ตามประวัติศาสตร์มีเรื่องเล่าถึงสตรีหลายนางที่ขึ้นมามีบทบาททางด้านการปกครองหรือโค่นล้มบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
บ้างใช้เสน่ห์เย้ายวนและความงามล่อลวงให้บุรุษตกอยู่ในอาณัติของตน บางโดดเด่นทางสติปัญญา รู้จักใช้เล่ห์กลเพทุบายช่วงชิงอำนาจและบงการชีวิตของผู้อื่นให้ทำตามใจ
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสนมคนโปรด หรือสตรีที่ยืนหนึ่งในวังหลัง ทว่าหาได้มีความยั่งยืนแต่อย่างใด สิ่งที่ได้ครอบครองในวันนี้อาจจะตกเป็นของคนอื่นในวันพรุ่งนี้ อำนาจผลัดเปลี่ยนมือ ความโปรดปรานก็เช่นกัน
กู่ถิงเซียงนั่งถอดถอนหายใจขณะจรดปลายพู่กันลงบนกระดาษ วาดเส้นทับกันไปมาจนรูปลักษณะคล้ายกอหญ้า
“พระสนม เหตุใดไม่สดชื่นเลยเพคะ มีเรื่องอันใดทำให้ไม่สบายพระทัยบอกหม่อมฉันได้นะเพคะ” เหมยซานกล่าวถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ข้าไม่เป็นไร สบายดี”
“อาหารเช้าไม่ถูกปากหรือเมื่อคืนนอนไม่พอหรือเพคะ”
“เหมยซาน” กู่ถิงเซียงมองค้อนสาวใช้จอมจุ้น ยิ่งนานวันยิ่งพบว่านิสัยสอดรู้ของสาวใช้นางนี้มีมากกว่าความเป็นห่วงมากนัก
นางอยากรู้ว่ากู่ถิงเซียงนอนไม่พอจนขอบตาดำคล้ำ หรืออยากรู้ว่าเกิดสิ่งใดทำให้นอนไม่พอกันแน่
แม้หลายคืนมานี้ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนจะไม่คิดทรมานกู่ถิงเซียงเหมือนคืนก่อน ทว่ากลับก่อกวนนางจนไม่เป็นอันหลับอันนอนแทน
การก่อกวนที่...เรียกเสียงครวญครางจนบ่าวในตำหนักสงสัยใคร่รู้ว่าเจ้านายทั้งสองกระทำท่าผิดแปลกพิสดารอะไรกันบ้าง
“ฮ่องเต้เสด็จ!!” เสียงลากยาวแหลมสูงดังขึ้นทันทีที่ร่างสูงก้าวพ้นประตูเข้ามาภายในห้องโถงของตำหนักซูเหวินเถียน
เหล่าข้ารับใช้รีบย่อตัวถวายความเคารพพร้อมหญิงสาวเจ้าของตำหนักที่รีบวางมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ และก้าวออกมาย่อกายเบื้องหน้าพระสวามี
“ไม่นึกว่าฝ่าบาทจะประชุมเสร็จเร็ว หม่อมฉันจึงยังไม่ได้เตรียมของว่างไว้ให้”
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนส่ายหน้าบอกว่าตนยังไม่หิว ก่อนจะก้าวไปยืนที่หน้าโต๊ะไม้สัก กวาดตามองรูปวาดที่ดูแปลกตาของหญิงสาวพลางถามว่ากำลังวาดสิ่งใดอยู่
“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันเพียงตวัดปลายพู่กันไปเรื่อย ไม่ได้ตั้งใจอยากจะให้ออกมาเป็นภาพอะไรเพคะ”
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนผงกศีรษะ จากนั้นหยิบพู่กันที่วางไว้ขึ้นมา จุ่มหมึกสักครู่และลงมือแต่งเติมลวดลายลงไปเพิ่ม ด้านล่างเป็นคลื่นน้ำ ตรงกลางภาพเป็นแมลงปอตัวใหญ่สองตัว และด้านบนเป็นรูปก้อนเมฆทับซ้อนเป็นชั้น
กู่ถิงเซียงยืนมองด้วยความสนใจระคนชื่นชมไม่น้อย บุรุษที่ดูภายนอกแข็งกระด้าง ทว่ากลับมีความสามารถรอบด้านเช่นนี้เชียว ภาพที่บรรจงวาดดูแล้วธรรมดาแต่มีความสวยงามไม่เหมือนใคร
“ชอบหรือไม่”
“ฝ่าบาทสามารถเปลี่ยนรูปที่ดูผิดแปลกของหม่อมฉันได้สวยถึงเพียงนี้ หากไม่ชอบก็คงตาบอดเต็มทีแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนยิ้มรับ รู้ว่ากู่ถิงเซียงหาได้พูดออกมาจากใจแต่อยากประจบสอพลอตนเหมือนเคย เจ้าตัวหันไปดึงตัวกู่ถิงเซียงให้เข้ามายืนอยู่ระหว่างตนและโต๊ะไม้ ยัดพู่กันใส่มือของนาง จากนั้นกุมมือเล็กไว้
“ข้าจะสอนเจ้าวาดละอองเกสร”
ละอองเกสร หรือก็คือการแต่งเติมจุดลงไปบนรูปวาด ความจริงไม่ต้องสอน ใครก็สามารถทำได้ ไม่รู้ซีหยางเจี่ยนจะสอนนางทำไม แต่ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น ลมหายใจอุ่นพลันปะทะเบาๆ ที่ข้างแก้ม
ซวยแล้วไง...
อกแกร่งแนบชิดแผ่นหลังสตรี โน้มใบหน้าเข้าใกล้พวงแก้ม ไล่จมูกขึ้นลงเบาๆ พร้อมกับเป่าลมร้อนรดที่ข้างหูนาง
กู่ถิงเซียงกัดฟันกรอด มือไม้แข็งแกร่งพยายามบังคับเสียงให้ฟังดูหนักแน่น “ฝ่าบาท หม่อมฉันว่ารูปวาดสวยแล้ว...เอ่อ...ไม่ต้อง อือ”
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกทันทีที่ถูกขบกัด ติ่งหูเล็กแดงเรื่อเฉกเช่นใบหน้าที่เริ่มเห่อร้อน
ทำบ้าอะไรในที่โจ่งแจ้งเนี่ย! มีคนอยู่ตั้งเยอะแยะ ตั้งใจจะทำให้ข้าขายหน้าหรือไงกัน
“ฝะ...ฝ่าบาทเพคะ”
กู่ถิงเซียงพยายามระงับอารมณ์ของตน ทว่าเสียงที่เปล่งออกมากลับแหบพร่าและสั่นคลอนจิตใจของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนนัก ใบหน้าที่แดงราวจับไข้ชำเลืองมาทางคนเบื้องหลังด้วยท่าทางวิงวอนขอร้อง
“พวกเจ้านำภาพนี้ออกไปใส่กรอบทองคำ และกลับมาแขวนที่ตำหนักซูเหวินเถียนในอีกสองชั่วยามให้หลัง”
เหล่าข้าทาสโค้งศีรษะรับคำสั่ง เหมยซานคลานเข้ามารับภาพจากพระหัตถ์ฮ่องเต้ จากนั้นหมุนตัวถอยหลังพลางสะบัดมือไล่ให้ทุกคนในที่นั้นออกไปพร้อมตน
“ว่าแต่แค่เอารูปใส่กรอบ จำต้องใช้คนเยอะถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“นั่นสิ แล้วเหตุใดต้องกลับมาอีกในสองชั่วยามให้หลังด้วย ไม่ต้องให้พวกเราคอยอยู่ดูแลหรือ”
เหมยซานกลอกตามองสาวใช้เซ่อซ่าทั้งสองก่อนทำเสียงดุใส่ “พวกเจ้าช่างโง่นัก! พวกเราอยู่แล้วจะช่วยอะไรได้มากกว่ารินน้ำชาหรือไง บางอย่างก็ต้องให้ทั้งสองพระองค์ช่วยกันเองสิ”
เหมยซานกล่าวพลางยืดอกอวดภูมิว่าตนนั้นเป็นสาวใช้สุดฉลาด ผู้ซึ่งรู้ใจเจ้านายเป็นที่สุด ทว่ากับกู่ถิงเซียง นางอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว!
สาวใช้ปากมาก เห็นนางไม่ว่าอะไรเข้าหน่อยก็พูดไปเรื่อย มันน่าจับเฆี่ยนให้หลังขาดนัก!