้างปัญหาให้กับคุณจิและตัวเขา อยากจะอยู่ที่นั้นให้แม่สบายใจที่สุด ฉันหวังแบบนั้นจริงๆ นะ หากแต่ว่าไม่รู้ว่าจะหักห้ามหัวใจตัวเองได้หรือเปล่านี่สิ ก็เล่นมาเจอผู้ชายที่เคยทำให้ฉันเก็บไปฝันอยู่หนึ่งปี แถมยังมอบเซ็กซ์ที่ดีเยี่ยมให้ด้วยแล้ว... ชักไม่อยากไปไหนแล้วดิ หวังว่าเขาคงจะติดใจฉันบ้างล่ะนะ เพราะตอนนั้นฉันก็ทำให้เขาครางเสียวไม่น้อยเลยทีเดียว หึ บ้านปริยาภรกุล รถของฉันขับเลี้ยวเข้ามาภายในตัวบ้านหรือคฤหาสน์ดีๆ นี่เอง บ้านของคุณจิใหญ่โตสมฐานะของเขาอย่างมาก ทางเข้าลาดยาวเข้าไปถึงตัวบ้านที่มีเสาสี่ต้นยกสูงมาก แถมประตูที่เปิดต้อนรับเราสองคนแม่ลูกก็เป็นลายมังกร แถมมีผู้ชายชุดยืนและเดินทั่วบ้าน คงจะเดาอะไรได้มากเลยล่ะว่าเขามีอิทธิพลด้านไหน มาเฟียดีๆ นี่เองทุกคน “ยินดีต้อนรับนารี หนูไนล์” คุณจิเดินมากอดแม่ของฉันพลางให้แม่บ้านขนกระเป๋าขึ้นไปไว้ด้านบนที่เป็นบันไดขัดเงาแถมมีโคมไฟแชนดราเรียห้อยระย้า รูปภาพที่โชว์เป็นรูปครอบครัวของคุณจิซึ่งเพิ่งจะเคยเห็นภรรยาเก่าของเขาที่สวยราวกับนางฟ้าและมีใบหน้าคล้ายคลึงกับลูกชายคนเดียวของพวกเขา คุณจิกอดเอวแม่พาเดินขึ้นไปด้านบนที่เป็นแบบวงกลม คุณจิผายมือไปด้านซ้าย “นี่ห้องของฉันกับนารี ส่วนด้านขวาเป็นห้องของหนูไนล์ ริมสุดทางเดิน” “ขอบคุณนะคะ” “ฉันเลือกห้องนี้ให้หนูก็เพราะว่าด้านหลังเห็นสระว่ายน้ำและเห็นสวนด้วย” พอรู้ห้องของตัวเองก็อยากจะรู้ว่าห้องของคุณจิณณ์อยู่ไหน ฉันชะโงกหน้ามองหาเขาจนสบตากับคุณจิที่ยิ้มอ่อนส่งมาให้ “พี่จิณณ์ไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ” “อ๋อค่ะ” “เธอพาคุณไนล์ไปดูห้อง” “ค่ะคุณท่าน เชิญคุณไนล์ค่ะ” แม่บ้านผายมือและลากกระเป๋าฉันเดินไปตามทางที่ห้องของฉันอยู่สุดทางเดินพอดี ตรงข้างประตูจะมีหน้าต่างบานเล็กๆ ด้วยนะ “ขอโทษนะคะ ห้องคุณจิณณ์อยู่ไหนเหรอคะ?” ในที่สุดก็เอ่ยถามแม่บ้านที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของฉัน เธอยิ้มและผายมือไปยังห้องที่เขาเพิ่งจะเดินผ่านมา “ห้องคุณจิณณ์อยู่ห้องนั้นค่ะ” ห่างกันแค่ห้องเดียวเองนะ แบบว่ายังไงล่ะมีห้องกั้นเราสองคนด้วย อาจจะเพราะบ้านหลังนี้ใหญ่โตก็เลยทำให้มีห้องเยอะมากๆ การเว้นห้องคงจะทำให้ไม่อึดอัดแล้วฉันก็เห็นด้วยนะ แม่บ้านเปิดประตูห้องของฉันที่มีเตียงนอนสีขาวคิงไซส์ด้านบนเป็นไม้สี่เหลี่ยมทุกมุมมีม่านโปร่งแสงไว้ปิดตอนนอนราวกับเจ้าหญิง ปลายเตียงมีชั้นวางทีวีขนาดยักษ์ มีห้องสำหรับแต่งตัวและแขวนเสื้อผ้า ห้องน้ำก็ใหญ่โตมีอ่างกุชชี่โต๊ะทำงานใกล้หัวเตียง มีระเบียงให้เดินออกไปมองวิวที่เห็นคนสวนกำลังลงแปลงดอกไม้และสระว่ายน้ำขนาดยักษ์ เห็นแบบนี้บิกินี่คือสั่นเลยล่ะ คืนนี้คงต้องไปว่ายน้ำสักหน่อย “ขอบคุณนะคะ” หันไปขอบคุณแม่บ้านที่เอากระเป๋าวางไว้ข้างเตียง “คุณไนล์มีอะไรสงสัยก็ถามดิฉันได้เลยนะคะ” ฉันส่งยิ้มให้กับแม่บ้านพลางเดินมานั่งบนเตียงที่นุ่มนิ่ม “อาหารเที่ยงจะจัดโต๊ะประมาณเที่ยงครึ่งนะคะ ส่วนอาหารเย็นจะอยู่ที่หนึ่งทุ่ม” “ค่ะ” “ถ้าคุณไนล์ทำงานกลับดึก ถ้าพวกดิฉันเข้านอนแล้วก็สามารถเอาอาหารมาอุ่นทานที่ครัวได้เลยนะคะ ดิฉันจะทำแยกไว้ต่างหากเพราะคุณจิณณ์ก็กลับดึกเหมือนกัน” “รับทราบค่ะ” “เอ่อ ดิฉันขอ...” เลิกคิ้วขึ้นพลางมองแม่บ้านที่ยื่นสมุดมาให้ฉันที่ได้แต่ทำหน้ามึนงง “ขอลายเซ็นคุณไนล์หน่อยได้ไหมคะ พอดีพวกเราชื่นชอบคุณไนล์มากๆ เลยค่ะ” “อ๋อ ได้สิคะ” ไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนชื่นชอบฉันด้วย มีแฟนคลับเป็นรุ่นแม่คือดีเวอร์เลยล่ะ ฉันจัดการเซ็นลายเซ็นตัวเองลงสมุดแม่บ้านและถ่ายรูปกับเธอที่ดีใจยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูเลยล่ะ “ดิฉันให้คุณไนล์พักผ่อนดีกว่า ขอตัวนะคะ” แม่บ้านขอตัวออกจากห้องฉันก็หันมาเอาของส่วนตัวออกจากกระเป๋าพวกเสื้อผ้าก็เอาไปแขวนไว้ในตู้ที่เป็นห้องเลยล่ะ ทุกอย่างคือดูหรูหราไปหมดแถมยังกว้างขวางกว่าห้องที่คอนโดประมาณห้าเท่าได้ เพราะคอนโดฉันก็ใหญ่โตเหมือนกันนั่นแหละ ใช้เวลาจัดของในห้องก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง นี่ยังไม่เสร็จเลยนะของบางอย่างฉันยังไม่ได้เอาออกมาตกแต่งเลย ออกจากห้องกำลังจะลงบันไดจังหวะนั้นแม่ก็กำลังจะขึ้นมาพอดี “กำลังจะขึ้นไปตามเลย” ฉันเดินควงแขนแม่ไปยังห้องอาหารที่ตอนนี้จัดเตรียมเรียบร้อย “หนูไนล์ ชอบห้องที่ฉันเลือกให้หรือเปล่า?” “ชอบค่ะ ขอบคุณคุณจินะคะ” ยกมือไหว้ขอบคุณประมุขของบ้านที่นั่งหัวโต๊ะ อาหารบางอย่างก็มีของโปรดฉันด้วยนะจึงเงยหน้าสบตากับแม่ที่นั่งตรงข้ามรอยยิ้มของแม่ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าแม่เข้าครัวทำให้ฉันกิน ปกติฉันเป็นพวกที่กินของยากนิดหน่อยนะ บางทีทำงานดึกๆ แม่ก็ห่อข้าวไปให้กิน บอกเลยว่าฝีมือแม่คือที่สุดของที่สุดแล้ว “หนูมีงานต้องทำหรือเปล่า?” “มีพรุ่งนี้ค่ะ ต้องไปฝึกเดินแบบบนเวที พอดีไนล์ได้รับเลือกเป็นนางแบบเดินรันเวย์ของแบรนด์ดังน่ะค่ะ” “เก่งมากเลยนะ เธอเลี้ยงลูกได้ดีจริงๆ นะนารี มีแต่ฉันเนี่ยล่ะที่เลี้ยงดูจิณณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” “คุณจิ” แม่วางมือลงบนท่อนแขนแกร่งซึ่งเห็นใบหน้าหล่อเหลาแลดูเศร้ายังไงบอกไม่ถูก “ตอนนี้คุณจิณณ์ก็โตมาได้เพราะคุณเลี้ยงดูเขานะคะ อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ” “เพราะเรื่องนั้นถึงทำให้จิณณ์โกรธ เกลียดฉันไปแล้ว” เรื่องอะไร? อยากเสือกชะมัดแต่ก็ทำได้เพียงนั่งกินข้าวเงียบๆ แต่หูคือคอยฟังว่าคุณจิจะหลุดเรื่องนั้นที่ว่าให้ฟัง “ช่างเถอะ กินข้าวกันดีกว่า” ปัดโธ่! คุณจิคะ ช่วยอย่าช่างจะได้ไหมเนี่ย... คนรอเสือกมันท้อค่ะ “ดีนะที่อย่างน้อยในบ้านก็มีผู้หญิงบ้าง อาจจะทำให้จิณณ์สดใสมากขึ้น ไม่ก็ลืมเรื่องนั้นไปได้บ้าง” “ค่ะ” “ยิ่งได้น้องสาวสวยๆ อย่างหนูไนล์ด้วยแล้ว ตาจิณณ์คงจะมีความสุขที่มีน้องสาวสักที” ฉันอมยิ้มให้กับคุณจิที่ชงฉันกับคุณจิณณ์ซะเหลือเกินนะ ไม่รู้หรือไงว่าลูกชายเขาน่ะไม่ได้นิ่งอย่างที่ตัวเองคิดหรอก ออกจะเป็นซาตานที่พร้อมจะพรากหญิงสาวสวยอย่างฉันไปเป็นเครื่องสังเวย ฉันเปรียบเทียบอะไรของฉันเนี่ย! (“อะไรนะ! คือเรื่องจริงไม่จ้อจี้ใช่ปะไนล์”) “อือ เรื่องจริงไม่ได้จ้อจี้ใดๆ” ฉันตอบเกรซหลังจากที่กินข้าวเสร็จก็ขึ้นมาจัดของตัวเองต่อ ตอนนี้ฉันกำลังเอารูปภาพของตัวเองที่ถ่ายแบบติดไว้บนผนังหัวเตียงเป็นรูปโปรดของฉันกับรูปภาพที่ถ่ายกับแม่ตอนไปเที่ยวทะเลกัน ซึ่งพอว่างปุ๊บเกรซก็โทรหาฉันทันทีถามไถ่เรื่องที่จับพลัดจับพลูมาเป็นพี่น้องกับคุณจิณณ์แบบงงๆ “เขาเองก็ตกลงด้วยนะ” (“เขาจำแกได้ปะ”) “ไม่รู้เหมือนกัน ดูเขานิ่งๆ บอกไม่ถูกอะ” (“ผู้ชายที่ไหนจะจำแกไม่ได้บ้างวะ ยิ่งแกนอนกับเขาด้วยต่อให้ผ่านมาหนึ่งปีก็ใช่ว่าจะลืมเซ็กซ์ที่ยอดเยี่ยมนะ”) “มันก็ดีนะที่เขาจำฉันไม่ได้อะ” มันตะขิดตะขวงใจยังไงบอกไม่ถูก “แบบว่าพี่น้องนะ” (“นอกไส้จ้ะคุณเพื่อน ไม่ใช่พี่น้องจริงๆ แค่พ่อกับแม่ของแกกับเขาคบกัน ไม่ได้เป็นญาติโกโหติกาอะไรกัน”) “...” ฉันยกมือเกาศีรษะตัวเองกับคำพูดของเพื่อน [50%] *-----------------------------------*
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม