“อย่าโทษดวง โทษโชคชะตาเลย มุกเตือนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยางแบนแบบนั้นตกหลุมแรงๆ ยางก็น่าจะแตก” มัดมุกส่ายหน้า ไม่ใช่ดวง ไม่ใช่ชะตา แต่เพราะความไม่รอบคอบ
“ยะ ฉันไม่รอบคอบเอง” พิมนาราตอบเสียงกระแทกแล้วก็ทรุดนั่ง “ว่าแต่ เธอน่ะ ตั้งใจจะไปฝึกงานไกลๆ แบบนั้น ทำไมไม่บอกฉันสักคำ”
“เพราะส่วนใหญ่เลือกแต่ที่สบายๆ ไง ฉันเลยต้องหาโรงเรียนที่ต้องการครูจริงๆ เธอก็รู้นี่พิมฉันอยากเป็นครู ไม่ใช่เพราะเป็นข้าราชการ”
“งั้นฉันลงฝึกสอนที่เดียวกับเธอดีกว่า”
พิมนาราพยักหน้ารัวๆ เธอเองก็ต้องการเป็นครู ไม่ใช่เพราะเป็นข้าราชการ
เกือบสามปีหลังตั้งหลักได้ กล้าตะวันตั้งใจเรียน ผลการเรียนออกมาตรงกับความตั้งใจของเขา มีเพื่อนคอยให้กำลังใจและช่วยติวเวลาที่กล้าตะวันไม่เข้าใจ ทั้งที่ทัพทองกับคิมหันต์จะกลับก่อนเลยก็ได้ แต่คงเป็นเพราะเพื่อนแท้ สองหนุ่มเลยไม่ยอมทิ้งเพื่อน
“หิวว่ะ ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ทัพทองดันประตูห้องของกล้าตะวันให้เปิด แล้วก็ตะโกนลั่น
กล้าตะวันส่ายหน้า “สั่งเข้ามากินเถอะ กูจะอ่านหนังสือ”
“อ่านอะไรนักหนาวะ พักบ้างเถอะ” คิมหันต์ผงกศีรษะมองพร้อมกับบ่นอุบ
กล้าตะวันละสายตาจากตำรา “กูเกรงใจพวกมึง เสียเวลาเพราะกูมาเป็นปีแล้ว เลยอยากเรียนให้จบๆ พวกมึงจะได้สบายใจ”
“ไอ้เพื่อนรัก” ทัพทองโผเข้าหา
กล้าตะวันยกปลายเท้าขึ้นสูง แถมยังแสยะยิ้มให้ ทัพทองเลยชะงัก เสเดินไปนั่งหมิ่นๆ ที่ริมเตียงนอน มีคิมหันต์นอนแผ่อยู่บนนั้น “มึงไปอดนอนที่ไหนมาวะไอ้คิม?”
“เปล่า กูเพิ่งกลับ”
หลังเรียนจบแต่ยังกลับไม่ได้เพราะห่วงเพื่อน ระหว่างที่รอให้กล้าตะวันเรียนจบ คิมหันต์ก็ใช้ชีวิตเป็นหนุ่มโสดให้สาแก่ใจ เขาตระเวนเที่ยวครบทุกสถานบรรเทิง สนุกแต่ไม่ประมาท เพราะจุดหมายปลายทางของเขา ไม่ใช่สาวอวบเนื้อนมไข่ที่มีนัยน์ตาสีฟ้า
“มึงทำไมไม่ชวนกูวะ” ทัพทองบ่นอุบ
“มึงน่ะ กินนมแล้วนอนเถอะ ใครเขาไปเที่ยวแล้วร้องกลับตอนสี่ทุ่มมั่งวะ” คิมหันต์พึมพำด่า ทัพทองเป็นมนุษย์อนามัยจัด เขากินนอนเป็นเวลา ไม่ใช่ผู้ชายที่ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงแบบเขา
“มึงไม่รู้หรือไง นอนดึกเดี๋ยวโง่” ทัพทองแก้ต่างให้ตัวเอง
“มึงนอนแต่หัวค่ำ กูก็ไม่เห็นว่ามึงฉลาดกว่ากูตรงไหน” คิมหันต์กระแทกเสียงตอบ แล้วก็ลากผ้าห่มมาปิดหน้า พลางส่งเสียงอู้อี้อยู่ใต้หมอน “สั่งพิชซ่าเผื่อกูด้วย”
“มึงละกินอะไรไอ้ตะวัน” ทัพทองตะโกนถาม
“ไก่ทอด” หลังสั่งอาหารเสร็จ กล้าตะวันก็อดนึกถึงมัดมุกขึ้นมาแว๊บๆ ไม่ได้ สมัยที่เขากับเธอยังรักกันดี มัดมุกพยายามหัดทำกับข้าวและแอบทำมาให้เขาชิมหลายครั้ง หากไม่รู้จักกันดี ฝีมือของมัดมุกใช้ได้ทีเดียว ทั้งที่ฝึกทำครั้งแรกๆ ด้วยซ้ำ
กล้าตะวันสะบัดหน้าแรงๆ
เขาควรเลิกคิดถึงผู้หญิงหน้าเงินคนนั้นได้แล้ว
เขาเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ไว้อาลัยให้กับความหน้าโง่ของตัวเองเสียหลายปี ซึ่งมัดมุกคงไม่ได้ยี่หระ ทันทีที่รับเงินก้อนใหญ่จากมารดาเขา หล่อนก็รีบเผ่นหนีแบบไม่มีความละอายใจต่อเขาสักนิดเดียว
“ฉันเหลือแค่วิชานี้วิชาเดียว ฉันตั้งใจให้เกรดออกมาดีๆ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้พ่อกับแม่เหลือความภูมิใจในตัวฉันบ้าง”
กล้าตะวันพึมพำแล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ
ทัพทองถอนใจแรงๆ เขามองแผ่นหลังของกล้าตะวัน แม้จะเหยียดตรง แต่ทัพทองก็รู้ ภายใต้สีหน้าขรึมๆ นั่น กล้าตะวันซ่อนความเศร้าไว้ในใจมากแค่ไหน
“แฉ่งทำอาหารจำพวกน้ำพริกให้หน่อยสิ ฉันจะส่งไปให้ตาตะวัน” เพียงออสั่งแม่ครัวใหญ่อย่างแฉ่ง นางพยายามฝืนใจแข็งไม่ยอมไปพบหน้าบุตรชาย เป็นการลงโทษที่กล้าตะวันทำตัวเหลวไหล ไม่สมกับเป็นทายาทวรรธนะภูดิษฐ์ แต่ความเป็นแม่ที่ห่วงใยบุตรเป็นธรรมดา เพียงออก็อดไม่ได้ที่จะพยายามดูแลกล้าตะวันเรื่องอาหารการกิน แม้บุตรชายจะไม่ต้องการ
ในเมืองใหญ่อย่างเมืองที่กล้าตะวันเดินทางไปเรียนนั้น
ร้านอาหารไทยก็พอมี แต่รสชาติอาจจะเพี้ยนๆ ไปบ้าง เพราะต้องปรับรสชาติให้คนประเทศนั้นๆ กินได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
“เอาแบบที่เก็บไว้ได้นานๆ นะ อยู่ทางนั้นไม่รู้จะกินอยู่ยังไงบ้าง” เพียงออสั่งสำทับ
เคล้าเดินมาทรุดนั่งใกล้ๆ และอดสัพยอกภรรยาไม่ได้ “ห่วงนัก ทำไมไม่ไปหาตะวันมันด้วยตัวเองละ”
เพียงออสะบัดค้อนให้สามี แล้วก้กดมุมปากโค้งลง “ไม่ละค่ะ ลูกควรได้รู้บ้าง การห่างพ่อแม่ มันลำบากยังไง”
เคล้าไม่ได้พูดต่อ เขาแค่อมยิ้มแล้วก็ฉวยหนังสืออ่านเล่นมาเปิดอ่านผ่านๆ
“คนของฉันส่งข่าวมา ลูกเลิกเหลวไหลนานแล้ว เร็วๆ นี้น่าจะเรียนจบ”
หัวคิ้วของเคล้ายกสูง “มันเลิกฟูมฟายแล้วเรอะ”
“เหอะ เพราะนังเด็กนั่นแท้ๆ ลูกฉันเกือบเสียคนเพราะเด็กเนรคุณคนคนนั้น”
“ไม่ใส่ความเด็กมากไปหน่อยเรอะคุณ เด็กนั่นเกี่ยวอะไรด้วย ลูกชายคุณเองต่างหากที่เหลวไหล เรื่องหยุมหยิมแค่นั้นทำจะเป็นจะตาย” เคล้าบ่นพึมพำ
“คุณเห็นเด็กนั่นดีกว่าลูกเหรอคะ เด็กนั่นน่ะ มีคุณสมบัติอะไรคู่ควรกับลูกของเรา”
เคล้าวางหนังสือบนโต๊ะตรงหน้า มองสบตาภรรยาคู่ทุกข์ที่อยู่ร่วมกันมาเกินกว่ายี่สิบปี “ทำเหมือนคุณไม่เคยมีความรักมาก่อน”
เพียงออเม้มปาก หลบตาสามี
นางแอบผ่อนลมหายใจยาวๆ สมัยที่เป็นสาวน้อย นางเองก็ต่อต้านการคลุมถุงชนครั้งนั้น หากไม่เพราะเคล้ามีความอดทนที่จะรอได้ เพียงออไม่อาจเดาได้เลย อนาคตของตนเองจะลงเอยในรูปแบบไหน ในเมื่อผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนาง ส่วนใหญ่หวังเงินที่พ่วงมากับตัวนางเองทั้งนั้น
“อย่าชี้นำทางผิดๆ ให้ลูกเลย ผมขอเตือน”
เคล้าพูดสั้นๆ แล้วก็เดินไปที่ห้องทำงาน เขามีงานที่ต้องสะสางอีกเยอะ
“ไงลูกชาย ใกล้กลับบ้านหรือยัง” สายสำคัญที่ทำให้เคล้าคลายความหนักใจลง
“พ่อผิดหวังในตัวผมบ้างหรือเปล่าครับ?” กล้าตะวันถามบิดาเสียงแผ่วๆ
“พ่อไม่เคยคาดหวังในตัวตะวันเลย ขอแค่ลูกมีความสุข ได้ทำในสิ่งที่ลูกชอบ นั่นก็ทำให้พ่อพลอยมีความสุขไปด้วยแล้ว”
คำตอบจากบิดาทำให้บ่าที่หนักอึ้งของกล้าตะวันเบาลง
“อีกสองเดือน ผมน่าจะได้กลับไปหาพ่อกับแม่แล้วครับ”
“ไม่อยู่เที่ยวเล่นอีกสักหน่อยเรอะ” เคล้าสัพยอกบุตรชาย
กล้าตะวันหัวเราะหึๆ “ผมเที่ยวจนเบื่อแล้วครับพ่อ ถึงเวลาที่ผมควรกลับไปทำงาน แล้วเปิดโอกาสให้พ่อได้พักบ้างแล้วครับ”
“ดีแล้ว พ่อจะรอนะ”
เคล้าสะสางงานด้วยความสบายใจขึ้น โชคดีที่กล้าตะวันตั้งหลักทัน ไม่อย่างนั้นชีวิตของบุตรชายจะไปในทิศทางไหน เคล้าเองก็เดาไม่ถูก
ตอนที่7.ก่อนพายุลมถล่มมักจะสงบเงียบ
การกลับมาของกล้าตะวันมัดมุกเองก็มีโอกาสได้รู้ มันไม่ใช่ความบังเอิญหรอก เธอติดตามข่าวคราวของเขามาตลอดแปดปี เรื่องที่เขาทำตัวเหลวไหลเกือบสามปีเต็ม มัดมุกเองก็แอบเป็นกังวล คงเพราะกล้าตะวันไม่มีภูมิคุ้มกันกับเรื่องที่ทำให้ตัวเองผิดหวัง เขาเลยทำตัวไม่ถูก เสียหลักไประยะหนึ่งทีเดียว
“ดูข่าวอะไรเรอะ?” พิมนาราชะเง้อมอง มัดมุกนั่งนิ่ง เหมือนกำลังสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ
มัดมุกกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ “เรื่องข่าวสารทั่วไปน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
พิมนารายกมือเท้าเอว “ยัยมุก เราสองคนเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วเหอะ”
มัดมุกส่งยิ้มแหยๆ ให้ “ฉันมีความลับบ้างไม่เหรอ” แล้วก็โอดครวญเสียงออดแอด
“มีได้ แต่เรื่องที่ฉันรู้แล้ว เธอก็ไม่ควรปิดบัง สีหน้าหมองๆ แบบนั้น มีคนเดียวนั่นแหละที่ทำได้”
ตลอดระยะเวลาที่เป็นเพื่อนกันมา มีเรื่องเดียวที่ทำให้มัดมุกมีแววตาเศร้าๆ แบบนั้น ‘กล้าตะวัน วรรธนะภูดิษฐ์’ ทายาทผู้มั่งคั่งของตระกูลเศรษฐีแต่ครอบครัวของเขาไม่ชอบขี้หน้ามัดมุก คงเป็นเพราะฐานะที่แตกต่างกันเกินไป
“อย่าสนใจเลย เขาแค่กลับมาแล้ว”
“หมอนั่นใช้เวลามากเกินไปนะ สำหรับการเรียนแค่ระดับปริญญาตรี” พิมนาราเบ้ปาก ลูกเศรษฐีที่มีเงินไปถลุงทิ้ง ทำตัวเหลวไหลผลายเงินไปวันๆ โชคยังดีที่กล้าตะวันยังกลับตัวได้ อย่าน้อยเขาก็มีใบปริญญากลับมาฝากพ่อแม่
“อย่าพูดถึงเขาเลย”
“ใช่ เราไม่ควรใส่ใจเรื่องที่ไกลตัว” พิมนาราพูดย้ำพร้อมกับจ้องหน้ามัดมุก
มัดมุกเสหลบตา “เย็นนี้ไปกินข้าวที่บ้านฉันเถอะ ป้ายอมทำแกงส้มไว้รอแล้ว ปลาทอดตัวโตๆ ด้วยนะ”