ฉันต้องหลบสายตาที่จ้องมองมาของสงครามอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินหนี แต่ทว่าฉันดันลืมไปว่าตัวเองเจ็บที่ตรงนั้น พอยืนขึ้นมันจึงเกิดการเสียดสีและเสียการทรงตัว
“โอ้ย~” เสียงของฉันร้องเบาๆ ก่อนจะใช้มือค้ำยันโซฟาเอาไว้ ใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวด
“เป็นอะไร ?“ สงครามที่นั่งดูอาการอยู่ครู่หนึ่งเอ่ยถาม เขาไม่คิดจะช่วยแถมยังมองอย่างสงสัย “เธอเจ็บตรงไหน ?”
“ป…เปล่า”
“เปล่าอะไรก็เห็นอยู่ว่าเจ็บ”
“ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว วันนี้วันหยุดฉันต้องการพักผ่อน” ฉันไล่เขา แต่คนที่โดนไล่ก็ยังนั่งนิ่งอยู่
“ฉันว่าจะไปขอทางคอนโดเปอดกล้องวงจรปิดดูสักหน่อย”
เฮือก!! นี่ยังไม่เลิกคิดถึงเรื่องนี้อีกหรือไง
ถ้าสงครามมันไปขอดูกล้องก็รู้น่ะสิว่าเมื่อคืนเรา……ไม่นะ ฉันจะยอมไม่ได้
“ไม่ได้ห้ามไปขอดูกล้องนะ!!” ฉันรีบห้ามเสียงดัง
“อะไรของเธอ? แค่ขอดูกล้องจะเสียงดังทำไม” หัวคิ้วหนาขมวดชนกันเป็นคำถาม ก่อนที่สงครามจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วบอก “ไปดีกว่า”
“ก็บอกว่าไม่ได้ไงนายมีหูหรือเปล่า!!” ฉันคว้าจับแขนสงครามเอาไว้จากนั้นก็ตวาดเสียงดังอีกครั้ง
แต่….ครั้งนี้เหมือนสงครามมันจะหันมาสนใจฉันแทน
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเมื่อคืนพาผู้หญิงที่ไหนกลับห้อง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?”
“….มะ….ไม่เกี่ยว…..ไม่มีอะไรเกี่ยวกับฉันเลย”
“แต่เธอห้ามอย่างกับเมื่อคืนมันมีอะไรที่ฉันไม่สมควรเห็น….” ใบหน้าคมคายของสงครามค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับสายตาที่คาดคั้นจะเอาคำตอบจากปากฉัน
ยัยด้าย!! ทำไมแกถึงทำตัวปกติไม่ได้เลยนะ
“ฉ….ฉันหิว” ฉันปล่อยมือที่รั้งสงครามเอาไว้ออก ก่อนจะบอกเขา
“หิวก็ไปหากินเอง จะให้ฉันทำให้กินหรือไง”
“นี่! เวลานายหิวฉันยังทำให้กินได้เลยนะ”
“ฉันทำอาหารไม่เป็น”
“ฉันรู้ว่านายทำไม่เป็น ก็แค่จะให้สั่งให้ก็เท่านั้น”
“ก็สั่งเองดิวะ ฉันมีธุระ” ธุระที่เขาว่าก็คือการไปดูกล้องงั้นสิ คิดหรอว่าฉันจะปล่อยให้ไป
“เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ แค่สั่งอาหารให้กินมันลำบากนักหรือไง” ฉันเริ่มดึงดราม่า ก่อนจะทำท่าซึมในเชิงน้อยใจ ทำให้สงครามนั่งกระแทกลงบนโซฟา แล้วล้วงมือหยิบโทรศัพท์ออกมา “จะกินอะไร ?”