บทที่1
อวิ๋นชิงหลันเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปเกือบเสียทุกอย่าง แต่สวรรค์ก็ช่างใจร้ายยิ่งนัก นางมาเกิดด้วยชีวิตที่ดี มีพร้อมทั้งความรักจากครอบครัว ทั้งยังมีเงินทองที่ชาตินี้ใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมด อำนาจที่มีอยู่แล้วในมือตั้งแต่เกิดเพราะเป็นถึงบุตรสาวของหัวหน้าพรรคมารและช่วยดูแลเมืองนี้ จึงทำให้หญิงสาวแทบจะมิต้องก้มหัวให้กับผู้ใด แต่กลับน่าเสียดายยิ่งนักในความโชคดีนั้นกลับมีความโชคร้ายติดมาด้วย ชิงหลันนั้นเดินเหินไปไหนตามใจตนไม่ได้ เพราะขาทั้งสองข้างของชิงหลันไร้ความรู้สึกไม่อาจที่จะใช้งานได้ หากไม่นั่งเก้าอี้รถไม้ที่พี่ชายของนางประดิษฐ์ให้ก็จะต้องมีคนอุ้มไปนั่นนี่ แน่นอนว่าบิดาและพี่ชายของนางไม่มีทางเกี่ยงอยู่แล้ว และยังรวมถึงใครอีกหลายคนที่เต็มใจจะทำหน้าที่นี้ แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ลึก ๆ แล้วนางก็อยากเดินด้วยสองขาของตนเอง อยากเป็นเช่นหญิงสาวคนอื่น ๆ เมื่อมีคนนอกที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมองข้ามความพิการนั่นของนาง จึงไม่แปลกใจที่ชิงหลันจะรู้สึกดีกับเขา
และหนึ่งในคนคนนั้นก็คือเหวินอี้
“ท่านพี่ ข้าอยากไปดูดอกไม้ในสวน” ชิงหลันเงยหน้ามองชายหนุ่มที่ช่วยนางเข็นเก้าอี้ไม้ของนาง
แม้เป็นเพียงคู่หมั้นคู่หมาย แต่ถ้าว่างชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเพียบพร้อมและเป็นที่หมายปองของแม่นางทั่วทั้งเมืองก็จะมาอยู่คุยเป็นเพื่อนกับชิงหลังคู่หมั้นของตน
“ได้สิ แต่วันนี้น้ำค้างลงหนานัก หากเจ้าไม่อยากป่วยได้ไข้ไปเสียก่อนก็จะต้องคลุมผ้าให้หนากว่านี้”
ชิงหลันยิ้มจาง ๆ ตอบรับ “เช่นนั้นท่านพี่ช่วยหยิบให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”
เหวินอี้เดินเข้าไปหยิบผ้าจากในเรือน คลี่ผ้าคลุมขาของชิงหลันให้กางออกกว้างขึ้นละวางลงคลุมสองขาที่ไร้ความรู้สึกนั้นอย่างทะนุถนอมโดยไม่มีทีท่ารังเกียจแม้แต่น้อย
นางและเขาเป็นดั่งเหม่ยเขียวม้าไม้ไผ่ แม้จะไม่ได้เล่นล้อหยอกเย้าเหมือนอย่างคู่รักวัยเยาว์คู่อื่น เพราะนางนั้นเดินเหินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของนางและเขาห่างเหินเลยแม้แต่น้อย เพราะหากนางนั่งอ่านหนังสืออยู่อีกคนก็จะมาคลอเคลียนั่งเล่นพูดคุยอยู่เป็นเพื่อนอยู่เป็นประจำ
เรื่องราวก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องราวในชาติที่แล้วของนาง และชายผู้ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นคู่หมาย นางเชื่อใจเขามาตลอดไม่รู้เลยว่าคนอย่างเหวินอี้จะหน้าไหว้หลังหลังหลอกตีสองหน้า กว่าจะรู้ตัวก็วันที่นางต้องเสียใจเพราะถูกเหวินอี้พูดใส่หน้าว่ามิอยากจะร่วมหอลงโลงด้วย แม้คำพูดจะดีตามวิสัยของคนที่มีนิสัยเช่นนี้ ทุกประโยคที่เอ่ยล้วนเป็นความผิดของชิงหลัน
แต่สุดท้าย คนเลวก็คือคนเลวอยู่ดี
“ข้าไม่เคยรังเกียจที่เจ้าไม่สมบูรณ์ชิงหลัน เพียงแต่ข้าตอบรับน้ำใจในการหมั้นหมายในครานั้นก็เพราะน้ำท่วมปากเอ่ยปฏิเสธเจ้าไม่ออกเพราะความสงสารก็เท่านั้น ข้าไม่อยากทำให้เจ้าต้องเสียใจ อีกทั้งตอนนั้นเจ้ายังเด็กข้าเลยจำต้องเลยตามเลยเพราะไม่กล้าขัดใจเจ้าที่เป็นถึงบุตรสาวหัวหน้าพรรคมาร แต่แท้จริงแล้วข้าเองก็มีคนในใจอยู่แล้ว ทั้งยังรู้จักมาก่อนเจ้าหลายขวบปีนัก”
คำพูดราวกับเป็นนางเองที่บังคับฝืนใจเหวินอี้มาหมั้นหมายกับนาง ทำให้ชิงหลันเสียใจเป็นอย่างมาก
เพราะนางทุ่มเทความรักให้กับชายหนุ่ม จึงไม่แปลกที่จะรู้สึกเช่นนี้ นางมิเคยมองเขาในแง่มุมอื่นเลย มองแต่ความดี ฟังแต่คำหวานหู ชิงหลันนั่งนิ่งบนเก้าอี้ไม้รถเข็น ดวงตากลมโตสั่นไหว นางสับสนไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ตอนนี้
“ชิงหลันเป็นอะไรหรือไม่”
มือที่เอื้อมมากุมมือของหญิงสาวนั้นชิงหลันสะบัดออก นางไม่อยากให้เขามาแตะต้อง นางในตอนนี้นั้นรังเกียจทั้งตัวเองและเหวินอี้เป็นที่สุด
“กลับไปเสียเถอะ” ชิงหลันเอ่ยเสียงเบา เพราะไม่อยากเห็นใบหน้าที่ไม่จริงใจของเขา อีกแล้ว วันนี้นางฝืนทนปั้นสีหน้ามาพอแล้ว
“แล้วเรื่องระหว่างเรา” เหวินอี้เอ่ยถาม เขาต้องได้คำตอบที่ถามไปเมื่อครู่ว่าตกลงจะเป็นเช่นไร สัญญาหมั้นหมายระหว่างเขาและนางเป็นเพียงสัญญาปากเปล่า นางตอบรับการยกเลิกหมั้นหมายก็คือจบ
ชิงหลันเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองอีกฝ่าย
“ไม่มี…ไม่มีคำว่าเราอีกแล้ว”
แม้จะเป็นคนเอ่ยปากออกไปเช่นนั้น แต่นางกลับเสียใจเป็นที่สุด จู่ ๆ ก็มาถอนหมั้นนาง ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานยังบอกรักนางอยู่เลย แต่วันนี้กลับบอกว่ามีหญิงสาวผู้อื่นในใจอยู่แล้ว นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน
ยามที่ชายหนุ่มทิ้งนางเอาไว้เพียงลำพัง ดวงตาสวยก็มองไปยังประตูที่เหวินอี้เดินออกไปด้วยแววตาเศร้า
“คุณหนูเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” ชิงหลันส่ายหน้า นางไม่อยากจะพูดหรือเอ่ยอะไรออกมาสักคำ
สาวใช้ที่เห็นว่าคุณหนูไม่ได้ว่าอะไรก็เฝ้าอยู่ห่าง ๆ แต่ใครจะรู้ว่าความเศร้าเสียใจในวันนี้ของหญิงสาวจะได้กลายเป็นก้อนแห่งความเศร้าโศกที่ทับทมจนทำให้ชีวิตที่กำลังจะเติบโตต้องหยุดชะงักและจากไป หลังจากข่าวยกเลิกการหมั้นของคุณหนูตระกูลหวิ๋นกับชายหนุ่มที่สาว ๆ ต่างหมายปองแพร่กระจายออกไปเพียงแค่ไม่กี่เดือน ชีวิตของคุณหนูตระกูลอวิ๋น อวิ๋นชิงหลันก็ดับลง ทามกลางความเสียใจของคนในพรรคมาร
คราแรกชิงหลันคิดว่านี่คือจุดสิ้นสุด ไม่คิดยื้ออะไรจากพื้นปฐพีนี้อีกแล้ว แต่คล้ายสวรรค์จะไม่เต็มใจให้เป็นเช่นนั้น ตลอดเวลานานชั่วชีวิตของเหวินอี้คนที่นางรังเกียจและไม่อยากเกี่ยวข้องที่สุด แต่นางกลับต้องเกี่ยวข้องและได้เห็นและรับรู้ทุกอย่างที่เขากระทำ แม้ว่านางจะเป็นเพียงวิญญาณ ทั้งความเลวที่นางคิดว่าเลวร้ายแล้ว แต่คนชั่วอย่างเหวินอี้ก็จะคงทำได้มากกว่านั้นอีก ทั้งการหลอกใช้ตระกูลของนาง ทั้งหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างเขา ชิงหลันเจ็บปวดกับสิ่งที่เห็นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ไม่ใช่ยามนี้ นางทำได้เพียงแค่หมุนล้อไม้เก่า ๆ ตามหลังเหวินอี้ เป็นวิญญาณร้ายตามติดเขาเท่านั้น นางทำเช่นนี้มานานแค่ไหนนั้นไม่รู้ ชิงหลันมิรู้ วัน เดือน ปี มิรู้แม้กระทั่งเวลา นางแค่ตามเหวินอี้ไปเรื่อย ๆ ราวกับรอบางสิ่งบางอย่าง รอราวรอว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่เหวินอี้บอก
และในที่สุดเวลานั้นก็มาถึง
ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวมันควรจะดีได้แต่งงานและสร้างครอบครัว แต่นางกลับต้องสิ้นใจเพราะเสียรู้ให้กับคนเจ้าเล่ห์คนนี้ ชิงหลันมองใบหน้าของตัวเองในคันฉ่องแล้วก็ยิ้มเหยียด
“ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาข้า” เด็กหญิงเอ่ยกับตนเองเบา ๆ
ตอนนี้นางกลับมามีเนื้อหนังทั้งยังอ่อนเยาว์ แม้จะยังไม่แน่ใจช่วงเวลา แต่นางอยากให้มันเป็นช่วงก่อนที่นางจะเจอกับชายสารเลวผู้นั้น
“ขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสข้าอีกครั้ง” ชิงหลันคิดเช่นนี้จริง ๆ แม้นางจะยังเดินไม่ได้เช่นเดิม แต่เวลาที่ต้องล่องลอยไปมาในช่วงที่ผ่านมาทำให้นางรับรู้อะไรหลาย ๆ อย่างได้มากขึ้น
ชาติก่อนนางเอาแต่ต่อว่าสวรรค์ที่ทำให้นางพิการ ทำให้นางถูกคนอื่นรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ แต่ชาตินี้นางจะต้องระแวดระวังคนที่อยากเข้าใกล้นางให้ดีเสียแล้ว และชีวิตใครก็ควรจะเป็นของคนคนนั้น นางจะไม่แทรกแซงช่วยเหลืออะไรใครอีกแล้ว นอกจากคนที่นางรับรู้จริง ๆ ว่าพวกเขาเหล่านั้นรักนางมาก ๆ
ชีวิตนี้นางจะอยู่เพื่อคนที่รักนางและนางรักจากใจจริง ๆ เท่านั้น มิใช่คำโป้ปดของคนลวงเยี่ยงเหวิน