ถ้าพี่กล้า พี่ก็เดินเข้ามาเลย

2732 คำ
ฉันพาลูกชายขี่รถจักรยานกลับมาบ้าน โดยที่มีรถลากที่ฉันจ้างเขาขนของขี่ตามมาด้วย แล้วพอมาในซอยบ้านทุกคนก็พากันมองแล้วก็หันไปพูดอะไรกันไม่รู้ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจหรอก แต่ถ้าให้เดาก็เป็นเรื่องที่ฉันซื้อของนี่แหละมั้ง “ไอหย่า อาเล้ง ลื้อดูเมียอาสี่ซื้อของมาเต็มรถเลย” “ฮึ มีเมียแบบนี้เดี๋ยวก็เจริญ” “ไอหย่า เฮียดูอาวาดอีซื้อของมา มันต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน อั๊วจะเป็นลม” “แต่เฮียว่ามันมีแต่ของหลานแล้วก็ของสดนะ” “อั๊วรู้ แต่มันก็เยอะเกินไป” “เอาหน่า รอดูอีไปก่อน” “แอ!” “ใช่เลยอาตี๋ อาม่าหัวใจจะวายกับม๊าของลื้อแล้ว” “อะ!” “หึหึ ชอบพูดเหรอลื้อน่ะ มา ไหนมาช่วยอาม่าคิดเงินดีกว่า” ฉันจอดรถแล้วก็เปิดประตูให้คนที่ฉันจ้างเขาลากของเอาของไปเก็บด้านในให้ พอเสร็จเรียบร้อยฉันก็ยื่นเงินแล้วก็ส่งขวดน้ำสีขาวขุ่นให้เขา ขวดน้ำในตำนานแหละแม่ ฉันก็ทันนะ ตอนฉันอยู่ ป.4 ฉันยังเคยเห็น แต่หลังจากนั้นน้องก็หายไปตลอดกาล “ขอบใจนะคะพี่” “อุ้ย ไม่เป็นไรๆ ถ้ามีอะไรจ้างพี่ได้เลยนะ” “จ้าๆ” พอคนส่งของยกของเข้ามาในบ้านให้ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็เลยหันไปถามลูกชายตัวน้อยที่ยังยืนอยู่ข้างๆ แล้วก็จับมือฉันไว้ ฉันเลยยิ้มพร้อมกับใช้มือลูบศีรษะของเด็กตัวเล็กเบาๆ “ภพ ลูกจะไปเล่นกับเพื่อนหรือจะอยู่กับมาม๊า” “มาม๊ามีอะไรให้ภพช่วยไหมครับ ภพจะช่วยมาม๊าก่อนครับ” “หึหึ ไม่มีหรอกลูก เดี๋ยวม๊าจะทำบะหมี่เกี๊ยว ภพอยากไปเล่นกับเพื่อนก็ไปเถอะลูก แต่ห้ามไปเล่นไกลบ้านนะลูก เล่นอยู่แถวบ้านเรา หรือไม่ก็ที่ร้านขายของกากงอาม่าได้แค่นั้นนะลูก” “ครับมาม๊า มาม๊าครับ ภพขอเอาฟุตบอลไปเล่นกับเพื่อนได้ไหมครับ” “ได้ครับลูก อย่าลืมใส่รองเท้านะลูก แล้วภพห้ามถอดรองเท้าเตะบอลนะลูก” “ภพกลัวรองเท้าพังครับ” ฉันหยิบรองเท้าเตะบอลสำหรับเด็กที่เพิ่งไปซื้อออกมาร้อยเชือกแล้วพอได้ยินเด็กน้อยตัวเล็กมองรองเท้าแล้วเหมือนจะไม่กล้าใส่อะ ฉันเลยยิ้มและตอบเจ้าตัวเล็กกลับไป “ถ้าพังเดี๋ยวมาม๊าก็ซื้อให้ภพใหม่ไงลูก มา ภพมานั่งใส่ถุงเท้าแล้วก็ใส่รองเท้า ถ้าหนูใส่รองเท้าแตะมันจะเกิดอุบัติเหตุได้รู้ไหมลูก” “ครับมาม๊า” “แล้วห้ามถอดให้ใครยืมใส่นะลูก เพราะม๊าใช้เงินของป๊าซื้อมา ป๊าส่งเงินมาให้ภพ หนูจะให้คนอื่นใส่แล้วทำของหนูพังไม่ได้นะลูก” “ครับมาม๊า” ใช่ค่ะ ฉันสอนแบบนี้แหละ ของเรา เราก็ต้องหวง อันไหนที่แบ่งได้ก็แบ่ง แต่อันไหนที่ไม่สมควรแบ่งก็ไม่จำเป็นต้องแบ่ง เพราะในสมัยนี้ราคารองเท้าก็ค่อนข้างสูงนะ เพราะมันเป็นของแท้ แต่ถ้าเทียบกับสมัยที่ฉันมาก็ถือว่าถูกมาก ทองบาทละไม่กี่พันเอง นี่ฉันก็ว่าจะซื้อทองมาเก็บไว้ หรือไม่ก็อาจจะเปิดธุรกิจร้านทอง แต่แค่มองๆ ไว้นะ ยังไม่ได้ตัดสินใจ โอ้ว แต่จะว่าไป ค่าเงินน่ากลัวเหมือนกันนะ คิดง่ายๆ เงินหนึ่งร้อยบาทตอนนี้ที่ฉันอยู่ ฉันสามารถซื้อผัก ซื้อหมู ซื้อเนื้อสัตว์ได้เป็นหอบ แต่สมัยที่ฉันมา หนึ่งร้อยบาทได้ไม่กี่อย่างเอง บางทีหนึ่งร้อยบาทก็ยังไม่พอเลย อ่อ ส่วนพ่อแม่ของสามีเขาเปิดร้ายขายของชำ ขายครบหมดทุกอย่างอะ แล้วก็มีโรงสีข้าว มีที่มีทางให้คนเช่า ที่เจ้าของร่างตัดสินใจแต่งงานก็เพราะในส่วนนี้ด้วย แต่ก็นะ ฝั่งบ้านตัวเองก็มี สมัยนี้เขาก็เอาคนที่สมกันแหละมั้ง เพราะในความจำมีคนมาทาบทามเจ้าของร่างเยอะเหมือนกัน “ดีนะที่อุปกรณ์ในครัวทันสมัยอยู่บ้างแล้วก็มีครบ มาเริ่มเลยดีกว่า จะได้พาเด็กๆ กินข้าว” ฉันเริ่มเอาของสดที่ไม่ใช้มาใส่ตู้เย็นแล้วก็เริ่มทำบะหมี่เกี๊ยวให้ลูกๆ แล้วก็ว่าจะทำไปให้ป๊ากับม๊าด้วย ส่วนคนอื่นๆ ฉันไม่ได้ทำเผื่อหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้สนิทกับใครอะ ค่อยๆ อยู่ไปเดี๋ยวก็ปรับตัวได้เอง ฉันตั้งหม้อน้ำซุปใส่น้ำเปิดแก๊ส ล้างกระดูกซุป พอน้ำเดือนก็ตักน้ำร้อนมาใส่ในกะละมังสแตนเลสที่มีกระดูกซุปอยู่ เพื่อล้างคาวเลือดนั่นแหละ พอกระดูกด้านนอกเริ่มขาวด้านๆ หลังจากโดนน้ำที่ร้อนจัดฉันก็เทแล้วก็ล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วก็เอากระดูกลงไปในหม้อซุป ตามด้วยกระเทียม รากผักชี พริกไทยที่ทุบพอแตก หัวหอมใหญ่ที่หั่นเป็นชิ้นแบ่งเป็นสี่ชิ้น กระหล่ำปลี ผักกาดขาว หัวไชเท้าลงไปในหม้อน้ำซุปพร้อมกับเบาไฟลง เพราะฉันจะใช้เวลาเคี่ยวนานหน่อย น้ำซุปจะได้หอม หวาน แล้วก็อร่อย จากนั้นฉันก็นำสันนอกของหมูหั่นเป็นเส้นแล้วก็ปรุงรส โดยใส่เกลือ พริกไทย น้ำตาลทราย ซอสหอยนางรม แล้วก็ใส่สีผสมอาหารสีส้มๆ แดงๆ ห่อเล็กๆ ของยี่ห้อหนึ่งที่ซื้อมา พอหมักหมูเสร็จฉันก็เอาถุงใบใหญ่มาคลุมกะละมังของหมูไว้ เพราะทิ้งไว้นานเหมือนกัน “อืม เอาเสื้อผ้าลูกไปใส่แช่ก่อนแล้วกัน แล้วจะมีเครื่องซักผ้าหรือยังหว่า ถ้าไม่มีก็ต้องมือแล้วล่ะ แล้วก็ทำความสะอาดบ้าน พอดีอะ สองชั่วโมงน้ำซุปเข้าที่ หมูแดงก็หมักได้ที่พอดี ทำงานบ้านเสร็จค่อยเอาหมูใส่ตู้อบ” ฉันสรุปกับตัวเองจากนั้นก็เริ่มสำรวจบ้านว่าอะไรอยู่ตรงไหน แล้วจะบอกว่าเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันแบบสุดๆ แล้วก็มีเครื่องซักผ้าแล้วจ่ะ ฉันเลยเอาเสื้อผ้าของเด็กๆ ใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าแล้วก็จัดการกดให้มันทำงาน จากนั้นก็รวบผมขึ้นมาแล้วก็ใช้ยางมัดก่อนจะขึ้นมาที่ห้องเปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้นสีขาวแล้วก็เสื้อคือบัวสีชมพูอ่อนแขนตุ๊กตา พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จฉันก็เดินลงมาชั้นล่างแล้วก็เห็นผู้หญิงสองคนมายืนรออยู่หน้าบ้าน อายุก็น่าจะใกล้เคียงกันนี่แหละมั้ง ฉันเลยขมวดคิ้วก่อนจะถามออกไปงงๆ “มีอะไรเหรอคะ” “ก็พวกฉันสองคนที่มารับทำความสะอาดให้บ้านให้ลื้อไง แล้วลื้อเคยบอกว่า ถ้ายังไม่เห็นตัวลื้อก็ให้อั๊วยืนรอกันอยู่ข้างนอกก่อน” ฉันพยักหน้าแล้วก็นึกความจำอีกฝั่งหนึ่งทันที อ่อ เจ้าของร่างจ้างผู้หญิงสองคนนี้มาทำงานบ้านให้ ก็ถึงว่า ทำไมบ้านไม่ได้สกปรก แต่ห้องนอนคือไม่ได้เลยนะ แต่ห้องนอนฉันจะจัดการเองเพระามันมีของมีค่าอยู่ ฉันเลยพยักหน้าและยิ้มพร้อมกับบอกผู้หญิงทั้งสองคนออกไป เพราะบ้านหลังใหญ่จะให้ฉันทำก็ไม่ไหว จ้างเขาก็สะดวกดี แต่อันไหนที่ทำเองได้ก็จะทำเอง “อ่อ จ่ะๆ เข้ามาในบ้านก่อน วันนี้เดี๋ยวฉันจะให้พิเศษนะ เช็ดฝุ่นตามขอบหน้าต่างแล้วก็เช็ดฝุ่นตามซอกต่างๆ ออกให้หมดเลยนะ แล้ววันนี้ไปทำชั้นบนให้ด้วยนะ ทำทุกห้องยกเว้นห้องใหญ่ห้องเดียวที่อยู่ซ้ายมือ นอกนั้นทำหมดเลย ค่อยๆ ทำกันก็ได้ ฉันไม่หักเงินหรอก” “หื้อ อ่อ จ่ะ” “ถ้ามีอะไรเรียกฉันได้เลยนะ” “ค่ะๆ” ฉันสั่งงานเสร็จเลยมาทำอาหารต่อที่ครัว เพราะตอนนี้ไม่ต้องทำความสะอาดบ้านเองละ เดี๋ยวต้องไปซื้อดอกไม้มาปลูกไว้หน้าบ้านบ้างละ ทำสวนน้อยๆ สำหรับนั่งเล่นหลังบ้าน ในบ้านก็ต้องเพิ่มมุมนั่งเล่นไปด้วย บ้านจะได้มีชีวิตชีวาแล้วก็น่าอยู่ สรุปต้องซื้อของเข้าบ้านอีกหลายรายการอยู่นะ จากนั้นฉันก็ทำอาหารต่อไปเรื่อยจนเสร็จเรียบร้อย แม่บ้านทำความสะอาดด้านบนเสร็จก็กำลังจะมาทำด้านล่างต่อฉันเลยเรียกให้มาพักกินน้ำกินข้าวกันก่อน เพราะตัวก็เล็กเดี๋ยวจะเป็นลมกันไป “เข็ม ใบพลู ไปล้างมือมากินบะหมี่ด้วยก่อนค่อยทำงานต่อ เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งกันไป นี่น้ำ มาๆ มานั่งกิน” “เออ คิดเงินไหมคะ” “หึหึ จะบ้าเหรอ ชวนมากินด้วยกัน มาๆ นั่งกินกันไปเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ถ้ามีอะไรก็ไปตามฉันที่ร้านค้าของม๊าแล้วกัน ฉันจะไปตามเด็กๆ เดี๋ยวกลับมา” “ขอบคุณค่ะ” “อุ้ย ไม่ต้องไหว้ฉันหรอก วัยเดียวกัน ก็เพื่อนกัน ไม่พอบอกนะ เดี๋ยวจะเพิ่มให้ ของมีเยอะแยะ ไม่ต้องเกรงใจ” “จ่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าสะเงินแบบคล้องแขน มันเป็นเหมือนถุงเงินอะแหละ เขาเรียกว่าอะไรฉันก็ลืม แต่มันเป็นแบบหูรูดอะ ใช้ผ้าสีแดงลื่นๆ แล้วก็ปักลายดอกไม้ทำ คิกๆ พอจะนึกออกกันใช่ไหม จากนั้นฉันก็ยกถาดที่มีถ้วยบะหมี่เกี๊ยวปริมาณก็เยอะมากพอสมควรเลยแหละ มาที่ร้านค้าของป๊ากับม๊า ในระหว่างทางก็เห็นลูกชายคนโตเล่นบอลกับเพื่อนอยู่เลยรีบเรียกลูกชาย เพราะจะพาเจ้าตัวเล็กไปอาบน้ำกินข้าวแล้วก็นอนตอนเที่ยงก่อนค่อยให้เจ้าตัวเล็กมาเล่นกับเพื่อนใหม่ “ภพ! ภพลูก!” “ครับมาม๊า!” “เก็บบอลมาได้แล้วลูก เข้าไปกินบะหมี่แล้วก็อาบน้ำนอนก่อน หนูตื่นแล้วค่อยมาเล่นกับเพื่อนต่อ หนูเก็บของแล้วก็เดินไปหาม๊าที่ร้านของอากงอาม่านะลูก เดี๋ยวม๊าเอาบะหมี่ไปให้อากงอาม่าแล้วก็จะไปรับน้อง เดี๋ยวเรากลับบ้านพร้อมกัน” “ครับมาม๊า เราเลิกแล้วนะ มาม๊าให้ไปกินข้าวแล้ว วันนี้ม๊าเราทำบะหมี่สีเหลืองให้กิน” “พวกเราไปกินด้วยได้ไหม” “แกอยากถูกม๊าไอ้ภพหยิกอีกเหรอ” “แต่ม๊าเราใจดีแล้วนะ ม๊าไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว” “โอ๊ย! ไอ้ภพเอ๊ย ถ้าม๊าลื้อใจดี น้ำคงท่วมเยาวราชแล้วมั้ง!” “ฮ่าๆ” “ใช่ครับอาม่าเล้ง” “หึหึ ตั้งแต่ม๊าลื้อมาอยู่ที่นี่อาม่ายังไม่เห็นม๊าลื้อดีสักที ลื้อก็ระวังไว้เถอะ ม๊าลื้อคงโดนผีเข้าแล้วมั้ง” ฉันถือถาดที่มีถ้วยบะหมี่อยู่สองถ้วยบนถาดเดินเข้ามาในร้านขายของป๊ากับม๊า ซึ่งลูกค้าที่กำลังซื้อของก็มองมาที่ฉันแบบนิ่งๆ ฉันก็ยิ้มทักทาย แล้วก็หันไปพูดกับป๊าแล้วก็ม๊าที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะคิดเงินพร้อมกับวางถาดลงบนโต๊ะ ซึ่งมาม๊าเขาก็อุ้มลูกคนสุดท้องของฉันอยู่ เจ้าตัวเล็กก็อารมณ์ดีแบบสุดๆ ฉันเลยยิ้มและพูดกับป๊าแล้วก็ม๊าออกไป “ป๊าคะ ม๊าคะ วันนี้หนูลองทำบะหมี่หมูแดงให้ลูกกิน หนูเลยทำมาเผื่อมาม๊ากับป๊าด้วยค่ะ ป๊ากับม๊าลองชิมดูนะคะ” “ไอหย่า ลื้อใส่เครื่องเยอะขนาดนี้เลยเหรอ มันแพงมากไหมเนี่ย แล้วทำไมทำมาเยอะขนาดนี้” “หึหึ ไม่เยอะหรอกค่ะ เครื่องมันหลายอย่างเลยอาจจะดูเยอะ ป๊ากับม๊าต้องบำรุงร่างกายด้วยไงคะ งั้นเดี๋ยวหนูพาลูกกลับบ้านก่อนนะคะ หนูจะพาลูกไปกินข้าวแล้วก็อาบน้ำนอนตอนเที่ยงก่อนนะคะ ถ้าลูกตื่นจะพามาเล่นกับป๊าแล้วก็ม๊าใหม่ค่ะ” “อืมๆ แล้วลื้อให้อาเข็มกับอาพลูมาทำความสะอาดบ้านให้ลื้อเหรอ อั๊วเห็นสองคนนั้นเดินไปทางบ้านลื้อ” “ฮึ ก็ลูกสะใภ้ม๊าเขาเป็นนางฟ้าลงมาจุติ จะเอามือมาทำได้ยังไงล่ะคะ เดี๋ยวมือก็สากกันพอดี” ฉันถอนหายใจก่อนจะตวัดสายตาไปทางพี่สะใภ้ที่ชื่อปิ่น แล้วอะไรที่ฉันทำได้ฉันก็ทำ แต่ฉันอยู่บ้านคนเดียว เธอนึกสภาพกว่าจะทำเสร็จสิ แล้วที่ฉันให้เขาทำเยอะวันนี้เพราะต่อไปฉันจะจ้างบ้างไม่จ้างบ้างไม่ใช่จ้างทุกวัน เพราะฉันก็เสียดายเงินเหมือนกัน ฉันเลยถอนหายใจแล้วก็หันมาตอบป๊ากับม๊า “ค่ะม๊า วันนี้หนูให้เขาทำให้เยอะหน่อยค่ะ ต่อไปนี้หนูจะจ้างบ้างไม่จ้างบ้าง เพราะหนูอยู่คนเดียว จะทำทั้งสองชั้นก็คงจะทั้งวัน อีกอย่างหนูต้องคอยปั๊มนม คอยดูลูก เพราะตอนนี้ลูกยังไม่ได้ไปโรงเรียน แต่หนูก็คิดไว้แล้วค่ะ ว่าจะจ้างบ้างไม่จ้างบ้างเพราะหนูก็เสียดายเงิน อะไรที่หนูทำเองได้หนูก็จะทำเองค่ะ หนูก็คนธรรมดานี่แหละค่ะ ขี้เกียจเป็น เหนื่อยเป็น ขยันเป็น ใช้เงินเป็น เสียดายเงินก็เป็น ถ้าเป็นนางฟ้าเหมือนที่พี่สะใภ้พูด หนูคงจะลอยมาแทนการเดินแล้วมั้งคะ แล้วฉันจะบอกพี่สะใภ้เอาไว้นะคะ ฉันไม่ชอบให้คนมาพูดจาส่อเสียด มันปวดจิตค่ะ ถ้ามีอะไรไม่ต้องพูดกระทบแบบนี้ พูดตรงๆ เลยค่ะ แล้วถ้าฉันพูดตรงๆ บ้าง พี่สะใภ้ก็รับให้ได้เหมือนกันนะคะ คนเรามันโตกันแล้ว มีลูกสองลูกสามกันแล้ว จะมามัวทำเรื่องไร้สาระอยู่ฉันไม่ถนัดหรอกค่ะ แต่จำไว้นะคะ ฉันไม่ใช่คนยอมคนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ใครทำมาฉันก็จะทำอันนั้นกลับไป ถ้าไม่ชอบก็อยู่ให้ห่างจากฉันไว้ค่ะ เพราะเข้าใกล้ฉันมากๆ ฉันเกรงว่าพี่สะใภ้จะเป็นบ้าไปซะก่อน” “อ๋อ!! ลื้อคิดว่าเป็นลูกสะใภ้ที่ป๊ากับม๊ารัก ไปสู่ขอสินสอดเยอะๆ แต่คนอื่นได้ไม่ถึงครึ่ง อะไรๆ เขาก็ตามใจลื้อ ลื้อเลยขู่อั๊วใช่ไหม อั๊วจะบอกให้ผัวอั๊วจัดการลื้อ” “อาปิ่น! ลื้อไปหาเรื่องอาวาดก่อนนะ” “แล้วเพราะอะไรล่ะ ไม่ใช่เพราะป๊ากับม๊าเหรอ แค่อีทำบะหมี่มาให้ป๊ากับม๊าก็จะลอยแล้วมั้ง กี่ปีละ ตั้งแต่ได้อีมาเป็นสะใภ้ก็เพิ่งได้กินของอีแค่สองถ้วยนี่แหละมั้ง” ฉันถอนหายใจก่อนจะเท้าเอวมองผู้หญิงตรงหน้าแบบเอือมระอา แล้วเธอเชื่อไหม ในตอนที่ฉันอยู่ในร่างเดิมฉันตั้งใจไว้ว่าอยากได้สามีที่เป็นลูกคนเดียวด้วย เพราะฉันขี้เกียจมาปวดหัวแบบเนี่ย ถ้าครอบครัวไหนที่ดีก็ดีมาก บรรยากาศดี แต่นี่คือ อืม ปวดจิตค่ะ ฉันเลยตัดสินใจแล้วก็พูดกับผู้หญิงตรงหน้ากลับไปด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน “ถ้าพี่สะใภ้ฟ้องผัว ฉันก็จะฟ้องผัวฉันเหมือนกัน ถ้าพี่สะใภ้ให้ผัวพี่มาจัดการฉัน ฉันก็จะให้ผัวฉันไปจัดการพี่ แต่พี่อย่าลืมนะคะ พี่น้องทะเลาะกันพ่อแม่จะปวดใจแค่ไหน ไม่ต้องคนอื่นหรอก พี่นั่นแหละ จะเอากับฉันไหม จะได้รู้ๆ กันไป ไม่ต้องเสียเวลามาพูด ฉันพร้อม ถ้าพี่กล้า พี่ก็เดินเข้ามาเลย ถ้าไม่เดินเข้ามาก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก พี่จะเอายังไง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม