แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านผ้าม่านผืนบาง กระทบกับใบหน้าอันงามงดของเสวี่ยอี้ ที่กำลังหลับนอนอยู่บนเตียง ทำให้นางพลิกตัวไปอีกข้างเพื่อหลบหลีกแสงแดดที่แยงเข้าตา
"คุณหนูเจ้าคะ"
"คุณหนู...ตื่นเถอะเจ้าค่ะ"
"คุณหนูเสวี่ยอี้"
"คุณหนู"
ถานเอ้อร์เอ่ยเรียกและเขย่าตัวปลุกเจ้านายตนให้ลุกขึ้นตื่น
แต่เสวี่ยอี้ก็ยังปิดตาสนิทอยู่...
" หากคุณหนูไม่ลุก...ถานเอ้อร์คงต้องไปเรียกท่านอ๋องให้มาปลุกคุณหนูแล้วนะเจ้าคะ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสวี่ยอี้เบิกตากว้างโตทันใด ก่อนที่จะหันไปเอ่ยกับถานเอ้อร์เสียงแข็งพลางจ้องตาเขม็ง “นี่เจ้ากล้าอย่างนั้นหรือ”
"ถานเอ้อร์ก็แค่เป็นห่วงคุณหนูนี่เจ้าคะ คุณหนูแต่งเข้าจวนอ๋องแปดแล้ว จะทำแบบที่ทำที่จวนของเราไม่ได้นะเจ้าคะ”
" ทำไมจะไม่ได้...ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่เคยดุข้าเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย"
"แต่ครานี้กับครานั้นแตกต่างกันนะเจ้าคะ หากมีผู้ใดรู้เข้า อาจตำหนิไปถึงชาติตระกูลได้เลยนะเจ้าคะ"
เสวี่ยอี้เผยสีหน้าระอาพลางถอนหายใจออกมาเฮือกยาว " ขนาดนั้นเลยหรือ"
“ขนาดนั้นเลยเจ้าค่ะ วันนี้เป็นวันแรกที่คุณหนูอยู่ที่เรือนของสามี คุณหนูต้องไปปรนนิบัติสามีนะเจ้าคะ”
“ปรนนิบัติอะไร...ท่านอ๋องยังมิได้เป็นสามีข้าเสียหน่อย”
" คุณหนูว่าอย่างไรนะเจ้าคะ...เมื่อคืนท่านอ๋องมิได้อยู่กับคุณหนูหรือเจ้าคะ" ถานเอ้อร์เอ่ยตะโกนด้วยความตกใจ
“เจ้าจะตะโกนทำไม! เจ้าอยากประกาศให้ชาวบ้านรู้งั้นหรือ ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!”
“ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู ถานเอ้อร์มิได้ตั้งใจเจ้าค่ะ ถานเอ้อร์แค่ประหลาดใจ ว่าเหตุใดท่านอ๋องถึงทำเช่นนั้น เขาถือกันว่า คืนเข้าหอสำคัญมากเลยนะเจ้าคะ”
“ข้ารู้...ข้าถึงอารมณ์เสียอย่างไรล่ะ”
“แล้ว...คุณหนูจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ”
“ในเมื่อมาอยู่แล้ว ข้าก็ต้องมีที่ยืน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม เจ้าน่ะ! ไปเตรียมน้ำอาบให้ข้าที ข้าจะไปปรนนิบัติสามีตามที่เจ้าบอก”
“เจ้าค่ะคุณหนู” ถานเอ้อร์เอ่ยตอบรับ
เมื่อเสวี่ยอี้ได้อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว นางก็สั่งให้ถานเอ้อร์เตรียมยกสำรับอาหารติดตามนางไปหาอ๋องแปดที่เรือน
ถึงแม้จะไม่ได้ร่วมเตียงกัน แต่เสวี่ยอี้ก็ยังคงปฏิบัติตามหน้าที่และดูแลสามีไม่ให้ขาดตกบกพร่องให้มากถึงที่สุด และการร่วมรับประทานอาหารยามเช้านี่แหละ ที่ข้าพอที่จะผูกมิตรกับท่านอ๋องได้
เมื่อเสวี่ยอี้ไปถึงเรือนของอ๋องแปด นางก็ไม่รีรอที่จะเข้าไปหาอ๋องแปดข้างในเรือน
แต่ก็โดนสกัดขวางจาก ซือมิ่ง องครักษ์คนสนิทของอ๋องแปดเอาไว้เสียก่อน
“นี่เจ้าจะขัดขวางข้าทำไมกัน...ข้าจะเข้าไปรับประทานอาหารร่วมกับอ๋องแปด สามีของข้า” เสวี่ยอี้เอ่ยเสียงแข็งพลางแสดงสีหน้าสงสัย
ซือมิ่งที่ได้ยินเช่นนั้น ก็แสยะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านอ๋องไม่ว่างขอรับ”
เสวี่ยอี้ขมวดคิ้วผูกเป็นปมด้วยความไม่เข้าใจ “จะไม่ว่างได้อย่างไร ก็ในเมื่อข้าเห็นท่านอ๋องนั่งอยู่เฉย ๆ ตรงนั้นน่ะ”
“ใช่! นี่เจ้ากล้าโกหกกับนายหญิงของจวนอ๋องแปดงั้นหรือ” ถานเอ้อร์เอ่ยเสริม
“ท่านอ๋องไม่ว่างขอรับ”
“นี่เจ้า! พูดคำอื่นไม่เป็นหรืออย่างไร” ถานเอ้อร์ใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าของซือมิ่ง พลางเผยสีหน้าโกรธ
“ไม่เป็นไรถานเอ้อร์...” เสวี่ยอี้เอ่ยห้ามปรามเพราะเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีนัก พลางเอ่ยตะโกนทิ้งท้ายก่อนจะออกจากเรือนว่า
“ไม่พบ ก็ไม่ต้องพบ! คิดว่าข้าอยากพบท่านมากเลยอย่างนั้นหรือ…”
.
.
.
เสียงตะโกนของเสวี่ยอี้นั้น ดังก้องเข้าไปข้างในเรือนดั่งใจปรารถนา
อ๋องแปดได้ยินทุกคำพูดของนางอย่างชัดเจน จนทำให้เขาหายใจถี่ด้วยความโกรธและเกิดความขุ่นเคืองภายในจิตใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น “ไร้ยางอาย! ไม่มีความเป็นสตรี!”
ซือมิ่งที่ได้ยินคำสบถของอ๋องแปดดังออกมานอกเรือนนั้น เขาก็รีบเข้าไปหาเจ้านายตนทันที พลางเอ่ยคล้อยตามที่ได้ยิน “ชะ ใช่...ขอรับ กระหม่อมก็คิดเช่นนั้นขอรับท่านอ๋อง”
“ข้าไม่ได้ให้เจ้าออกความคิดเห็น” อ๋องแปดเอ่ยตะคอกซือมิ่งเสียงลั่นพลางใช้มือข้างหนึ่งหยิบยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มเพื่อควบคุมสติของตนไม่ให้เตลิดไปมากกว่านี้
วันถัดมา…
อ๋องแปดออกมาเดินเล่นสูดอากาศยามเช้านอกเรือนหลังจากที่เพิ่งตื่นนอน เขาได้ใช้สายตาชื่นชมทัศนียภาพรอบๆ จวนด้วยรอยยิ้มที่สุขใจ
แต่ความสุขนั้นก็จางหายไป เมื่อเขาเหลือบไปเห็น เสวี่ยอี้ กำลังยืนชื่นชมดอกไม้อยู่ในสวนเช่นเดียวกัน
"หึ! แค่เห็นด้านหลังของเจ้า ข้าก็อยากหนีไปซะพ้น ๆ " อ๋องแปดเอ่ยพลางแสยะยิ้มออกมา ก่อนที่จะเดินหันหลังกลับไปยังเรือนของตน
แต่เดินไปได้ไม่ถึงก้าวที่สอง เขาก็ได้ยินเสียงของเสวี่ยอี้ร้องดังขึ้น...
โอ้ย!!!!!
เสวี่ยอี้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หลังจากที่โดนแมลงชนิดหนึ่งกัดไปที่มืออันเรียวสวยของนาง
อ๋องแปดรีบเดินเข้าไปหาเพื่อช่วยเหลือ ตามสัญชาตญาณ
เขาใช้สายตาสำรวจมองดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็พบว่า มือของเสวี่ยอี้มีอาการบวมแดงปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน พลางเอ่ยถามด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “มือเจ้าไปโดนอะไรมา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางก็คว่ำปาก ทำท่าทีเหมือนจะร้องไห้เพราะความเจ็บปวด “หม่อมฉันน่าจะโดนแมลงแถวนี้กัดเพคะ”
อ๋องแปดถือวิสาสะ คว้ามือของเสวี่ยอี้ยกขึ้นมาดูอย่างละเอียด ทำให้นางสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
เสวี่ยอี้ใช้จังหวะนี้ค่อย ๆ เงยหน้า เหลือบตามองสำรวจใบหน้าของอ๋องแปดอย่างช้า ๆ
ตอนนี้ใบหน้าข้าใกล้กับท่านอ๋องเหลือเกิน … นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นใบหน้าของอ๋องแปดชัดเจนมากขนาดนี้ ข้าว่า...ข้าก็พอมีวาสนาได้แต่งงานกับชายหนุ่มรูปงามอยู่บ้างนะ คิ้วสีดำขลับคมเข้ม จมูกเป็นสันโด่งที่รับกับริมฝีปากอิ่มได้รูป ท่านอ๋องมีใบหน้าที่ไร้ที่ติเสียจริง ๆ
เสวี่ยอี้เผลอกลืนน้ำลายอึกหนึ่งด้วยอาการประหม่าและปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บัดนี้...นางได้ตกอยู่ในภวังค์ของอ๋องแปดเสียแล้ว
.“เจ้านี่โง่เสียจริง!”
งะ โง่น่ะหรือ…
คำพูดของอ๋องแปด ทำให้เสวี่ยอี้หลุดออกจากภวังค์ทันใด พลางเอ่ยถามโวยวายเสียงลั่น “เหตุใดท่านอ๋องถึงพูดเช่นนี้กับหม่อมฉันล่ะเพคะ”
“ก็เจ้าเป็นหมอมิใช่หรือ เหตุใดถึงซุ่มซ่าม ปล่อยให้แมลงมีพิษมากัดเจ้าได้ อีกอย่าง...ก่อนหน้านี้ข้าก็เห็นเจ้ายืนดี ๆ อยู่ ตอนนี้มาทำแบบนี้ เรียกร้องความสนใจข้าอย่างนั้นหรือ”
“เรียกร้องความสนใจหรือเพคะ…” เสวี่ยอี้รู้สึกโกรธเมื่อได้ยินเช่นนั้น ถึงแม้ว่าจะมีส่วนจริงก็ตามแต่
“หากหม่อมฉันรู้ว่าแมลงชนิดใดมีพิษ แล้วหม่อมฉันจะหนีวิ่งทันแมลงที่จะบินมากัดหรือเพคะ”
“เจ้าก็ใช้มือปัดสิ”
“หม่อมฉันไม่ทันเห็นนี่เพคะ! เหตุใดถึงพูดจาไม่รู้ความเช่นนี้”
“เจ้านี่เป็นอะไรนะ ชอบสร้างความวุ่นวายให้ข้าเสมอ” อ๋องแปดเอ่ยพลางส่ายศีรษะไปมา แสดงความระอาใจ
“หม่อมฉันสร้างความวุ่นวายตรงไหนกันเพคะ ท่านอ๋องเองมิใช่หรือ ที่เดินมาหาหม่อมฉัน” เสวี่ยอี้เอ่ยพลางกระดกยิ้มที่มุมปากและใช้สายตาจับจ้องไปที่อ๋องแปดด้วยแววตาแข็งกร้าว “เหตุใดกันเพคะ ท่านอ๋องเป็นห่วงหม่อมฉันอย่างนั้นหรือ”
อ๋องแปดนิ่งชะงักไปชั่วครู่ ก่อนที่จะปล่อยมือที่จับอยู่ของเสวี่ยอี้ทิ้งลงทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าของเสวี่ยอี้ พลางเอ่ย “ข้ามิได้เสน่หาเจ้า! โปรดจงรู้เอาไว้ซะด้วย!”
'ไม่ได้เสน่หางั้นหรือ' คำพูดของอ๋องแปด ทำให้เสวี่ยอี้รู้สึกเหมือนตนเองกำลังโดนตบหน้าฉาดใหญ่ นางฝืนยิ้มและพยายามควบคุมสติของตนมิใช้โกรธเคืองไปมากกว่านี้ “ถึงท่านอ๋องจะมิได้เสน่หาหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันก็ได้แต่งงานเป็นชายาของท่านอ๋องแล้ว หม่อมฉันว่า ท่านอ๋องควรปฏิบัติตัวกับหม่อมฉันเยี่ยงภรรยาคนหนึ่งนะเพคะ”
.
.
.
อ๋องแปดนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเสวี่ยอี้น้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่มีวัน...เพราะข้าไม่ได้รักเจ้า”
ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่รุนแรง แต่นางก็มิได้รู้สึกเจ็บปวดกับคำว่าไม่รัก เสียเท่าไหร่ เมื่อได้เทียบกับคำว่า ไม่ได้เสน่หา เพราะความรักมิได้เกิดขึ้นในเวลาอันสั้น แต่ความเสน่หานั้น เกิดขึ้นเพราะความสวยที่ดึงดูด ท่านอ๋องไม่เสน่หาข้า ก็เพราะว่า ข้าไม่สวยอย่างนั้นหรือ…หึ! ช่างหยาบคายยิ่งนัก
“เพคะ…หม่อมฉันก็มิได้เสน่หาแล้วก็ไม่ได้รักท่านอ๋องเพคะ”
“นี่เจ้า!” อ๋องแปดเอ่ยพลางชี้นิ้วไปที่หน้าเสวี่ยอี้อีกครั้ง
เสวี่ยอี้แสดงท่าทียักคิ้วหลิ่วตายั่วโมโห พลางเอ่ย “แล้วที่หม่อมฉันร้องตอนโดนแมลงกัด ก็เพราะหม่อมฉันเรียกร้องความสนใจนั่นแหละเพคะ! ท่านอ๋องไม่ได้เอ่ยคำใดผิดเลย เพราะจริง ๆ แล้วหม่อมฉันเป็นหมอที่เคยโดนแมลงกัดมานับไม่ถ้วน รับรู้ความเจ็บปวดมานับพันครั้ง แมลงตัวแค่นี้ ทำอะไรหม่อมฉันไม่ได้หรอกเพคะ”
“เจ้า! เจ้ามันร้ายกาจนัก!”
“เพคะ...ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง” เสวี่ยอี้ก้มคำนับขอบคุณอ๋องแปดอย่างนอบน้อมแสดงท่าทีล้อเลียน โดยไม่สะทกสะท้านกับคำต่อว่าคำใดของอ๋องแปดเลยแม้แต่น้อย
สิ่งนั้นยิ่งทำให้อ๋องแปดยิ่งรู้สึกโกรธเคืองเสวี่ยอี้มากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าทวีคูณ
เขาจ้องมองเสวี่ยอี้ด้วยแววตาแค้นเคือง ก่อนที่เดินกลับไปที่จวนของตนอย่างหัวเสีย
ส่วนเสวี่ยอี้ที่ยืนอยู่ในสวนเพียงลำพังนั้น ก็เอาแต่หัวเราะคิกคักด้วยความพึงพอใจที่ตนสามารถยั่วยุอ๋องแปดให้โกรธได้สำเร็จ