เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว มุกดาก็เดินลงมาจากห้องนอนตัวเอง วันนี้เธอมีเรียนบ่ายเลยไม่จำเป็นต้องออกจากคฤหาสน์หลังนี้แต่เช้า
ตั้งแต่วันที่เข้าไปพบกับปริณในห้องทำงาน จนถึงตอนนี้ก็เกือบจะอาทิตย์หนึ่งแล้วที่เธอยังไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย แม้แต่เวลากินข้าวเย็นเขาก็ไม่เคยมาร่วมโต๊ะ พี่แก้วที่เป็นแม่บ้านก็บอกแค่เพียง คุณชายติดธุระ
ไม่รู้หรอกว่าเขาทำงานทำการอะไร ติดธุระอยู่ที่ไหน แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย มันดีเสียอีกที่ไม่ต้องมานั่งมองหน้าผู้ชายคนนั้นให้อึดอัดหัวใจ ลำพังแค่กังวลว่าวันไหนเขาจะเข้าหาก็เครียดมากพอแล้ว
คนตัวเล็กมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อรอคนขับรถมารับเช่นเคย ไม่นาน รถเก๋งสีดำคันใหญ่ก็มาจอดเทียบ ซึ่งเธอพยายามบอกป้าสายให้ขอเขาว่าอยากจะไปเรียนเอง แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ ‘เป็นคำสั่งของคุณปริณ’
“วันนี้คุณมุกเลิกเรียนกี่โมงครับ” คนขับรถเอ่ยถามขึ้น
“สี่โมงเย็นค่ะ ถ้าช้าก็ไม่เกินสี่โมงครึ่งค่ะ”
มุกดาตอบกลับแล้วก็เบนสายตาออกไปมองนอกหน้าต่างรถอย่างเช่นทุกวัน ความรู้สึกในตอนนี้ เหมือนตัวเองเป็นนกน้อยในกรงทองอย่างไรอย่างนั้น สุขสบายทุกอย่าง มีห้องนอนกว้าง ๆ เบาะนิ่ม ๆ มีรถคันใหญ่พร้อมคนขับ แต่กลับไร้ซึ่งอิสระ อีกทั้งตอนนี้ ถ้าในทางกฎหมาย เธอคือผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เฮ้อ...เสียงลมหายใจถูกพ่นออกมาแผ่วเบาเพื่อระบายความเครียดที่อัดอั้นอยู่
อีกเกือบชั่วโมง รถยนต์คันหรูก็มาจอดอยู่หน้าตึกเรียน
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรครับคุณมุก เดี๋ยวผมมารอรับตอนสี่โมงเย็นนะครับ”
“ได้ค่ะ มารอตรงนี้ได้เลยนะคะ”
“ครับ”
ขาเรียวรีบก้าวลงจากรถอย่างรีบร้อน มุกดาไม่อยากให้เพื่อนในคลาสมาเห็นมาเธอมาเรียนอย่างไร โดยเฉพาะกับเพื่อนสนิท ไม่อย่างนั้นก็คงจะหาคำแก้ตัวลำบาก
แต่ถึงจะระวังแล้ว ระหว่างที่เธอลงจากรถก็มีสายตาคู่หนึ่งคอยมองอยู่ด้วยความสงสัย แต่ก็มองดูเพียงห่าง ๆ เท่านั้น
“มาแล้วเหรอยะ ทำไมช่วงนี้แกมาช้าจังวะมุก เกือบจะถึงเวลาเรียนอยู่แล้ว” น้ำใสเอ่ยถามเมื่อเพื่อนรักหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ข้างกัน
“ทำงานเหนื่อยน่ะแก ก็เลยตื่นสาย” มันเป็นข้ออ้างที่ดูจะฟังขึ้นที่สุดในตอนนี้ และน้ำใสก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่ามุกดาต้องทำงานส่งตัวเองเรียน
“เอ๊า! รุณ ทำไมเพิ่งมา นี่ว่าไอ้มุกมาสายแล้ว แกมาสายยิ่งกว่าอีกนะเนี่ย”
น้ำใสเอ่ยทักการุณที่เพิ่งมาถึง แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดไปจากมุกดา แต่วันนี้เขามาแปลก ทำเพียงพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ตอบอะไรกลับมา
“ปวดขี้เหรอวะ ทำไมไม่ตอบ” น้ำใสยังคงถามต่อทีเล่นทีจริง แต่การุณก็ทำเพียงหันหน้ามามองคนที่นั่งอยู่ข้างกันแล้วก็หันกลับไปดูหนังสือของตัวเอง
“อะไรวะ หน้าบูดเชียว” เสียงบ่นอุบอิบยังดังมาจากเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ด้านในสุด และทั้งสามคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อเพราะอาจารย์เข้ามาสอนพอดี
กว่าสามชั่วโมงที่อยู่ในคลาส ทั้งสามคนตั้งตาตั้งตาเรียนไม่วอกแวก เพื่อที่จะได้จดจำสิ่งที่อาจารย์สอนให้ได้มากที่สุด ตอนนี้อยู่ปีสาม เหลืออีกปีเดียวก็จะจบแล้ว จะมาเล่น ๆ เหมือนตอนปีหนึ่งไม่ได้แล้ว
พอเลิกคลาส นักศึกษาที่อยู่ในห้องเกือบทั้งหมดก็เริ่มยกมือขึ้นสูง แล้วบิดขี้เกียจคลายความเหนื่อยล้าจากการนั่งมาหลายชั่วโมง
“มุก รุณ นี่พวกแกจะกลับกันเลยปะ ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม” น้ำใสเอ่ยถามเพื่อนซี้ทั้งสองคนไปพลาง แล้วก็เก็บหนังสือลงกระเป๋าไปพลาง
“ไม่ล่ะน้ำ พอดีฉันต้องรีบไปทำงานน่ะ ไม่อยากสาย ช่วงเย็นรถติดด้วย แกไปกับรุณเถอะ” มุกดารีบเอ่ยปฏิเสธทันที
“เราก็ไม่ไป ขี้เกียจ” การุณเองก็ปฏิเสธเช่นกัน
“อะไรวะพวกแก เออ ไม่ไปก็ไม่ไป เจอกันพรุ่งนี้ก็ได้”
มุกดาพยักหน้าตกลงกับเพื่อนแล้วรีบเก็บของลงกระเป๋าตัวเอง จากนั้นน้ำใสก็ขอตัวแยกออกไปก่อน ส่วนการุณกลับเดินตามหลังเธอมาไม่ห่าง
“รุณ แกจะตามเรามาทำไม ไหนบอกว่าจะรีบกลับ” ร่างเล็กหันกลับมาหาเพื่อนแล้วเอ่ยถาม เธอรู้สึกว่าการุณแปลก ๆ ไปตั้งแต่อยู่ในคลาสเรียนแล้ว หน้าบึ้ง ไม่พูด ไม่คุยเหมือนปกติ
“เราก็กำลังจะกลับนี่ไง แต่อยากไปส่งแกขึ้นรถเมล์ก่อน” การุณตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่ง ๆ แล้วก็เดินนำหน้าเธอไป
“รุณ ฉันไปเองได้ แกกลับไปเถอะ ป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกล ฉันก็เดินไปทุกวัน” มุกดารีบพูดปฏิเสธออกไป แล้วตอนนี้เธอก็เดินใกล้จะถึงบริเวณที่นัดกับคนขับรถของปริณเอาไว้แล้ว
“ลำบากอะไรมุก เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี” เขาพูดแล้วก็หันกลับมามองคนตัวเล็กที่เดินตามหลังอยู่ “ทำไม หรือแกกลัวว่าเราจะเห็นอะไรหรือเปล่า”
คำถามของเขาทำเอามุกดาตัวชาวาบ รู้สึกเหมือนคนที่กำลังทำความผิดแล้วพยายามปกปิดไม่ให้พ่อแม่รับรู้
“กลัวอะไร แกคิดมากไปแล้วรุณ ฉันก็แค่ไม่อยากให้แกเสียเวลาเดินกลับไปกลับมา เพราะบ้านของแกอยู่คนละทางก็แค่นั้น”
มุกดารีบตอบกลับไป แต่ดวงตาคู่สวยกลับหลุบลงต่ำ ไม่กล้าเงยขึ้นสบตากับเพื่อนตรงหน้า
“ไม่มีอะไรก็ให้เราเดินไปส่งดิ”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ รุณ”
เธอยังคงพยายามปฏิเสธ เพราะว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมให้เพื่อนทั้งสองคนรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้กลัวเพื่อนรังเกียจ แต่อายที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“ที่แกบอกว่าทำงาน แกทำงานอะไรกันแน่มุก ทำไมถึงมีรถคันใหญ่มาส่งมารับทุกวัน”
การุณถามออกมาพร้อมกับมือหนาที่ยื่นมาจับข้อมือเธอเอาไว้ สายตาของเพื่อนสนิทตอนนี้ดูน่ากลัว เหมือนตำรวจที่กำลังคาดคั้นหาความจริงจากคนทำผิด
“กะ แกเห็นเหรอ”
“อืม เราเห็น แล้วแกจะบอกได้หรือยังว่าคนที่มาส่งมารับเป็นใครกันแน่”
เขายังคงคาดคั้นเพื่อเอาคำตอบ แรงที่จับข้อมือเล็กอยู่นั้นก็เพิ่มมากขึ้น
“รุณ แกปล่อยเรานะ เราเจ็บ ก็แค่รถเจ้านายมาส่ง”
“รถเจ้านาย?”
สายตาคมมองอย่างแปลกใจในคำตอบ แค่ดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่เชื่อ แล้วก็มีเสียงแค่นหัวเราะออกมา
“เจ้านายแกท่าทางจะรวยมากนะ ถึงได้มีรถคันใหญ่มาส่งมารับแกทุกวัน นี่เขาเทคแคร์พนักงานเสิร์ฟดีขนาดนี้เลยเหรอวะมุก”
เพราะมุกดาเคยบอกเพื่อนเอาไว้ว่าเธอทำงานเสิร์ฟหลังเลิกเรียน ตอนนี้การุณเลยใช้สิ่งนั้นมาย้อนถาม
“เสิร์ฟกันยังไงวะ หรือว่าเสิร์ฟจนถึงเตียง”
“ไอ้รุณ! แกอย่ามาพูดอย่างนี้นะ ฉันจะทำอะไร แล้วแกมีสิทธิ์มาว่าเหรอ แกไม่ใช่พ่อฉันนะ ปล่อย!”
มุกดาตวาดคนที่จับแขนเธออยู่ ทำให้การุณเองได้สติว่าพูดกับเธอแรงเกินไป เพราะแอบรักมุกดามานาน ทำให้เกิดความหึงหวงทั้งที่รู้ว่าไม่สิทธิ์อะไรในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย
“ปล่อย ฉันจะกลับ” เธอเอ่ยย้ำอีกครั้ง คราวนี้เพื่อนก็ยอมปล่อยแขนของเธอแต่โดยดี
“มุก เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ” การุณยังเดินตามหลังมาไม่ห่าง เอ่ยคำขอโทษซ้ำ ๆ เมื่อเพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรทำอย่างนั้นตั้งแต่แรก
“ช่างมันเถอะ ฉันจะถือซะว่าแกไม่เคยพูดก็แล้วกัน แกกลับบ้านไปเถอะ ฉันจะกลับแล้ว” มุกดาตอบกลับมาทั้งที่ไม่ได้หันหน้ามามองเขาอีก
“มุก ตกลงแล้วแกทำงานอะไรอยู่วะ”
“เอาไว้ถ้าฉันอยากบอกพวกแกเมื่อไหร่ ฉันก็จะบอกเอง แต่อย่ามาบังคับเหมือนเมื่อกี้อีก เพราะแกไม่ใช่ฉัน แกไม่เข้าใจหรอกว่าอะไรเป็นอะไร”
ร่างเล็กหันกลับหลังไปพูดกับเพื่อนให้เข้าใจ เธอไม่ได้โกรธ เพียงแต่ยังไม่พร้อมที่จะบอกจริง ๆ ไม่มีการสนทนาต่ออีก ขาเรียวรีบก้าวมายังรถที่จอดรอรับอยู่
แต่พอเปิดประตูเข้ามานั่งก็ต้องตกใจ เพราะตรงเบาะหลังไม่ใช่ที่ว่างเปล่าเหมือนกันกับทุกวัน แต่มีเขาคนนั้นนั่งอยู่ข้างในด้วย
“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่หนูช้านะคะ”
สองมือยกขึ้นไหว้ปริณที่กำลังมองเธอด้วยสายตาที่คาดเดาความคิดไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกขนลุกขึ้นมา
“ไอ้ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใคร”
///////////////////////////////////////////////////////