มาม๊าคิดถึงปาป๊า

3056 คำ
ในฝัน… ฉันเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ป้อมๆ แน่นอนว่าเป็นไม่ใช่เด็กผอมแห้งแรงน้อยแน่นอน ผมตรงยาวลงมาถึงเอว ตากลมโต ขอนตางอนยาว ปากนิด จมูกหน่อย ใส่ชุดกระโปรงสีขาวแขนตุ๊กตาเดินมาตามทุ่งหญ้าสีเขียว มันเหมือนจะเป็นสวนหน้าบ้านของฉันนะ แล้วก็เห็นเมฆในวัยเด็ก ผมสีดำ ตากลมโตเหมือนกัน แต่ก็เล็กกว่าฉันอะ คิกๆ มีขี้แมลงวันตรงเปลือกตา แล้วก็ตรงจมูก เป็นจุดเล็กๆ เดินถือตุ๊กตาหมีสีขาวมากให้ ก่อนจะยิ้มให้แล้วก็ชวนฉันเล่นของเล่น ใช่แล้ว นี่มันคือวัยเด็กของฉันกับเมฆเอง แล้วบ้านเมฆกับบ้านฉันก็อยู่ใกล้เคียงกัน เมฆถึงได้พูดว่าเราโตมาด้วยกันนั่นแหละ “วาดครับ วันนี้เรามาเล่นพ่อแม่ลูกกันเถอะ” “ได้เลย เมฆเป็นพ่อ วาดเป็นแม่ นี่ก็ลูกของเรา แต่วาดต้องไปทำงานด้วย ใครจะดูลูกเราล่ะ เราฝากคุณแม่ไหม” “แล้วทำไมวาดถึงต้องไปทำงานล่ะครับ” “เพราะวาดก็ทำงานเหมือนคุณแม่ ช่วยเมฆหาเงินมาบ้านเยอะๆ” “วาดไม่ต้องไปทำงานหรอกครับ เมฆจะหาเงินเยอะๆ มาบ้านเราเอง วาดทำกับข้าวแล้วก็เลี้ยงอยู่บ้านดีไหมครับ” “ก็ได้ แล้วเมฆจะทำงานอะไรเหรอ เมฆถึงจะมีเงินเยอะๆ” “เมฆทำงานอะไรก็ได้ แต่เมฆจะหาเงินมาให้วาดกับลูกเยอะๆ” “คิกๆ งั้นเมฆไปทำงานนะ วาดจะเตรียมทำกับข้าวให้เมฆกิน เมฆชอบกินอะไร” “เมฆชอบกินลูกชิ้น” “โอเค เดี๋ยววาดจะทำลูกชิ้นให้เมฆกับลูกนะ” “ครับ” “คิกๆ” ใช่ค่ะ ช่วงเวลานี้มันมีความสุขแบบมากๆ มากจนฉันมองใครเป็นสามีฉันไม่ออกไม่เลยนอกจากเมฆ แล้วมันเหมือนจะได้ยินเสียงพระสวดหรือบทสวดอะไรบางอย่าง ฉันเลยเดินตามเสียงมา แล้วเหมือนจะไกลอยู่นะ พอเดินมาถึงมันก็เป็นหน้าวัดแถวบ้าน คือวัดที่จัดงานศพฉันนั่นแหละ ฉันมองเข้าไปก็เห็นทุกคนกำลังขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ แต่ พรึ่บ! “เมฆ เมฆทำไมยังเด็ก” “วาดก็เด็กไม่ใช่เหรอครับ” ฉันมองตัวเองกับเมฆแล้วก็เห็นว่าฉันสองคนอยู่ในร่างของเด็กน้อยวัยสามขวบสี่ขวบ แล้วเมฆก็จับมือฉันเอาไว้ฉันเลยหันไปยิ้มแล้วก็ตอบเมฆ “จริงด้วย วาดก็เด็ก เมฆก็เด็ก คิกๆ” “หึหึ วาดมีความสุขไหมครับ” “วาดมีความสุข แล้วเมฆมีความสุขไหม” “เมฆเจอวาด เมฆก็มีความสุข เมฆรักวาดนะครับ” “วาดก็รักเมฆ” “งั้นเราไปอยู่ด้วยกันไหมครับ มีลูกๆ ของเราอยู่ด้วย” ฉันยิ้มให้เมฆก่อนจะส่ายหัวแล้วก็ตอบเมฆกลับไปแล้วมันรู้สึกเหมือนจะร้องไห้เลยอะ อ่อ ไม่ใช่แค่รู้สึก แต่ฉันร้องเลยจ่ะ “ไม่ได้หรอกเมฆ อึก วาดอยู่ไกลมากๆ” “ไม่ว่าไกลแค่ไหน เมฆก็จะไปอยู่กับวาดนะครับ” พอพูดจบแล้วเมฆก็ปล่อยมือแล้วเหมือนจะเดินไปไหนสักที่อะ ฉันเลยรีบวิ่งตามแล้วก็เรียกไว้ แต่มันเหมือนเป็นระเบิดแล้วก็มีคนยิงกัน ตอนนี้เหมือนมันสงครามเลยอะ แล้วเมฆก็โดนยิงตรงแถวๆ หน้าอก เหนือหัวใจขึ้นมาแล้วเมฆก็ล้มลงไปเลย ฉันก็พยายามร้องเรียกแต่เมฆไม่ตอบแล้วก็ได้ยินแต่เสียงพระสวด เสียงที่เมฆบอกรัก แล้วก็เสียงร้องไห้ของตัวเอง “เมฆรักวาดนะครับ” “เมฆ ฮือๆ เมฆ!!” จันทร์วาด ตื่น จันทร์วาด ตื่นขึ้นมา ตื่น ใช่ ฉันต้องตื่น ฉันไม่อยากตาย เฮือก ฉันสะดุ้งตัวแรงๆ เหมือนถูกกระชากแรงๆ อีกแล้วอะ ไม่รู้สะดุ้งหรือกระชาก ฉันเลยรีบลุกขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นเด็กตัวน้อยๆ นอนหลับกันอยู่ แต่สิ่งที่ฉันเป็นห่วงมากที่สุดตอนนี้คือ “เมฆ เมฆอย่าคิดอะไรบ้าๆ แบบนั้นนะ เมฆต้องอยู่กับปัจจุบันแล้วใช้ชีวิตให้ดีนะ วาดไม่ให้เมฆทำแบบนั้นนะ ถ้าเมฆทำแบบนั้นวาดจะโกรธเมฆจริงๆ ด้วย อึก” ฉันพึมพำแล้วก็ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของตัวเอง คือจิตฉันผูกอยู่กับเมฆจนทำให้ตัวเองฝันหรือเปล่า แต่เหตุการณ์ในสงครามมันเหมือนจริงมาก ไอ้วาด แกจะยึดติดไม่ได้ เมฆต้องมีชีวิตของเขา คนที่เกิดมาเจอกันแล้วไม่ได้รักกันก็มีหลายคู่ “จิตแกคงคิดเยอะเกินไปนะไอ้วาด ไปล้างหน้าดีกว่า บ่ายสองแล้วเหรอเนี่ย ไปล้างหน้าแล้วมาปลุกเด็กๆ ดีกว่า นอนเยอะเดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับ” คือในใจมันกลัวแหละ แต่มันต้องสะกดจิตของตัวเองไม่ให้คิดแล้วก็ไม่ให้จิตคิดว้าวุ่นจนเกิดไป เพราะกลัวเมฆจะรู้สึกได้แล้วจะทำให้เกิดความสูญเสียขึ้นมา ฉันล้างหน้าแล้วก็เปลี่ยนจากชุดนอนมาใส่กางเกงยีนส์ขายาวแล้วก็เสื้อยืดลายทางเอวลอยสีเหลือ “แฟชั่นสมัยนี้เหมือนที่ฉันอยู่เลยว่ะ ไม่ต่างกันเลย อ่อ สมัยเราหันมานิยมแต่งกายตามสมัยนี้ ไหนดูเครื่องประดับมีอะไรบ้าง โอ๊ย เริ่ดเวอร์ มาเริ่มเลย ฉันจะเป็นคุณแม่ลูกสองสุดแซ่บในซอยเยาวราช” ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ที่มาคู่กับโต๊ะกระจก จากนั้นก็แต่งหน้า ฉันก็แบ่งผมออกเป็นสองข้างแล้วก็ทักเปียจากนั้นม้วนให้เป็นกลมๆ ต่ำๆ แล้วก็หยิบกิ๊บหลากหลายสีตัวเล็กๆ มาติด เพราะยุคที่ฉันจากมาฉันก็ชอบมากค่ะ แต่งแล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้เยอะมาก ถ่ายกับเพื่อน รูปเดี่ยว แล้วก็คู่กับเมฆ “ไอ้วาด อีกละ กลับมา เดี๋ยวแม่จะตีนะ” ฉันดึงตัวเองกลับมานั่งแต่งหน้า คือไม่รู้เครื่องสำอางจะยุคไหน พ.ศ.ที่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่หวั่นค่ะ เพราะฉันแต่งตามยุคที่ฉันมา ตอนแรกก็งงๆ ตอนนี้เข้าใจทุกสิ่งอย่าง ชีวิตชะนีอะเนาะ เรื่องนี้มันอยู่ในเส้นเลือด ฉันนั่งแต่งหน้าทำผมจนเสร็จ แล้วพอมองในกระจกเท่านั้นแหละ “คุณพระ คุณเจ้า ไอ้วาด โคตรจึ้ง โคตรสวย โคตรดี สวยสุด อะไรสุด หน้าดี เครื่องสำอางติดทนดี เอวดี สะโพกดี ที่สำคัญ หน้าอกก็เริ่ดเวอร์ เดี๋ยวฉันต้องไปตามหากริตเตอร์มาด้วย มันจะได้วิ้งๆ เหมือนเพลงที่คุณพ่อเคยเปิด แต่มันร้องว่าไงหว่า อ่อ นึกออกละ สวยในซอย สวยในซอย สวยที่สุด สวยที่สุด สวยที่สุด สวยในซอย คิกๆ พอ จำได้เท่านี้ค่ะ ไป ไปทำหน้าที่คุณแม่ได้แล้วค่ะ” ฉันร้องแล้วก็เต้นอยู่หน้ากระจกก่อนจะหัวเราะกับตัวเองแล้วก็เก็บของให้มันเข้าที่เข้าทางแล้วก็เดินมาปลุกลูกๆ ทั้งสองคนให้ตื่นนอน ฉันเรียกลูกและใช้มือเขย่าเจ้าตัวเล็กเบาๆ เพราะกลัวลูกจะเจ็บ “น้องภพ น้องภพลูก น้องภพ ตื่นได้แล้วนะลูก เดี๋ยวตอนมืดหนูค่อยนอนใหม่ เดี๋ยวมาม๊าจะทอดไก่ให้หนูกินด้วยน้า~” “มาม๊าครับ” “ครับลูก ตื่นได้แล้วนะลูก ปะ ลงไปข้างล่างกับมาม๊าดีกว่า” “ครับ” ฉันยิ้มให้ลูกแล้วก็งัดลูกขึ้นมานั่ง เพราะถ้าปล่อยให้เขานอนอยู่เขาก็จะหลับอีก แล้วพอลูกเห็นหน้าฉันแล้วพูดออกมาเท่านั้นแหละ วันนี้ฉันต้องจัดขนมชุดใหญ่ให้ลูกชายแบบเต็มคาราเบลสักหน่อย “มาม๊า มาม๊าสวยมากเลยครับ” “คิกๆ จริงหรือเปล่าลูก” “จริงครับ มาม๊าสวยมากๆ เลยครับ แต่ถ้าปาป๊าเห็น ปาป๊าไม่ชอบ” ฉันขมวดคิ้วก่อนจะมองลูกชายตัวเล็กที่พูดพร้อมกับยิ้มออกมา แล้วเมียสวยทำไมไม่ชอบล่ะ ฉันเลยถามเจ้าตัวเล็กออกไป พอได้ยินเลยหัวเราะออกมา “หื้อ ทำไมล่ะลูก” “เพราะป๊าต้องหวงมาม๊าไงครับ คิกๆ” “หึหึ แล้วที่ผ่านมาป๊าเราหวงมาม๊าไหม” “ภพไม่เห็นครับ” ฉันมองหน้าเจ้าเด็กตัวเล็กก่อนจะหอมแก้มลูกด้วยความหมั่นเขี้ยว คือพ่อไม่น่าหวงหรอก เพราะในความจำแล้วความรู้สึกเหมือนเขาก็จะไม่ได้สนใจเรื่องที่ภรรยาเขาชอบเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าเด็กตัวน้อยหวงแม่แล้วอ้างพ่อมากกว่า “หื้อ เราหวงมาม๊าเองอะสิ ปะ เดี๋ยวมาม๊าปลุกน้องแล้วพาหนูไปล้างหน้าแล้วเรามาเปลี่ยนชุดน่ารักๆ ที่เราซื้อมาวันนี้กันดีกว่า เราจะเป็นแม่ลูกตัวตึงที่สุดในซอยเยาวราช” “คิกๆ” ฉันหัวเราะตามเจ้าตัวเล็กจากนั้นก็ปลุกลูกชายคนสุดท้อง แต่ลูกๆ ก็นอนง่ายตื่นง่ายนะ ไม่มีใครอ้อนหรืองอแง พอพาลูกไปล้างหน้าแปรงฟันก็มาแต่งตัวให้ลูก แม่เต็มลูกก็ต้องเต็มค่ะ แล้วเดี๋ยวฉันจะซื้อทุกวัน ต้องให้ลูกฉันมีทุกคอลเลคชั่น ฉันแต่งตัวให้ลูกชายเสร็จก็พากันลงมาชั้นล่างแล้วก็มาเปิดประตูบ้าน แล้วก็เห็นรถขายไอศกรีม เด็กๆ ที่บ้านพอจะมีเงินก็วิ่งเข้าไปกันใหญ่ ฉันเลยหันมาถามลูกชายคนโตที่ฉันก็จับมือเอาไว้ “ภพ หนูอยากกินไอศกรีมไหมลูก” “มาม๊าจะซื้อให้ภพเหรอครับ” “ครับ ลูกอยากกินไหม” “อยากกินครับมาม๊า” “โอเค งั้นเราไปซื้อไอศกรีมกัน น้องกิต หนูอยากกินไหมลูก ไหนหนูบอกม๊าก่อน” “แอ!” “คิกๆ น้องก็อยากกินครับมาม๊า” ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมาตอบลูกชายคนโตแล้วก็พากันใส่รองเท้าแตะเดินออกมานอกบ้าน “คิกๆ ปะ งั้นวันนี้มาม๊าเปย์เจ้าลูกงูตัวน้อยของมาม๊าทั้งสองคนเลย” “เย้ๆ” “ไอหย่า แต่ก็ว่าไม่ได้ ถ้าอั๊วไม่รู้จักอี อั๊วคิดว่าอียังไม่มีลูกนะเนี่ย แล้วลื้อว่าอีจะแต่งตัวไปวะอาเล้ง” “ไม่ใช่จะไปหาผัวใหม่รึ” “เอาแบบไหนดีครับ น้องชายเหรอครับ” ฉันพาเจ้าตัวเล็กมายืนเลือกไอศกรีมแล้วก็ได้ยินพ่อค้าเงยหน้าขึ้นมาถาม แล้วสายตานี่ก็เกินไปนะ มองโอโห ถ้ามองชื่นชมก็ไม่เท่าไหร่หรอก นี่มองทะลุเสื้อผ้าฉันเข้ามาแล้วมั้ง คือฉันชอบแต่งตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ใครมามองฉันแบบนี้นะ แต่ฉันยังไม่ทันได้ตอบหรอก ลูกชายคนโตเลยจับแขนฉันแล้วก็รับตอบพ่อค้าออกไปด้วยสีหน้าท่าทางเอาเรื่อง “มาม๊าเป็นมาม๊าของภพ ปาป๊าของภพก็เป็นทหาร” “ใช่ค่ะ มีลูกสองคนแล้วค่ะ แล้วสามีฉันเขาก็แม่นปืนมากด้วย แล้วเขาก็ขี้หึง พ่อแม่สามีฉันก็ร้านขายของใหญ่ๆ ตรงนั้นอะค่ะ ต่อไปพี่อย่ามองฉันแบบนี้นะคะ ถ้าสามีฉันเห็นฉันคงช่วยพี่ไม่ได้” “อ่อ ขอโทษครับๆ” “เอากระทิ 6 อันค่ะ” “ครับๆ นี่ครับ” “เท่าไหร่คะ” “3 บาท ครับ” “นี่ค่ะ ปะ ลูก เดี๋ยวเราปิดบ้านแล้วไปรอปาป๊าที่ร้านของอากงอาม่า” “ครับมาม๊า” ฉันบอกลูกตัวเล็กๆ คือผัวฉันเขาก็ไม่ได้กลับมาหรอก แต่ต้องพูดทำนองนี้ เพราะถ้าไม่พูดแล้วเหมือนอยู่กันเองแบบสามคนแม่ลูกมันจะน่ากลัวเกินไป ฉันเดินมาปิดบ้านแล้วก็ล็อกบ้านเอาไว้แล้วก็พาเด็กๆ เดินมาที่ร้านของป๊ากับม๊า แล้วไม่ต้องรีบทำข้าวมาก เพราะกับข้าวเย็นวันนี้ฉันจะทอดไก่กับต้มจืด ซึ่งมันก็ใช้เวลาไม่นาน แล้วในจังหวะที่เดินฉันก็ตวัดสายตาไปมองยัยมนุษย์ป้าที่บ้านอยู่หลังตรงข้ามเยื้องๆ กัน นางก็หลบสายตาจ่ะ ฉันก็ยิ้มมุมปากแล้วก็ไม่ได้สนใจอีก “อากง อาม่าครับ” “ไอหย่า ลื้อตื่นกันแล้วเหรอ” “ครับ” “ไหนมาให้อากงกับอาม่าหอมหน่อยสิ” ฉันยิ้มแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ เพราะถ้าพาเด็กๆ มานี่ฉันแทบจะไม่ได้ต้องดูแลเด็กๆ เลยอะ ป๊าก็เล่นกับเจ้าตัวเล็ก ส่วนม๊าก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับลูกชายคนโต “มาๆ อาวาด ลื้อมานั่งนี่” “ค่ะ แล้วพี่ๆ เขาไปไหนกันหมดล่ะคะ” “ไปรับลูกจากโรงเรียนกัน แล้วถ้าอาภพอีเข้าโรงเรียน ลื้อให้อาภพไปกับลูกอาโตก็ได้ รถใหญ่ของป๊ากับม๊านี่แหละ ไม่ต้องขึ้นรถรับส่ง” ฉันยิ้มให้ป๊ากับม๊าแล้วก็รีบปฏิเสธแทบจะทันที ไม่ได้หยิ่งหรอกนะ แต่ฉันแยกออกมาแล้วไม่อยากจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับของส่วนกลาง “ไม่เป็นไรค่ะม๊า วาดจะไปส่งลูกเอง ม๊าคะ ถ้ามีใครติดต่อขายตึกให้ม๊าบอกวาดหน่อยนะคะ” “หื้อ ลื้อจะซื้อตึกเหรอ” “ใช่ค่ะ วาดอยากได้สักสามสี่ห้อง” “แล้วลื้อจะทำอะไร” “เดี๋ยววันนี้ป๊ากับม๊าไปกินข้าวบ้านวาดนะคะ เดี๋ยววาดบอกค่ะ แต่จะทำอะไรวาดคงต้องปรึกษากับพี่มนัสก่อนค่ะ แต่ตอนนี้วาดแค่บอกไว้เฉยๆ ค่ะ” อืม ใช่จ่ะ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เราจะพูดอะไรออกไปลอยๆ ไม่ได้หรอก แล้วฉันไม่ค่อยชอบพูด ถ้าทำก็ทำเลย อีกอย่างเงินในครอบครัวเป็นทางสามีของเจ้าของร่างที่ส่งมาให้ มันก็ต้องให้เกียรติเค้าอะ แต่ถ้าใครมาขายก็จะซื้อเอาไว้ก่อน “อืมๆ ถ้าใครมาบอกเดี๋ยวอั๊วจะลองดูแล้วถ้าน่าสนใจจะบอกลื้อ มันต้องดูทำเลก่อนซื้อ แต่ที่ดินของอาสี่ก็มี ลื้อไม่ลองไปลงทุนที่นั่นก่อนล่ะ ที่ดินก็อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ ติดถนนด้วย ทำเลที่อั๊วยกให้ใช่ตาสีตาสาเมื่อไหร่ เพราะตึกที่นี่ไม่รู้จะมีใครเขาขายไหม” ห๊ะ! เอาว่ะ มาว่ะ มันเริ่ดอยู่นะ เดี๋ยวฉันต้องโทรไปตามสามีเจ้าของร่างกลับบ้านมาแล้วแหละ ถึงเวลาที่เขาควรกลับบ้านได้ละ ฉันเลยหันไปถามป๊ากับม๊าเบาๆ พอได้ยินคำถามป๊ากับม๊าก็พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง “ม๊าคะ ป๊าคะ ม๊ากับป๊าว่าตอนนี้ถึงเวลาที่พี่มนัสสมควรจะกลับบ้านมาหาลูกหาเมียหรือยังคะ” “ฮ่าๆ” “หึหึ ลื้ออยากให้ผัวกลับบ้านลื้อก็โทรไปบอกผัวให้กลับบ้านสิ ไม่โทรไปตามเขา เขาจะรู้ไหมว่าลื้อคิดถึงแล้วอยากให้เขากลับบ้าน” “คิกๆ มาม๊าคิดถึงปาป๊า” “ตัวแสบ แล้วเราไม่คิดถึงปาป๊าเหรอ” “ภพก็คิดถึงครับ แล้วมาม๊าคิดถึงปาป๊าไหมครับ” ฉันมองเจ้าก้อนตัวเล็กที่ถูกม๊ากอดอยู่แล้วฉันว่าลูกฉันน่าจะแสบพอตัวเลยแหละ เห็นแล้วน่าหมั่นเขี้ยว แล้วหน้าตาก็ไม่รู้จัก ในห้องนอนภาพก็ไม่มีสักใบ แล้วอันนี้ก็แปลก เพราะความทรงจำของเจ้าของร่างฉันนึกเรื่องอะไรมันจะชัดมากนะ แต่พอนึกเกี่ยวกับสามีของเขาภาพมันเลือนลาง รู้แต่ว่าเป็นผู้ชายสูงๆ สูงโปร่ง ไม่อ้วนท้วม รู้แค่นี้อะ แล้วก็รับรู้ได้แค่ความรู้สึก ฉันถึงไม่รู้ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง หรือเจ้าของร่างจะหวงสามี แต่ก็ไม่น่าใช่ เพราะความรู้สึกที่ฉันได้รับมา เจ้าของร่างไม่ได้มีความรักกับสามีขนาดนั้น พอนึกถึงเรื่องนี้หัวฉันมันก็เหมือนจะปวดหัว แล้วมันปวดแบบ ตุบ ตุบ ฉันเลยไม่อยากนึกถึง เอาเป็นว่า เดี๋ยวโทรไปแล้วกัน ฉันเลยหันไปตอบเด็กตัวเล็กพร้อมกับยิ้ม ไม่รู้เขาจะเป็นยังไง แต่เขาก็ดำรงตำแหน่งสามีของฉันอยู่ดี “ม๊าก็ต้องคิดถึงป๊าสิลูก” “มาม๊าคิดถึงปาป๊า คิกๆ” “หึหึ เจ้าก้อนกลม มา ไหนซื้ออะไรมาฝากอากงกับอาม่า” “อ่อ ภพกับมาม๊าซื้อไอศกรีมมาฝากอากงกับอาม่าด้วยครับ” “ไอหย่า ลื้อกินกันเถอะ ไม่ต้องห่วงอั๊วสองคนหรอก ลื้อกินให้อิ่ม” “หึหึ หนูซื้อมาครบจำนวนค่ะ รสกระทิ วาดว่าน่าจะอร่อย ป๊ากับม๊ากินด้วยกันเถอะค่ะ ร้อนๆ แบบนี้ต้องไอศกรีมเย็นๆ ถึงจะชื่นใจ แล้วไม่ต้องห่วงค่ะม๊า เงินเก็บที่บ้านของหนูมีอยู่ค่ะ” “ใช่ครับอาม่า มาม๊ามีเงินเยอะๆ ครับ” “หึหึ ขอบใจลื้อนะ” “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแค่นี้เอง วาดแต่งเข้ามาก็เป็นลูกของป๊ากับป๊า วาดอาจจะเคยดื้อไปบ้าง ขอโอกาสให้ลูกสะใภ้คนดื้อคนนี้อีกสักรอบนะคะ รอบนี้วาดจะไม่ดื้อกับปาป๊าแล้วก็มาม๊าแล้วค่ะ” ฉันมองหน้าม๊าก่อนจะยิ้มแล้วก็พูดกับท่านด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ก่อนจะโน้มตัวแล้วก็ใช้แขนโอบเอวม๊าเอาไว้ เพราะฉันมาอยู่นี่ก็มีท่านทั้งสองที่เหมือนเป็นพ่อกับแม่ แล้วขนาดเจ้าของร่างทำอะไรไม่ดีเยอะแยะท่านยังไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร ถ้าเป็นพ่อแม่สามีบ้านอื่นไม่รู้จะเป็นยังไง “ไอหย่า จะมากอดอะไรอั๊ว ลื้อมีลูกสองคนแล้วนะ พอๆ” “คิกๆ อาม่าเขิน” “อาภพ ลื้อล้ออาม่าเป็นแล้วเหรอ” “ครับ” “ไอหย่า ปีนี้ลูกลื้อแสบขึ้นนะ” “วาดว่ายังงั้นแหละค่ะม๊า ไอ้ตัวแสบ” “คิกๆ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม