ฉันใช้จังหวะที่ไม่มีใครอยู่บ้านมาออกไปหาคนที่นัดหมาย ขับรถตามโลเคชั่นมาไกลจากบ้านพอสมควร หน้าจอโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่าอีกไม่ถึงห้านาทีจะถึงจุดหมาย
ไม่นานรถก็เข้ามาจอดที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง หน้าจอจีพีเอสบอกว่าตอนนี้ถึงจุดหมายแล้วเรียบร้อย ฉันยังนั่งอยู่ในรถไม่ดับเครื่องก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งแชตไปหาคนที่นัดมาที่นี่
ฉัน: มาถึงแล้ว
ไม่ถึงหนึ่งนาทีเจ้าของแชตที่ส่งไปบอกก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับรออยู่ เมื่อได้อ่านข้อความนั้นทำเอาฉันถึงกับขมวดคิ้ว
Cullen: เธอช้าไปยี่สิบนาที
ฉัน: ตอนนั้นคุณไม่ได้บอกเวลากับฉันนะ
Cullen: ฉันจับเวลาหลังจากพิมพ์ประโยคนั้น
Cullen: ฉันกำลังให้ลูกน้องลงไปรับ เดินไปรอที่หน้าลิฟต์
เจ้าเลห์!! ฉันกร่นด่าในใจก่อนจะปิดหน้าจอมือถือ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จากนั้นก็เดินไปที่ลิฟต์
@ภายในห้องชั้นบนสุดของคอนโดหรู
คงไม่ต้องบรรยายว่าห้องจะกว้างใหญ่และหรูหราขนาดไหน ฉันเดินเข้ามาด้านในห้องก่อนที่สายตาจะหยุดโฟกัสไปยังคนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่
เพียงแค่เห็นใบหน้าคมคายความโกรธมันก็พลั่งพลูเข้ามาจนอัดแน่นเต็มอก ก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างไม่เต็มใจให้กับคนตัวสูงตรงหน้า
“มานั่งสิ” เขาบอกแล้วหันไปมองการ์ดร่างหนาที่ยืนประกบอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะส่งสัญญาณให้ออกไปด้านนอก
ฉันเดินมามาที่โซฟาตัวใหญ่แต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งลงเสียงทุ้มก็เอ่ยขัดขึ้น “ฉันหมายถึงให้มานั่งตรงนี้”
ไม่พูดเปล่าเขายังใช้มือตบลงบนหน้าตักของตัวเองเบาๆ สองครั้ง ฉันยืนนิ่งใช้ความคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจทำตามที่อีกฝ่ายต้องการ ครั้งนี้ที่ยอมทำตามง่ายๆ เพราะเขาถือไพ่เหนือกว่า อย่าให้ถึงวันที่ฉันแย่งไพ่มาได้ก็แล้วกัน
เมื่อหย่อนก้นนั่งลงบนท่อนขาความรวดเร็วของวงแขนแกร่งก็ยกขึ้นมาโอบเอวฉันไว้ทันที ผู้ชายคนนี้ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอันตราย แต่ฉันกลับรู้สึกชอบความท้าทายตรงหน้า ถึงแม้จะเกลียดแต่พอมาเห็นหน้ามันยิ่งอยากเอาคืนในสิ่งที่เขาทำมากกว่าการหนี
สายตาที่มองอย่างเย็นชาและเหยียดหยาม เหมือนเขากำลังกดให้ฉันอยู่ต่ำกว่าตัวเอง มันทำให้คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างดีกว่าปล่อยให้อีกคนคุมเกมและเล่นสนุกอยู่ฝ่ายเดียว
จู่ๆ ความคิดก็เปลี่ยนไป….ถ้าทำให้เขารู้สึกสนใจในตัวฉันจนแทบคลั่งตาย….มันคงจะดี….และคิดว่าตัวเองสามารถใช้มารยาทำให้เขายอมสยบได้
“ลบคลิป” เมื่อบอกแบบนั้นคนตัวสูงก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบเสียงเย็น “ง่ายเกินไปหรือเปล่าคนสวย”
“ต้องการอะไรก็พูดมา” ฉันเป็นฝ่ายเอ่ยถามหลังจากที่เราต่างเงียบไปพักใหญ่
“ถ้าฉันบอกสิ่งที่ต้องการ” เขาหยุดพูดก่อนจะก้มมาสูดดมกลิ่นที่ซอกคอของฉัน แล้วพูดต่อ “แน่ใจว่าเธอจะให้ได้”
“พูดมาสิ ได้ไม่ได้ฉันจะตัดสินใจเอง”
“ไม่คิดว่าน้องสาวไอ้เรย์จะปากกล้าขนาดนี้ ปากดีไม่แพ้พี่ชายของเธอเลยนะ” ไม่พูดเปล่า เขาใช้ฝ่ามือมาบีบแก้มของฉันอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจ “ฉันไม่ชอบคนที่นิสัยเย่อหยิ่ง เพราะตอนนี้เธอไม่ได้มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรมากมายนัก”
“แล้วคุณอยากได้อะไร”
เหมือนคำถามจากฉันจะทำให้เขาอารมณ์ดี ก่อนจะค่อยๆ คลายมือที่บีบแน่นออกแล้วเปลี่ยนเป็นใช้นิ้วลากไล้สัมผัสผิวบนพวงแก้มอย่างเชื่องช้า
ฉันยกมือขึ้นมาคล้องคอเขาเอาไว้แบบหลวมๆ ก่อนจะถามต่อ “อยากให้ฉันทำอะไรเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน”
“รู้ไหมว่าเธอกำลังเล่นกับอะไร” เขาถามเสียงเรียบแววตาที่แน่นิ่งไร้การเคลื่อนไหวแต่ฝ่ามือหนากลับซุกซนกำลังลูบไล้ไปทั่วสะโพกของฉัน “คิดดีแล้วใช่ไหมที่จะเล่นกับไฟ”
“ไฟมันจะร้อนสักแค่ไหนกันเชียว เกลอยากรู้จังเลยค่ะ” ฉันเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองเพื่อดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้าและดูเหมือนเขาจะถูกใจพอสมควร
“เด็กดี” เขาหัวเราะหึในลำคอเบาๆ สายตาคมเพ่งมองใบหน้าของฉันก่อนจะเอ่ยถามด้วยคำที่หยาบโลน “เธอจะยอมอ้าขาให้ฉันเอาง่ายๆ อย่างนั้นหรอเกลลิน”
“………” แน่นอนว่าคำพูดนั้นมันทำให้ฉันร้อนระอุภายในใจ แต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้และปั้นหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับประโยคหยาบคายนั้น
“จู่ๆ เธอก็ทำเหมือนยอมง่ายๆ มีแผนอะไรหรือเปล่า”
“ทำไมต้องคิดอะไรซับซ้อนแบบนั้นด้วยละคะ น่าปวดหัวจะตาย”
“คนสวย ก่อนหน้านี้เธอด่าฉันว่ายังไงบ้าง จำได้หรือเปล่า?” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามก่อนจะฝังใบหน้าลงมาที่ซอกคอของฉัน ทำให้สะดุ้งโหย่งตกใจเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
“มีอีกเรื่องที่ฉันอยากจะขอ” ใบหน้าคมคายผละออกจากซอกคอของฉันพร้อมขมวดคิ้วมอง “เรื่องอะไร?”
“พ่อกำลังจับคู่ให้ฉันกับผู้ชายที่ชื่อบารอน”
“แล้ว?”
“ฉันไม่อยากแต่งงานกับเขา”
“จะให้ฉันช่วยยังไง นั่นมันเป็นเรื่องของครอบครัวเธอ”
“ถ้าบอกว่าจะช่วย….ร่างกายของฉันจะเป็นของคุณ”
มันไม่ต่างอะไรกับการเสนอตัวให้เขาและฉันคิดแล้วว่าเรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้นอกจากผู้ชายคนนี้ถึงจะเปลืองตัวหน่อย แต่มันก็อยู่ในแผนที่คิดเอาไว้ ดูท่าเขาจะคนใจข้อเสนอของฉันไม่น้อยเลยทีเดียว
“จริงๆ ฉันก็พอรู้จักและคิดว่าคงช่วยเธอได้ เอาไว้เราค่อยมาตกลงกัน”
“ค่ะ”
“ส่วนตอนนี้….ถ้าอยากให้ลบคลิปก็ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าตรงหน้าฉัน”
“……..”
“เธอกล้าทำไหมล่ะเกลลิน”
“…ช่วยรักษาคำพูดด้วยนะคะ”
ฉันปล่อยมือออกจากคอหนา จากนั้นก็หยัดตัวขึ้นถอยหลังไปสามก้าวเพื่อให้คนที่นั่งอยู่ได้เห็นเต็มๆ ตา ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นมาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกจากเรือนร่าง
มันไม่ง่ายที่จะทำแบบนี้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ในเมื่อคนตัวสูงตรงหน้าพรากสิ่งที่หวงแหนไปแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอายอะไรหากเป็นเขาที่ได้เห็นร่างกายของฉันแบบไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนตัวสักชิ้น
ถ้าเขาคิดว่าตัวเองเป็นเสือฉันก็จะเป็นเหยื่อให้ แต่เป็นเหยื่อที่เขาไล่ตามไม่ทัน ถ้าเขาเป็นไฟฉันจะเป็นน้ำมันคอยราดลงในกองเพลิงให้ไฟนั้นปะทุขึ้นมาไม่มีวันดับ…
จากเป็นเสือ….ฉันจะทำให้เขากลายเป็นหมาที่จงรักภักดีให้ดู….ในสักวัน….ถึงวันนั้นเขาจะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด