ตอนที่ 3 ลูกหนี้

1680 คำ
ปริณกำลังนั่งดูเอกสารที่เขาเพิ่งได้รับมาจากทนายของปานฤทัย สายตาคมไล่อ่านรายชื่อลูกหนี้ที่คุณหญิงย่ายกให้เป็นมรดกอีกอย่าง รวม ๆ จำนวนเงินน่าจะเกินร้อยล้านบาท เพิ่งรู้ว่าคุณย่าของเขาเป็นคนใจดี ให้คนยืมเงินโดยที่ไม่เอาดอกเบี้ยมากขนาดนี้ “ย่ายกลูกหนี้มาให้ แล้วคิดว่าฉันจะไปตามทวงหรือไง” เจ้าของใบหน้าคมเข้มเอ่ยพูดกับลูกน้องคนสนิท ที่นั่งทำงานอยู่อีกโต๊ะ ไม่ไกลกันนัก “คงประมาณ ถ้าเอามาจ่ายก็ยกให้คุณปริณ ถ้าไม่มาจ่ายก็คงต้องตีเป็นหนี้สูญครับ ในเมื่อคุณหญิงก็ไม่ได้เอาอะไรจากลูกหนี้มาค้ำประกัน” สุดเขตพูดขึ้น แล้วจดรายละเอียดของลูกหนี้ทั้งหมดต่อ “ไม่ได้สิ เพราะบางคนยืมไปเปิดบริษัท รายได้เยอะแยะแต่ไม่ยอมเอามาใช้หนี้ พวกนี้ต้องตามคืนมาทุกบาท” ปริณพูดต่อ เพราะในรายชื่อทั้งหมด บางคนเขาก็รู้จักดี เพราะเป็นนักธุรกิจด้วยกัน “แล้วคุณปริณจะให้ตามคืนยังไงครับ” “ส่งคนไปเจรจาก่อน ถามว่าจะคืนเมื่อไหร่ ถ้าไม่ยอมคืนง่าย ๆ ก็ใช้วิธีสุดท้าย” “ได้ครับ ผมจะรีบจัดการให้ครับ” สุดเขตรับคำแข็งขัน ส่วนวิธีสุดท้ายที่ว่า มันก็เป็นวิธีที่คนดี ๆ เขาไม่ทำกันหรอก อย่างเช่น ส่งคนไปข่มขู่ หรือแม้กระทั่งอุ้มหาย แต่สำหรับปริณแล้ว เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดีมาแต่ไหนแต่ไร จึงไม่จำเป็นต้องสนใจวิธีการ “แล้วลูกหนี้คนนี้เป็นใคร ไม่ใช่เจ้าของบริษัท ไม่ใช่คนที่มีคอนเนคชั่นอะไร ทำไมย่าให้ยืมไปตั้งห้าล้าน” ปริณมองรายชื่อที่เขียนเอาไว้ว่า มารุต วารีโสธร ด้วยความสงสัย สุดเขตรีบไล่อ่านรายชื่อตามที่เจ้านายบอก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร “เดี๋ยวผมตรวจสอบให้ตอนนี้เลยครับ” พูดเสร็จ สุดเขตก็รีบเอารายชื่อนั้นมาค้นหา แล้วก็ขึ้นภาพใบหน้าของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เพ่งพิจารณาอยู่นานก็พอจะจำได้ว่าเป็นใคร “ถ้าจำไม่ผิด ผู้ชายคนนี้น่าจะเคยทำงานที่บ้านคุณหญิงครับ ผมเคยเห็นบ่อย ๆ ตอนไปธุระให้คุณปริณ” “ท่าทางจะทำงานดีมากเลยนะ ย่าถึงให้ยืมขนาดนี้” ปริณพูดเพียงเท่านั้นแล้วก็ละสายตาจากรายชื่อทั้งหมด แค่คนงานติดหนี้ห้าล้านบาท ไม่ทวงก็คงไม่เป็นไร ถึงอย่างไรเงินพวกนี้ก็เป็นเงินของคุณหญิงปานฤทัยอยู่แล้ว ไม่ใช่เงินของเขาที่ควักออกมาให้ยืมเสียหน่อย หลังจากทำงานเสร็จ ร่างสูงก็เดินตรงมายังคนขับรถที่รออยู่ทันที วันนี้ไม่มีประชุม หรือต้องไปกินเลี้ยงรับรองที่ไหน ทำให้สามารถกลับบ้านได้ก่อนฟ้ามืด ซึ่งนาน ๆ จะมีแบบนี้สักครั้ง ความสำเร็จที่ได้มาอย่างรวดเร็ว มันก็แลกกับการต้องเหนื่อยกว่าปกติ “กลับบ้านเลยไหมครับคุณปริณ” ขจร คนขับรถส่วนตัวเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “กลับเลย วันนี้ไม่ได้มีธุระที่อื่น” “ได้ครับ” รถเก๋งคันหรูวิ่งออกจากบริษัทแล้วแล่นมาตามทางที่ตรงกลับบ้าน เปลือกตาคมปิดลงด้วยความเหนื่อยล้า นอนดึก ตื่นเช้า เป็นกิจวัตประจำวันที่เขาทำจนเคยชิน บางทีก็พอรับรู้ได้ว่าร่างกายแทบจะไม่ไหว แต่ก็ยังต้องฝืน เพราะหากวันไหนเกิดความผิดพลาดขึ้นมา มันยังมีคนรอซ้ำเติมเขาอยู่ตลอดเวลา เกือบชั่วโมง รถก็แล่นเข้ามาจอดในคฤหาสน์หลังใหญ่ ขายาวก้าวลงจากรถ มีป้าสายมารอรับกระเป๋าอย่างเช่นทุกวัน “คุณปริณครับ คุณปริณ” ปริณหันไปตามเสียงเรียกของลุงเถกิงที่ดังมาจากทางด้านหลัง “มีอะไรหรือครับลุง” ดวงตาคมหรี่มองอย่างสงสัย เพราะสีหน้าของลุงเถกิงนั้นดูเหมือนร้อนใจอะไรบางอย่าง “พอดีมีคนอยากจะพบคุณปริณครับ ตอนนี้ผมให้มันรออยู่ทางนู้น” พูดเสร็จลุงเถกิงก็หันไปมองทางสวนที่อยู่ข้างบ้าน เห็นเป็นผู้ชายคนหนึ่ง อายุอย่าจะราวห้าสิบปีเห็นจะได้ “ผมคิดว่าผมไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นนะครับ ว่าแต่เขาอยากพบผมทำไม” ปริณถามต่อ แต่สายตาก็ยังมองอยู่ที่ผู้ชายคนนั้นไม่ละไปไหน “มันชื่อมารุตครับ เคยทำงานกับคุณหญิง มันบอกว่าอยากจะมาคุยกับคุณปริณเรื่องใช้หนี้ครับ เพราะไปคุยกับคุณหญิงแล้ว ทางคุณหญิงบอกว่าให้มาคุยกับคุณปริณที่นี่ครับ” พอได้ยินคำตอบก็จำได้ว่าผู้ชายที่ว่าคือคนงานเก่าของคุณหญิงย่า ทั้งที่ไม่ได้คิดจะเอาเงินคืน แต่อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว คุยด้วยสักหน่อยคงไม่เสียเวลา “ถ้าอย่างนั้นก็พาไปห้องรับแขกได้เลยครับ” ร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก ขายาวยกขึ้นมานั่งไขว่ห้าง มือขยับเนคไทที่สวมอยู่ในหลวมเล็กน้อยเพื่อจะได้สบายตัว แล้วก็วางลงบนหน้าขา ท่าทางของปริณนั้นดูน่าเกรงขาม ยิ่งเวลาเขาเงียบขรึมก็ยิ่งพาให้น่ากลัว ไม่นานนัก ลุงเถกิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับมารุต นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองคนตรงหน้า ก่อนที่มารุตจะรีบก้มหลบสายตา มันจะมีใครกล้ามองหน้าเขาตรง ๆ สายตาคมคู่นั้นยิ่งมองก็ยิ่งน่ากลัว เหมือนกับกำลังจะดูดวิญญาณของอีกฝ่ายออกจากร่าง “นั่งลงสิ” เสียงทุ้มพูดออกมาเรียบนิ่ง ได้ยินแบบนั้นมารุตก็รีบนั่งลงกับพื้นทันที “นั่งบนโซฟา จะนั่งกับพื้นทำไม” ปริณพูดออกมาด้วยเสียงโทนต่ำ ทำให้คนฟังสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อย ๆ เขยิบขึ้นไปนั่งบนโซฟาด้วยท่าทีประหม่า “มีธุระอะไรก็รีบพูดมา ฉันเหนื่อยมาทั้งวัน ไม่อยากจะนั่งฟังอะไรนาน ๆ” ยิ่งได้ยินปริณพูดแบบนั้น มารุตก็ยิ่งมีอาการลุกลน สายตาของชายวัยกลางคนไม่รู้จะจับจ้องไปที่ไหนดี สุดท้ายก็ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นกระเบื้องเท่านั้น “คือผมอยากจะมาคุยเรื่องใช้หนี้ครับ” “หนี้ทั้งหมดห้าล้าน จะใช้คืนยังไง” มารุตยังพูดไม่จบดี อีกฝ่ายก็ถามขึ้นมา เพราะดูท่าทางก็คงยังไม่มีเงินมาใช้หนี้แน่ ๆ “เอ่อ คุณชายยังไม่มีภรรยา หรือว่าคนรัก หากไม่รังเกียจ ผมจะขอเอาลูกสาวมาใช้หนี้แทนครับ” พอได้ยินแบบนั้น นัยน์ตาคมก็ยิ่งเพ่งมองคนตรงหน้า ขาที่ไขว่ห้างอยู่วางลงกับพื้นทั้งสองข้าง ปริณโน้มตัวมาด้านหน้าใช้ศอกวางลงบนหน้าขา “กะจะเอาลูกสาวมามาขายให้ฉันอย่างนั้นเหรอ มั่นใจขนาดไหนว่าฉันจะรับข้อเสนอ”คนตัวโตถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ที่ใครได้ฟังก็คงขนลุกจนไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ “คะ คือ ผมมีรูปถ่ายของมุกดามาให้ดูด้วยครับ” มารุตเอ่ยบอก แล้วล้วงเอารูปถ่ายของลูกสาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มือที่สั่นเทาด้วยความกลัวค่อย ๆ ยื่นรูปใบนั้นไปให้ปริณ ปริณยื่นมือออกไปรับรูปใบนั้นมาดู แวบแรกที่เห็นคือตกใจมาก เพราะเธอคนในรูปเหมือนกับใครบางคนที่เขาเคยรู้จักมากเหลือเกิน ถ้าบอกว่าเป็นคนเดียวกันก็จะเชื่อ แต่เพราะเธอใส่ชุดนักศึกษา จึงทำให้แยกได้ว่าเป็นคนละคนกัน “เอาลูกสาวมาขายให้ฉัน ไม่เคยได้ยินข่าวลือหรือไง” มารุตได้แต่นิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำถามนี้ ข่าวลือนี้คนที่เคยทำงานให้คุณหญิงปานฤทัย รวมถึงคนที่รู้จักกับครอบครัวนี้ก็คงเคยได้ยินมาแล้วทั้งนั้นว่า ‘ปริณเป็นผู้ชายโหดร้ายกับทุกคน’ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงไม่มีภรรยาจนถึงทุกวันนี้ “ไม่ว่าข่าวลือจะเป็นยังไง ได้โปรดคุณชายช่วยรับลูกสาวผมไว้ด้วยเถอะครับ ผมสัญญาจะไม่หยิบยืม ไม่สร้างหนี้อีก” นัยน์ตาสีเข้มมองดูรูปถ่ายใบนั้นอยู่นาน และยังถามมารุตอีกหลายอย่าง จนในที่สุดปริณก็ตอบตกลง “คุณปริณครับ ทำไมถึงยอมรับข้อเสนอล่ะครับ” เมื่อมารุตกลับไปแล้ว ลุงเถกิงก็อดที่จะถามไม่ไหว เพราะปริณเป็นคนพูดเองว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหน “ลุงก็ได้ยินเหตุผลที่ผู้ชายคนนั้นพูดนี่ครับ อีกอย่าง มันก็ไม่เลว อย่างน้อย ๆ เด็กคนนี้น่าจะกันผู้หญิงที่คุณย่าพยายามยัดเยียดให้ผมได้” เขาตอบออกไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย จนคนที่ฟังอยู่ไม่อาจสามารถเดาความคิดที่อยู่ภายในของเขาได้เลย “วันศุกร์ ฝากลุงช่วยจัดคนไปรับเธอจากมหา’ลัยด้วยนะครับ พามาที่บ้านได้เลย ให้ป้าสายพาคนไปซื้อเสื้อผ้ามาให้เธอด้วย เพราะทันทีที่เธอเข้ามาในบ้านหลังนี้ ผมจะไม่ให้กลับไปเหยียบบ้านเก่าอีก” “ได้ครับคุณปริณ” สั่งงานเสร็จ ปริณก็เดินกลับขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง ในมือยังถือรูปถ่ายที่มารุตส่งให้ดู ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอน เอนกายพร้อมกับเอามือหนุนหัวแล้วยกรูปถ่ายใบนั้นขึ้นมาดู "เหมือนขนาดนี้ คนในบ้านคงได้พูดไม่หยุดแน่” ปริณพึมพำกับตัวเองเพียงเบา ๆ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาที่เขาต้องหนักใจ เพราะเธอเป็นเพียงผู้หญิงที่ถูกพ่อขายเพื่อแลกกับหนี้ อีกอย่าง เธอจะอยู่ในฐานะไม้กันหมาให้เขาเท่านั้น ///////////////////////////////////////////////////////
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม