EP.3 ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
“แล้วฉันจะไปที่ไหน” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้โฮ ภาพหญิงวัยกลางคนร่างเล็กยื่นทัพพีมาเคาะศีรษะของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู เมื่อเธอตอกไข่ไก่แต่กลับมีเปลือกไข่ละเอียดตกลงไปในชามแก้วปนกับไข่จนต้องใช้ส้อมเขี่ยเปลือกไข่ออก
‘แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ตอกแรงๆ ครั้งเดียว อย่าตอกซ้ำหลายๆ ครั้ง’ น้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้นในห้วงความคิด
“ไม่! ปวดหัวเหลือเกิน ปวด!” หญิงสาวกุมศีรษะฟุบลงกับพื้นทุรนทุรายเจียนจะขาดใจ “ใครก็ได้ช่วยที ฉันปวดหัวเหลือเกิน” หญิงสาวนอนขดตัวอยู่กลางสนามหญ้าก่อนสติจะดับวูบ มิได้รับรู้ความเจ็บปวดอีกต่อไป
จิณณวัตรเดินลงมาจากชั้นสองกำลังจะเดินไปที่ระเบียงบ้านเพื่อจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าก่อนจะไปที่สวนยางพารา ทว่าดวงยิหวากลับปราดเข้ามาหาเจ้านายด้วยใบหน้าซีดเผือด มีท่าทางร้อนรนจนเขาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรรึยิหวา” ชายหนุ่มมองหญิงสาวแรกรุ่น ผิวสีน้ำผึ้งตาคมใบหน้าเรียวสวยคมขำอย่างหญิงสาวภาคใต้
“นะ...นายหญิงค่ะ”
“ยัยนั่นยังไม่ไปอีกเหรอ หล่อนอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มกำมือเข้าหากันแน่น แหงนมองนาฬิกาเพิ่งจะหกโมงเช้า ฟ้าใสยังไม่ตื่นเขายังพอมีเวลาที่จะรีบไล่ฐิตารีย์ออกไปจากที่นี่ ก่อนที่จะเกิดคำถามมากมายจากบุตรสาวตัวน้อย คำถามที่เขาไม่ต้องการตอบ
“นายหญิงอยู่หน้าบ้านค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปอย่างตะกุกตะกัก จิณณวัตรก้าวออกไปนอกบ้านทันที ทว่าเขากลับต้องตกตะลึงเมื่อร่างบางเปียกปอนนอนอยู่บนสนามหญ้าชื้นแฉะใบหน้าซีดขาวไร้เลือดฝาด ชายหนุ่มเบือนหน้าหนียกมือขึ้นกอดอก
“ฐิตารีย์เธอคิดว่าไม้นี้จะได้ผลหรือไง ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
“...” เงียบไร้เสียงตอบกลับ ดวงยิหวารีบเดินเข้าไปแตะลงที่ไหล่หมายจะเรียกอดีตเจ้านายสาว ทว่ากลับต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็วเมื่อร่างบางร้อนดั่งไฟ
“นายหัวคะนายหญิงตัวร้อนมากเลยค่ะ”
ชายหนุ่มปราดเข้าไปหาหญิงสาว ยื่นหลังมือแตะลงบนหน้าผาก “บ้าฉิบ” สบถได้เพียงเท่านั้นเขาก็รวบร่างบางไว้ในอ้อมกอด วิ่งไปยังรถกระบะคู่ใจทันที “ไปเปิดประตูรั้ว” ชายหนุ่มกระโดดขึ้นรถก่อนจะทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่ถึงยี่สิบนาทีฐิตารีย์ก็อยู่ในความดูแลของแพทย์
“เธอเป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“มีไข้สูงมากคงต้องพักอยู่ที่นี่สักคืนเพื่อรอดูอาการ”
จังหวะนั้นนางพยาบาลเดินเข้ามากระซิบบอกนายแพทย์หนุ่มก่อนจะเดินกลับออกไป นายแพทย์หันไปมองหน้าคนไข้สาวที่ยังนอนไม่ได้สติก่อนจะหันมามองชายหนุ่ม
“นายหัวเป็นอะไรกับคนไข้หรือครับ” เมื่อเจอคำถามเช่นนี้ชายหนุ่มก็ถึงกับตะลึงงัน อึกอักอยู่หลายอึดใจก่อนจะตอบออกไปในที่สุด
“ผมเป็นสามีเธอครับ”
“เมื่อสองวันก่อนภรรยาของนายหัวประสบอุบัติเหตุถูกรถชน เข้าพักรักษาตัวอยู่ที่นี่สองคืนก่อนที่เธอจะหลบหนีออกไปจากโรงพยาบาล ซึ่งทางเราและเจ้าของไข้ที่เป็นคนนำเธอมาส่งโรงพยาบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราแจ้งความและออกตามหาตัวเธอ เพราะเธอได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองจนความจำเสื่อม แต่ในเมื่อคนไข้กลับไปที่บ้านของตัวเองถูก ทางเราก็ดีใจและคิดว่าความจำทั้งหมดของเธอคงจะกลับมาในเร็ววัน นายหัวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
นายแพทย์ยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อไปตรวจคนไข้รายอื่นๆ ทว่าจิณณวัตรยังคงยืนอึ้งมองใบหน้าซีดเผือดด้วยสายตาเคลือบแคลง
“เธอความจำเสื่อมจริงๆ หรือนี่” ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่คิดว่าเธอมารยาสาไถยหมายจะหลอกลวงเขาเช่นทุกครั้งที่เธอทำ แต่ถึงแม้เธอจะความจำเสื่อมแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะลบล้างความผิดที่เธอเคยทำไว้กับเขาและกับทุกคนในบ้านสวน
เขานั่งอยู่บนโซฟาสีครีมอ่านหนังสือพิมพ์พลางเหลือบมองร่างบางบนเตียงเป็นระยะ ร่างบางขยับตัวยกมือขึ้นไขว่คว้าบนอากาศ ชายหนุ่มรีบวางหนังสือพิมพ์ลงก่อนจะหยุดยืนมองร่างบางอยู่ข้างเตียง หญิงสาวยังคงหลับตาแน่นทว่ามือยังคงปัดป่ายไปทั่ว
“แม่จ๋าหนูกลัว ฮือๆๆ”
น้ำตาไหลซึมออกมาจากหางตาหยาดหยดลงบนหมอนสีฟ้าอ่อนจนเปียกชุ่ม มือบางกำเข้าหากันแน่นจนเรียวแขนแข็งเกร็ง ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับกำลังทรมานเมื่อเธอเริ่มส่ายหน้าแรงจนผมสยายระไปทั่วทั้งใบหน้า ชายหนุ่มค่อยๆ เอื้อมมือไปปัดปอยผมออกทว่ามือบางกลับคว้าข้อมือของเขาไว้แน่น โดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวเธอก็ดึงเขาเข้าไปกอด ชายหนุ่มยืนนิ่งหัวใจเต้นรัวเร็ว ความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านจากเรือนร่างอบอุ่นเกาะกุมเข้ายึดหัวใจของเขาไว้จนเขารู้สึกหายใจไม่ออกราวกับว่าร่างกายกำลังจมดิ่งลงสู่ใต้ผืนน้ำ
“แม่จ๋าหนูอยากกลับบ้าน” ฐิตารีย์เพ้อออกมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว พยายามผละออกจากอ้อมกอดของหญิงสาวอย่างยากลำบาก ถอยหลังออกห่างจากเตียงหลายก้าวจ้องมองหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณา แปลกใจกับสิ่งที่เธอเพ้อออกมาจากเรียวปากอิ่มซีดเซียว ทว่าเขาทำได้แค่เพียงเก็บความสงสัยนั่นไว้ภายในใจเท่านั้น
หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ หัวสมองหนักอึ้งยกมือขึ้นกุมศีรษะ พยายามลำดับภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง จริงสิเธอโดนไล่ออกจากบ้านหลังนั้นแล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน หญิงสาวเหลียวมองแขนขวาที่มีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง ชุดที่เธอสวมใส่เป็นสีชมพูจางจนเกือบเป็นสีขาว กลิ่นยาลอยคละคลุ้งไปในอากาศทำให้เธอพอจะเดาได้ว่าเธอกำลังอยู่ที่ไหน
“นายหญิงตื่นแล้วหรือคะ” ดวงยิหวาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือนิยายเล่มโปรดก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วยอย่างว่องไว
“ดะ...เดี๋ยว”
หญิงสาวพยายามเรียกเอาไว้ทว่ากลับไม่ทันเมื่อเด็กสาวเดินออกจากห้องไปเสียแล้ว เธอผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เด็กสาวคนนี้เธอจำได้ว่าเป็นสาวใช้ภายในบ้านหลังใหญ่น่าอยู่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ นั่นย่อมหมายความว่าเธอยังอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ชายใจร้ายคนนั้น
เพียงไม่นานเด็กสาวคนนั้นก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับชายร่างสูง วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายตารางสีเขียวเข้มกางเกงยีนสีซีดรับกับรองเท้าหนังสีน้ำตาลแก่ที่เก่าจนเปื่อยเป็นขุยไปตามกาลเวลา มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงเอาไว้ หยุดยืนอยู่ปลายเตียงจ้องมองใบหน้าเธอราวกับจะกระชากวิญญาณให้หลุดลอย หากว่าชายร่างสูงคนนี้นุ่งโจงกระเบนสีแดงถือสามง่ามเธอคงต้องคิดว่าเขาเป็นยมทูตอย่างไม่ต้องสงสัย ดูจากลักษณะท่าทางและดวงตาคู่นั้นไม่มีวี่แววของความเป็นมิตรเลยสักกระผีกริ้น