หลี่เหวินอี้ นางเอกของเรื่อง ตำนานรักบุปผาสีเลือด เป็นองค์หญิงต่างแคว้นที่ถูกส่งมาเจริญสัมพันธ์ทางไมตรี แต่เดิมนางมีคนรักคือรองแม่ทัพหนุ่มที่เติบโตมาด้วยกัน หม่าลู่เสียน หรือก็คือพระเอกของเรื่องนั่นเอง
ความรักของทั้งสองเป็นดั่งรักต้องห้ามที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ สตรีสูงศักดิ์เกินเอื้อมถึง ถูกถวายตัวเป็นพระสนมของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนผู้โหดร้าย ความงามของนางราวเทพธิดาลงมาเดินดิน เปราะบางราวเครื่องแก้วที่พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
แน่นอนว่าฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนตกหลุมรักนางในทันที เขาพยายามใช้ทุกวิถีเพื่อพิชิตใจนาง ทว่าหลี่เหวินอี้รักมั่นดั่งหินผา ไม่อาจเปลี่ยนใจจากหม่าลู่เสียน
กระทั่งหม่าลู่เสียนลักลอบเข้าวังมาพบนาง ทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนหลี่เหวินอี้ตั้งครรภ์ ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนผู้ไม่เคยล่วงเกินนางจึงเดือดดาลเป็นอย่างมาก บังคับนางดื่มยาขับเลือดจนแท้งบุตร จากนั้นสั่งทหารตามไล่ล่าหม่าลู่เสียน เหตุการณ์ในวังยามนั้นแทบลุกเป็นไฟ ไม่ต้องพูดถึงเหล่านางร้ายในคราบเมียๆ ที่พยายามชิงดีชิงเด่นอย่างไม่ยอมกัน
ซึ่งตัวละครอย่างกู่ถิงเซียงก็เป็นหนึ่งในนั้น และเป็นนางที่เปิดทางให้หม่าลู่เสียนเข้าหาหลี่เหวินอี้ จนนำมาซึ่งเหตุการณ์นองเลือดทั้งหมด
“ไปบอกฝ่าบาทว่าข้าขอเข้าพบ”
กู่ถิงเซียงหายใจลึกพลางหันไปรับถาดไม้ที่มีถ้วยยาวางไว้จากเหมยซาน เมื่อขันทีหนุ่มเดินออกมาพร้อมผายมือเชิญนางเข้าไป หญิงสาวก็เอ่ยสั่งสาวใช้ให้รออยู่ด้านนอก
ขาทั้งสองสั่นเล็กน้อยขณะเดินเข้ามาในตำหนักทรงงานของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยน ความใหญ่โตหรูหราที่เคยเห็นผ่านทางหน้าจอเทียบไม่ได้เลยกับของจริงที่ได้เห็นกับตา
กู่ถิงเซียงตื่นตาตื่นใจอยู่สักครู่ ก่อนเลี้ยวเข้าไปยังห้องที่อยู่ฝั่งซ้ายสุด เห็นบุรุษท่าทีเคร่งขรึมนั่งอยู่บนโต๊ะไม้สักตัวใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารก่อนเผยรอยยิ้ม
กู่ถิงเซียงยิ้มตอบพลางก้าวช้าๆ พร้อมวางถาดไม้ลงที่โต๊ะข้างหน้าต่างแต่ยังไม่ทันที่จะได้หยิบถ้วยยา ร่างสูงกลับเดินเข้ามาโอบกอดนางจากทางด้านหลังจนหญิงสาวสะดุ้งตกใจ
“คิดถึงข้าหรือ”
ใบหน้างามแดงเรื่อจนถึงใบหู “มะ...หม่อมฉันนำยามาให้เพคะ หมอหลวงบอกว่าเป็นยาบำรุงชั้นดี”
“หืม บำรุงอะไรหรือ”
กู่ถิงเซียงรู้ว่าฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนจงใจหยอกล้อนาง เพราะเขาไม่เพียงแค่กอดแต่ยังล้วงมือเข้าไปสาบเสื้อของนาง นวดคลึงที่ปลายยอดและบีบเบาๆ จนนางตัวเกร็งสะท้าน
“ฝะ...ฝ่าบาททรงงานเหนื่อยแย่เลยใช่ไหมเพคะ” กู่ถิงเซียงรีบผละตัวเองออกก่อนรีบเฉไฉชวนคุยเรื่องอื่น
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนยิ้มมุมปาก ชำเลืองมองถ้วยยาใบเล็กที่สตรียกมาให้ “อืม ข้าเหนื่อยมาก เช่นนั้น...คงไม่มีแรงยกถ้วยชาขึ้นดื่ม”
กู่ถิงเซียงกะพริบตาปริบ โกหกหน้าตาย!
“ชักช้า ยาอาจหายร้อน ผลที่ได้ก็อาจไม่ได้ช่วย...”
กู่ถิงเซียงเม้มริมฝีปากก่อนยกถ้วยชาขึ้นมาช้าๆ เปิดฝาที่ปิดด้านบนออกและเป่าให้หายร้อน จากนั้นยกขึ้นจ่อไปที่ริมฝีปากของคนตรงหน้า
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนค่อยๆ ดื่มยาลงคออย่างว่าง่าย ทว่าสายตาที่เป็นประกายกลับเอาแต่จับจ้องที่กู่ถิงเซียง
ครั้นดื่มยาหมดแล้วจึงรั้งตัวนางเข้ามากอด ก้มลงหอมแก้มนุ่มนิ่มและริมฝีปากบางอย่างรักใคร่ และเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวไม่ได้ผลักตัวของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนออก เพียงยกมือขึ้นวางบนแผงอกของเขาเท่านั้น