ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยลับตาในยามเย็น สายลมพัดโชยเอื่อย เสวี่ยอี้ออกมาเดินเล่นท่ามกลางดอกไม้อันงามงดในสวน หวนคิดถึงเรื่องราววุ่นวายในวังที่เพิ่งจบลง ด้วยความโล่งใจ
“ตอนนี้ท่านอ๋องจะเป็นเช่นไรบ้างนะ” เสวี่ยอี้ยกหยกเขียวที่อ๋องแปดมอบให้ขึ้นมาจ้องมองอย่างอาลัยอาวรณ์
“ข้าขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยเหลือน้องสาวข้า” เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้น
นางรู้ได้ทันทีว่า เสียงนั้นมาจากองค์รัชทายาท
“องค์ชาย…” เสวี่ยอี้หันหลังจ้องมองใบหน้าพลางค่อยๆประดับยิ้มเบาบาง
“หม่อมฉันต้องขอบพระทัยองค์ชาย หากมิใช่ท่านที่ให้โอกาสหม่อมฉัน ก็คงมิได้รับเกียรติรักษาองค์หญิงเช่นนี้เพคะ”
“แล้วข้า…จะได้พบเจ้าอีกเมื่อไหร่หรือ”
“องค์ชายมาเยี่ยมหม่อมฉันที่จวนอ๋องได้เลยเพคะ เราตกลงเป็นสหายกันแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรหากองค์ชายมาหา หม่อมฉันยินดีต้อนรับเสมอเพคะ”
“ข้าอยากเห็นแค่เจ้า มิได้อยากเห็นอ๋องแปดเสียหน่อย ฮ่า ฮ่า” องค์ชายสิบแย้มสรวลออกมาแก้เก้อ
เสวี่ยอี้ชะงักนิ่ง ทำหน้าไม่ถูกเช่นเดียวกัน
“ข้าหยอกเจ้าล้อเล่นน่ะ...ได้! หากมีโอกาสข้าจะไปหาเจ้า”
“เพคะ” เสวี่ยอี้ตอบรับด้วยรอยยิ้มบางๆ
รุ่งเช้าตรู่วันต่อมา
เสวี่ยอี้เตรียมตัวพร้อมออกจากวังเพื่อกลับจวนอ๋องแปด นางกล่าวลาองค์หญิงและฮ่องเต้ก่อนออกเดินทาง
องค์หญิงให้ของแทนใจเป็นหีบเครื่องประดับทั้งหีบ ส่วนฮ่องเต้แต่เดิมจะมอบเงินและทองคำให้หลายพันชั่ง แต่เสวี่ยอี้ขอให้ประทานเป็นสมุนไพรแทน ฮ่องเต้จึงตอบตกลงแล้วประทานสมุนไพรขึ้นชื่อและหายากจากหลายเมืองในแคว้นให้เสวี่ยอี้เป็นการตอบแทน
เสวี่ยอี้รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากและอยากเล่าเรื่องราวต่างๆในวังให้อ๋องแปดฟังให้เร็วที่สุด
รถม้าพระราชทานจอดรถด้านหน้าของวังหลวง บังเ**ยนเคลื่อนตัวออกเดินทางไปยังจวนอ๋องอย่างช้าๆ
เสวี่ยอี้จิตใจว้าวุ่น พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ท่านอ๋องจะรอข้าร่วมโต๊ะอาหารอยู่หรือไม่นะ
เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวมาจอดหน้าจวน เสวี่ยอี้เห็นผู้ที่มารอรับผู้แรกคือ ถานเอ้อร์ มิใช่อ๋องแปด
‘ช่างน่าน้อยใจยิ่งนัก'
เสวี่ยอี้ก้าวเท้าออกจากรถมา และเดินเข้าไปหาถานเอ้อร์ทันที
“ท่านอ๋องอยู่ข้างในหรือไม่ถานเอ้อร์”
เสวี่ยอี้แสดงอาการตื่นเต้นดีใจ แววตาเปล่งประกาย
“เอ่อ... ท่านอ๋องไปราชการเจ้าค่ะคุณหนู”
“ราชการงั้นหรือ... แล้วไปนานเท่าใด เจ้ารู้หรือไม่”
“มิรู้เลยเจ้าค่ะ...ท่านอ๋องออกไปด้วยท่าทางเคร่งเครียด หม่อมฉันมิทันไปเอ่ยถามสิ่งใด เลยมิทราบว่าจะไปนานเพียงใดเจ้าค่ะ”
“ท่านอ๋องนะท่านอ๋อง...ไม่เขียนจดหมาย
มาบอกข้าเสียหน่อยหรือ ข้าก็หลงดีใจว่าจะได้เจอท่านวันนี้ เอาล่ะๆ เจ้าไปเตรียมน้ำให้ข้าอาบที ข้าเหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว”
“เจ้าค่ะคุณหนู” ถานเอ๋อร์ตอบรับ
เวลาผ่านพ้นไปราวๆ เจ็ดวัน สำหรับเสวี่ยอี้แล้วนั้น ช่างยาวนานเสียจริง ท่านอ๋อง..นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ยังมิได้รับรู้ข่าวใดใดเลย ท่านเป็นอย่างไรบ้างนะ
เสวี่ยอี้นั่งรออ๋องแปดที่ริมสระบัวของจวนทุกวัน สายตาของนางเหม่อมองหาแต่อ๋องแปดที่หน้าประตู หากข้าเข้าไปให้ห้อง แล้วมิใช่คนแรกที่มารับท่านอ๋องล่ะ ท่านจะรู้สึกเช่นไร
“คุณหนูเจ้าคะ” ถานเอ้อร์พูดพลางแสดงท่าทางตื่นตระหนก
“มีเรื่องอันใดหรือถานเอ้อร์”
“หม่อมฉันได้ยินข่าวจากนางในในวังมาว่า...ท่านอ๋องเป็นแม่ทัพไปสู้กับกลุ่มโจรเพคะ”
“จริงหรือถานเอ้อร์....เช่นนั้นท่านอ๋องอาจกำลังตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ ถึงไม่กลับจวนเสียที” เสวี่ยอี้แสดงท่าลนลาน ใบหน้าแสดงถึงความตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
“ท่านอ๋องมีพระปรีชาสามารถในเรื่องการรบอย่างมาก ถานเอ้อร์ว่า...ท่านอ๋องจะต้องนำชัยขนะกลับมาแน่นอนเพคะ”
“แต่ข้าก็ยังมิอาจวางใจได้อยู่ดี” เสวี่ยอี้แสดงใบหน้าเศร้าสร้อย
“เอาอย่างงี้ไหมเจ้าคะ คุณหนูลองหาสิ่งใดทำเพื่อให้เวลาล่วงไปเร็วๆดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ดีเหมือนกัน! ข้าจะทำของแทนใจให้ท่านอ๋อง นี่ถานเอ้อร์...เจ้ารู้หรือไม่ ว่าท่านอ๋องให้หยกแทนใจแก่ข้าด้วย” เสวี่ยเอ่ยพลางยกหยกงามนั้นขึ้นมาให้เสวี่ยอี้ดู
“งดงามมากเลยเจ้าค่ะ” ถานเอ้อร์ตอบพลางส่งยิ้มบางๆ
เสวี่ยอี้มิเคยทำสิ่งใดเยี่ยงสตรี นางใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปรุงสมุนไพรตั้งแต่เล็กจนโต นางจึงคิดหนักหากจะฝืนทำสิ่งที่ตนไม่ถนัด จะออกมาดีหรือไม่
“ข้าคิดไม่ออก” เสวี่ยอี้ส่งเสียงร้องโวยวายเสียงดัง
“ถานเอ้อร์ว่า...คุณหนูปักผ้าหรือทำถุงหอมให้ท่านอ๋องดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าทำเป็นที่ไหนกันเล่าถานเอ้อร์...เจ้าทำให้ข้าที”
“ได้ยังไงเจ้าคะ...คุณหนูทำเอง มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าถานเอ้อร์ทำนะเจ้าคะ”
ถานเอ้อร์โต้แย้งเป็นเหตุเป็นผล
“งั้น...เจ้าทำ แล้วข้าบอกท่านอ๋องว่าข้าทำเอง”
“มิได้นะเจ้าคะ...หากท่านอ๋องรู้ จะทรงเป็นปลื้มหรือ คุณหนูไม่ลองทำสิ่งที่ถนัดละเจ้าคะ”
“สิ่งที่ถนัดหรือ.. ” เสวี่ยอี้ครุ่นคิดสักพัก จนเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจ
นางเข้าไปห้องครัวเพื่อทำอะไรบ้างอย่าง พลางเหลือบตามองห้องหนึ่งมีไม้กั้นสนิท ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ก็อดคิดไม่ได้ว่าห้องคือห้องอะไร ปกติแล้วเป็นห้องเก็บของธรรมดามิใช่หรือ
แต่ช่างเถิด ทำของแทนใจให้ท่านอ๋องต่อดีกว่า
นางละความสนใจ มุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมาย แล้วหยิบยกตะกร้าที่เต็มไปด้วยสมุนไพรนานาพรรณขึ้นมาตรวจสอบดู
“สิ่งที่ข้าถนัด...คงไม่พ้นสินี้ล่ะ” เสวี่ยอี้พึมพำเบาๆ
เสวี่ยอี้ตัดสินใจลงมือปรุงยาสมุนไพรด้วยตนเอง โดยเลือกทำยาบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายให้อ๋องแปด ใส่กระปุกขนาดเล็กสีขาวนวลแล้วปิดผนึกอย่างดี สิ่งนี้จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หากท่านอ๋องเคลื่อนไหวร่างกายในท่าเดิมๆเป็นเวลานาน
หลังจากทำเสร็จนั้น นางก็เรียกหาถานเอ้อร์ให้เข้ามาหาทันที
“คุณหนู...มีเรื่องอันใดให้ถานเอ้อร์รับใช้หรือเจ้า” ถานเอ้อร์วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“เจ้าดูนี่สิ...ของแทนใจที่ข้าทำให้ท่านอ๋อง” เสวี่ยอี้พูดพลางยกกระปุกยาสมุนไพรขึ้นมาให้ถานเอ้อร์ดู ด้วยใบหน้าอิ่มเอมใจ
“คือสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ถานเอ้อร์ถามด้วยความสงสัย
“ยาคลายกล้ามเนื้อเชื่อมรักของข้านะสิ” เสวี่ยอี้เอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้น เผยแววตาเปล่งประกายแวววับ
“ชื่อเพราะดีนะเจ้าคะ...ท่านอ๋องต้องทรงเป็นปลื้มแน่เจ้าค่ะ” ถานเอ้อร์ฉีกยิ้มกว้าง แสดงความจริงใจ สนับการกระทำของเสวี่ยอี้
เสวี่ยอี้เฝ้ารออยากให้อ๋องแปดกลับมาไวไวเสียที อยากรู้อากัปกิริยาทของอ๋องแปดเมื่อได้รับของชิ้นนี้ อยากเห็นแววตาคู่เดิมที่เคยจ้องมองว่ายังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่
“คุณหนูเจ้าคะ... ถานเอ้อร์ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งเจ้าค่ะ เป็นจดหมายของคุณหนู”
“ไหนหรือจดหมายข้า” เสวี่ยส่งสายตามองหาไปมา
ถานเอ้อร์ยกจดหมายกระดาษใบเล็กส่งให้เสวี่ยอี้
เมื่อเสวี่ยอี้ใช้สายตาเคลื่อนมองดูเนื้อความในจดหมาย ก็พลางทำหน้านิ่ว ขมวดคิ้วเป็นปม
เมื่ออ่านจบ เสวี่ยอี้ก็ยื่นกระดาษคืนให้ถานเอ้อร์ทันที พร้อมส่งคำพูดทิ้งท้ายก่อนเดินกลับไปที่เรือนว่า
“นานเช่นนี้ ...ข้าจะเฉาตายหรือไม่”
ถานเอ้อร์ยืนทำหน้างุนงง พลางแอบใช้มือคลี่กระดาษเปิดอ่านเนื้อความในนั้น จึงเข้าใจกระจ่างแจ้ง
เนื้อความของจดหมายเขียนเอาไว้ว่า...
ยามนี้...ข้าเป็นแม่ทัพต่อสู้กับโจรกลุ่มใหญ่ แต่ยังมิเสร็จสิ้น ไม่เกิน 1 เดือน ข้าจะรีบกลับไปหาเจ้า...เสวี่ยอี้ผู้เป็นที่รักของข้า