“พ่อกับแม่ชอบพี่คทามากนะคะ” เธอเกาะแขนเขาแล้วระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
“ได้ยินแบบนี้แล้วดีใจจัง”
“จะไปกินข้าวเย็นด้วยกันไหมคะ เราทำอาหารง่ายๆกินกันในบ้าน” เพราะสุขภาพของพ่อไม่ค่อยแข็งแรง ท่านให้ไม่อยากออกไปนอกบ้านนัก
“เอาไว้วันอื่นก็ได้ วันนี้วันครอบครัว พ่อกับแม่คงอยากอยู่ฉลองกับลูกสาวคนเดียวมากกว่า”
เขายิ้มให้อย่างเข้าใจ พาเธอนั่งซ้อนท้ายรถออกมาไกลผู้คนเพื่อให้เธอได้พักหายใจโล่งๆบ้าง เขาพาเธอมาสวนย่อมที่ทั้งสองเคยนั่งอ่านหนังสือเรียนด้วยกันบ่อยๆ
“ต่อไปนี้เราก็ไม่ได้เจอกันที่นี่อีกแล้ว” ปาณิศาพูดยิ้มๆ “เรียนจบแล้วก็อดคิดถึงไม่ได้นะคะ”
“แป้ง...” เขาบีบมือเธอแน่นจนหญิงสาวอดหันมามองหน้าเขาไม่ได้
“มีอะไรคะ”
“พี่จะไม่อยู่สองปีนะ พี่จะไปอเมริกา”
“ค่ะ” ปาณิศาตบหลังมือของเขาเบาๆ รู้อยู่ก่อนแล้วว่าคทาวุธสอบทุนได้ไปเรียนที่อเมริกาสองปี
“พี่เป็นห่วงแป้ง”
“แค่สองปีเองนะคะ แป๊บเดียวเอง” เธอหัวเราเสียงหวานใส
“สัญญาได้ไหมว่าจะรอพี่ รอพี่กลับมา แล้วเราจะแต่งงานกัน”
ปาณิศาเห็นสีหน้าจริงจังของเขาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะเธอตัวเตี้ยกว่าเขาทำให้ต้องเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบริมฝีปาก เขาเพิ่งโกนหนวดมาใหม่ๆ เขาโอบเอวเธอไว้จูบตอบคนตัวเล็ก เธอผละจากเขา ใบหน้าหวานแดงจัด นี่เป็นจูบแรกของเธอกับเขาแถมยังเป็นคนกระโจนจูบเขาก่อนเสียอีก
“มัดจำ”
“อะไรนะ”
“ก็ให้จูบมัดจำไว้ก่อน สัญญาว่าจะรอ พี่คทาเองก็เถอะระวังไปหลงสาวฝรั่งหน้าอกโตๆเข้าก็แล้วกัน
เขายิ้มแล้วหัวเราะอารมณ์ดีโน้มหน้าลงจูบริมฝีปากอ่อนหวานอีกครั้ง แต่จูบของเขาแทบทำให้เธอหายใจไม่ทัน แข้งขาอ่อนแรงจนต้องขยุ้มเสื้อของเขาไว้พยุงตัว
“พี่ชอบแบบนี้มากกว่า” เขาลดสายตาลงที่หน้าอกของหญิงสาว แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายเขินหน้าแดง
“อีกสองปีนะ“
“ค่ะสองปี”
คทาวุธพาปาณิศากลับมาส่งที่บ้าน เขายกมือไว้พ่อกับแม่ของเธออีกครั้ง พูดคุยสั้นๆและขอตัวกลับก่อน ปาณิศาโบกมือลาเขาแล้วขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง แต่เมื่อลงมาจากห้องชั้นบนก็พบว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้อยู่ตามลำพัง มีชายแต่งกายภูมิฐานวัยประมาณห้าสิบเศษนั่งพูดคุยอยู่
“หนูไม่รู้ว่าคุณพ่อมีแขก” ปาณิศาทักแล้วตั้งใจจะเดินเลี่ยงเข้าไปในครัว
“มานี่ก่อนยัยแป้ง” พ่อกวักมือเรียก หญิงสาวเดินเข้าไปอย่างนอบน้อม “มาสวัสดีคุณบารมีก่อน”
“สวัสดีค่ะคุณบารมี” เธอยกมือไหว้
“นี่หรือหนูแป้ง” คุณบารมียกมือรับไหว้ ยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ลูกสาวคนเดียวของผม” พ่อพูดอย่างภูมิใจแล้วหันไปทางลูกสาว “นี่คุณบารมีเจ้านายพ่อ”
“เจ้านมเจ้านายอะไรกัน” บารมีหัวเราะ “เมื่อก่อนผมรับราชการเป็นหัวหน้าพ่อของคุณนะ แต่ตอนนี้ลาออกมาทำกิจการของตัวเองได้สิบกว่าปีแล้วล่ะ”
“คุณพ่อเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆค่ะ” ปาณิศายิ้มอ่อนหวาน
“พอดีผ่านมาทางนี้เลยแวะมาเยี่ยมกันนะ รถติดมากเลยนะเนี้ย”
“วันนี้รับปริญญาค่ะ ยัยแป้งก็เพิ่งไปรับมา แกได้เกียรตินิยมด้วยนะคะ” คนเป็นแม่พูดด้วยความภูมิใจ
“ดีใจด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
บารมีอยู่คุยด้วยไม่นานนักก็ขอตัวกลับ เพราะทิ้งลูกแฝดวัยสิบขวบฝากพี่เลี้ยงอยู่โรงแรมในจังหวัด ปาณิศาออกมาส่งที่หน้าบ้านตามมารยาท แต่เธอไม่รู้เลยว่านั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปทั้งชีวิตอย่างไม่อาจหวนกลับมาแก้ไขอะไรได้อีก
...
“น้ำเพชร น้ำพลอยกรวดน้ำให้คุณพ่อแล้วมาช่วยแม่แป้งเก็บของเข้าบ้านด้วยนะจ๊ะ”
“ครับ-ค่ะ แม่แป้ง”
เด็กหนุ่มสาวฝาแฝดหน้าตาสวยหล่อไม่แพ้กัน แม้จะทั้งคู่จะอายุยี่สิบแล้วแต่นิสัยก็ยังเป็นเด็กอยู่ ปีนี้ทั้งสองตั้งใจไปเที่ยวและเรียนภาษาช่วงซัมเมอร์ที่ออสเตเรียสามเดือน ทั้งสองนำน้ำในขันไปเทที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ยกมือไหว้อีกครั้งแล้วเดินกลับมาในบ้าน ปาณิศาให้คนขับรถไปส่งพระที่นิมนต์มาฉันเพลที่บ้าน หญิงสาวยิ้มบางๆ ให้รูปสามีที่ตายจากไปครบสามปีแล้ว เขาคือพ่อของลูกฝาแฝดชายหญิง “น้ำเพชร” และ “น้ำพลอย” และยังเป็นสามีของเธอด้วย ชายในกรอบรูปวัยหกสิบ
“แม่แป้งคิดถึงพ่อบารมีเหรอจ๊ะ” น้ำพลอยเข้ามากอดเอวอย่างออดอ้อน แต่พี่ชายฝาแฝดส่ายหน้าไปมาอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องไปทำเป็นประจบแม่แป้งเลย มาช่วยกันเก็บพรม เก็บเสื่อนี่” น้ำเพชรดุ แม้จะเกิดก่อนแค่5นาที แต่เขาก็มีความเป็นผู้นำ น่าจะได้นิสัยมาจากคุณบารมีเต็มๆ
น้ำเพชรนิสัยใจคอคล้ายผู้เป็นพ่อมาก เป็นคนตรงไปตรงมามีความรับผิดชอบ ทำให้ปาณิศาค่อนข้างวางใจที่รู้ว่ากิจการของคุณบารมีจะอยู่รอดปลอดภัย ส่วนน้ำพลอยเป็นคนนิสัยร่าเริง ใจร้อนและติดเอาแต่ใจ ทว่าก็เป็นคนมีน้ำใจต่อผู้อื่น เธอไม่เคยเจอแม่ของเด็กทั้งสองแต่ก็เชื่อว่าน้ำพลอยคงได้นิสัยมารดาของตัวเองมา
“แม่แป้งดูเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนดีกว่า ทางนี้ผมดูให้เองครับ” น้ำเพชรเสนอ
“จริงด้วยค่ะ ไปเอนหลังจิบชาร้อนที่สวนหย่อมก็ได้ค่ะ เรื่องทางนี้น้ำพลอยจัดการให้เองค่ะ” น้ำพลอยดันหลังแม่แป้ง ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงออกไปนอกห้องโถงที่จัดเลี้ยงถวายอาหารเพล