ตอนที่ 5 เริ่มวางแผนทำมาหากิน

2150 คำ
สมัยที่เซิ่นซิงเหยียนเป็นแอร์โฮสเตสนั้นก็ได้มีโอกาสบินไปต่างประเทศหลายสิบประเทศทั่วโลก นับว่าเป็นการเปิดหูเปิดตา เปิดประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ให้กับตนเอง นางเป็นคนรักการเรียนรู้ ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เซิ่นซิงเหยียนนั้นถือคติที่ว่า ‘เราต้องก้าวให้ทันโลก’ “วันนี้เราจะไปเดินสำรวจตลาดกัน ดูซิว่าเราจะมีช่องทางทำมาหากินอันใดได้บ้าง เราจะขายอะไรกันดี” เซิ่นซิงเหยียนเอ่ยปากชวนเหมยลี่ “คุณหนู เราจะแวะไปดูที่ร้านของท่านในตลาดไหมเจ้าคะ ว่าญาติของนายท่านลู่นั้นย้ายออกไปหรือยัง” เซิ่นซิงเหยียนยักไหล่พลางเอ่ย “แน่นอน เราจะต้องเข้าไปทำความสะอาด และจัดที่ทางเสียใหม่ อ้อ…เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกลู่เหวินคัง ว่านายท่านลู่อีกต่อไป ตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะไร้ค่าในสายตาของข้าเท่านั้น” เหมยลี่ดีใจเป็นหนักหนาที่ผู้เป็นนายของตนนั้นตาสว่างได้เสียที ที่ผ่านมาคุณหนูของนางได้แต่หลงรักบุรุษผู้นี้อย่างหัวปักหัวปำ ส่วนลู่เหวินคังนั้นต่อหน้าก็แกล้งทำเป็นดีด้วยเพื่อให้เซิ่นซิงเหยียนนั้นตายใจ แต่ลับหลังนางแล้วเหมยลี่ยังแอบได้ยินบุรุษผู้นี้บ่นด่าให้ผู้เป็นนาย เขาเพียงแต่หลอกใช้คุณหนูของนางเท่านั้น สองนายบ่าวเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ จนทั่วตลาด ตลาดเมืองเทียนหวงนี้มีขนาดใหญ่ อีกทั้งเมืองเทียนหวงยังเป็นเมืองท่า มีผู้คนสัญจรผ่านไปมามากมาย ทำให้การค้าของเมืองนี้คึกคักยิ่งนัก “เหมยลี่ เจ้าดูบุรุษหนุ่มพวกนั้นสิ แต่ละคนดูดี หล่อเหลา ดูมีสง่าราศีทั้งนั้นเลย” เซิ่นซิงเหยียนชี้ชวนให้สาวรับใช้ข้างกายดูบรรดาหนุ่มน้อยที่พากันเดินขวักไขว่ไปมา เหมยลี่ทำหน้าแหยๆ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านยังมิได้หย่าขาดกับนายท่าน…เอ๊ย…ลู่เหวินคัง เลยนะเจ้าคะ” เซิ่นซิงเหยียนอดที่จะตีแขนสาวรับใช้ไม่ได้ “ผู้ใดบอกเจ้ากันล่ะว่าข้าน่ะสนใจบุรุษหนุ่มพวกนั้น ข้าหมายถึงว่าในเมืองเทียนหวงนั้นมีบุรุษหนุ่มเดินไปเดินมามากมาย พวกเขาเหล่านี้ล้วนมีความมุ่งหวังที่จะสอบเข้ารับราชการให้ได้ บางคนก็มาจากต่างเมืองเพื่อมาศึกษาเล่าเรียนที่สำนักศึกษาต่างๆ ได้ข่าวแว่วๆ มาว่า บรรดาสำนักศึกษาทั้งหลายนั้น ไม่ว่าจะเป็นสำนักศึกษาหลวง สำนักเกาฉิง สำนักเป่าเปย สำนักไฉไฉ่ สำนักซ่านเฉินนั้นล้วนแล้วแต่สามารถสร้างเม็ดเงินได้เป็นกอบเป็นกำ” เหมยลี่ทำหน้างงงวย “เอ่อ แล้วอย่างไรหรือเจ้าคะคุณหนู?” “คนอยู่ที่ใดก็ตามล้วนต้องกินอาหารทั้งสิ้น เจ้าลองนึกดูสิ บุรุษพวกนี้มีหลายๆ คนที่มาจากต่างเมือง พวกเขาล้วนต้องทุ่มเทและคร่ำเคร่งในการเรียนและท่องตำรา คงไม่มีเวลามาทำอาหารกินเอง นี่ถือว่าเป็นโอกาสของเราแล้ว” เหมยลี่ยิ้มแหยๆ แต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูของนางนั้นไม่เคยเข้าครัว แม้แต่หม้อ กระทะ ตะหลิว ล้วนไม่เคยหยิบจับ เช่นนี้จะไปรอดหรือ “คุณหนูหมายถึง เราจะขายอาหารหรือเจ้าคะ?” เซิ่นซิงเหยียนยิ้มกว้างก่อนเอ่ยตอบ “ใช่แล้วล่ะเหมยลี่ เราจะขายอาหาร โดยเน้นที่อาหารราคาย่อมเยา ปริมาณเยอะ สะอาด สะดวก อร่อย กลุ่มเป้าหมายของเรากลุ่มแรกก็คือพวกลูกศิษย์สำนักศึกษาต่างๆ นี่ล่ะ และเดือนหน้าจะมีการสอบจอหงวน บรรยากาศของเมืองเทียนหวงก็จะยิ่งคึกคัก ผู้คนจะสัญจรเข้ามามากมาย คนเราต้องการกินอาหารวันละสามมื้อ เจ้าลองคิดดูสิว่าอาหารจะขายดีขนาดไหน” เซิ่นซิงเหยียนอธิบายให้สาวรับใช้คนสนิทฟังอย่างตื่นเต้น ในโลกที่นางจากมานั้น การค้าขายถือว่ารุ่งเรืองมาก มีทั้งการค้าขายแบบออนไลน์และออฟไลน์ เซิ่นซิงเหยียนเมื่อมีเวลาว่างก็มักหาโอกาสหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ “คุณหนู แล้วเราจะขายอันใดดีเจ้าคะ?” “อืม ข้าคิดว่าต้องเป็นของกินนะ เราไปเดินดูของสดและข้าวสารในร้านต่างๆ กันเถอะ จะได้รู้ว่าแต่ละอย่างมีต้นทุนเท่าไหร่” สองนายบ่าวเดินสำรวจราคาวัตถุดิบพวกข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารสดเกือบทุกร้านในตลาด เหมยลี่รู้สึกแปลกใจที่ผู้เป็นนายนั้นไม่แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยออกมาให้เห็นเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณหนูของนางนั้นเดินนิดเดินหน่อยก็บ่น แดดร้อนหน่อยก็ไม่ไหว แต่ตอนนี้ผู้เป็นนายของนางเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ “ในเมืองนี้มีร้านอาหาร เหลาอาหาร โรงเตี๊ยม โรงน้ำชา หอสุราอยู่มากมาย อาหารแต่ละที่ก็จะคล้ายๆ กัน ข้าคิดว่าเราต้องขายอาหารที่พวกเขาไม่ขาย เราต้องแตกต่าง” แนวคิดที่ว่า ‘หากอยากประสบความสำเร็จต้องแตกต่างนั้นเซิ่นซิงเหยียนจำได้ดีข้ามภพข้ามชาติ “คุณหนู แต่ถ้าเป็นอาหารแปลก ที่ผู้คนไม่เคยกิน จะมีคนกล้าซื้อกล้ากินหรือเจ้าคะ” เหมยลี่เองก็ชักเป็นกังวล นางกลัวว่าผู้เป็นนายจะเจ๊งนะสิ หากเป็นเช่นนั้นมีหวังลู่เหวินคังและจูลี่หลินได้หัวเราะจนฟันหักแน่ “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก บางทีเราอาจต้องใช้กลเม็ดอะไรบางอย่างที่จะช่วยดึงให้ลูกค้ามาสนใจอาหารของเราได้” เซิ่นซิงเหยียนนึกถึงการทำการโฆษณา การโปรโมทต่างๆ ทว่า ในยุคนี้จะทำการตลาดทำโฆษณาอย่างไรดีล่ะ “คุณหนู นั่นร้านของคุณหนูอยู่นั่น เราเข้าไปตรวจสอบดูกันเถอะเจ้าค่ะ ว่าญาติสาวผู้นั้นของลู่เหวินคังได้ทิ้งความเสียหายอันใดเอาไว้หรือไม่” สองนายบ่าวเดินเข้าไปสำรวจร้านค้าที่ว่างเปล่า มันว่างเปล่าจริงๆ ลู่เหม่ยเหมยเล่นขนของทุกชิ้นออกไปหมดเลย ทั้งของๆ นางเองและของที่มีอยู่แต่ก่อนซึ่งเป็นสมบัติของเซิ่นซิงเหยียน ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บของ “นะนี่ บ่าวจำได้ว่าเมื่อก่อนห้องนี้มีโต๊ะ ตู้เก็บของ ชั้นวางของและเก้าอี้ตั้งหลายตัวมิใช่หรือเจ้าคะ” เหมยลี่เผลออุทานออกมา เซิ่นซิงเหยียนยกมือปราม “ช่างเถอะ สันดานขี้ขโมยก็แบบนี้แหละ แต่ข้าไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้หรอก ” “ค่าเช่าไม่ยอมจ่ายแล้วยังมาขโมยของในร้านไปอีก” เหมยลี่บ่นอุบอย่างหัวเสีย สองนายบ่าวช่วยกันทำความสะอาดร้าน จากนั้นก็ไปที่ร้านขายเครื่องเรือนไม้มือสอง ผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาต่างชี้ชวนและซุบซิบกัน “นั่น ใช่เซิ่นซิงเหยียน บุตรสาวของท่านเสนาบดีเซิ่นหรือไม่?” “ใช่นะสิ ได้ยินข่าวว่านางกำลังจะหย่ากับสามีเช่นนั้นรึ?” “ข้าก็ได้ยินมาเช่นนั้น แล้วนี่นางกำลังจะทำอันใด ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่ ข้าเห็นนางกับสาวรับใช้กำลังทำความสะอาดร้านค้านั่นอยู่” “ข้าก็เห็นเช่นนั้น ได้ยินมาว่านางจะมาขายของที่ร้านค้านี้” “ฮ่าๆๆๆ ขายของเช่นนั้นรึ คุณหนูในห้องหออย่างนางจะทำอันใดเป็น มีหวังจะเจ๊งหมดตัวนะสิ” ที่จวนสกุลลู่ จวนเล็กๆ ของขุนนางชั้นผู้น้อย “นายหญิงเจ้าคะ ข้าไปสืบมาแล้วเจ้าค่ะ ที่ตลาดน่ะเขาลือกันใหญ่ว่าฮูหยิน เอ๊ย เซิ่นซิงเหยียนน่ะกำลังจะเปิดร้านขายของในตลาดเจ้าค่ะ” เสี่ยวเชียงจีบปากจีบคอพูด หวังเอาใจผู้เป็นนาย “ขายของเช่นนั้นรึ? ฮึ!อย่างนางจะขายอะไร ข้าไม่คิดว่านางจะทำอันใดได้” จูลี่หลินนั้นยังจดจำได้ดีเสมอ ศัตรูคู่แค้นของนางนั้นงานบ้านงานเรือนล้วนไม่เป็นอันใดทั้งสิ้น เพราะเกิดมาเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ ชีวิตสุขสบาย มิเคยต้องลำบาก ทำอาหารก็ไม่เป็น เย็บปักก็ไม่เอา เช่นนี้แล้วมีหวังเซิ่นซิงเหยียนคงหมดตัวในเร็ววันนี้เป็นแน่ “ข้าจะคอยดูวันที่มันหมดตัว อยากรู้นักว่ามันจะไปขายตัวเป็นนางคณิกาที่หอนางโลม หรือว่าจะไปเป็นขอทาน หรือเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของผู้ใด” จูลี่หลินยิ้มเยาะราวกับว่าตนได้กำชัยชนะไว้ในมือแล้ว ตอนนี้เรื่องที่ทำให้นางหัวเสียมีอยู่เรื่องเดียว คือ…สามีของนางกลับไม่ยอมหย่า ทั้งๆ ก่อนหน้านี้เขาอยากจะหย่ากับเซิ่นซิงเหยียนใจจะขาด แต่พอโดนนางท้าทายเข้าหน่อยกลับกลายเป็นว่าสามีที่นางรักสุดหัวใจกลับลังเล นี่เขากำลังคิดอันใดอยู่กันนะ ทางด้านลู่เหวินคังนั้นเมื่อถึงคราวที่เซิ่นซิงเหยียนชวนให้หย่ากันจริงๆ เขากลับลังเล ไม่กล้า นั่นเป็นเพราะเขาไม่แน่ใจว่ามันจะมีผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน ตอนนี้เซิ่นซิงเหยียนเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือราวกับเป็นคนละคน หากจะพูดไปตามตรงก็คือ เวลานี้เขาไม่มีหรอก เงินที่จะแบ่งให้นางน่ะ เพราะเขาเป็นเพียงขุนนางขั้นต่ำ เบี้ยหวัดก็น้อยนิด ลำพังเบี้ยหวัดของเขาก็แทบจะไม่พอกับค่าใช้จ่ายในจวนที่ต้องเลี้ยงดูคนมากมาย จึงต้องอาศัยเงินจากค่าเช่าร้านค้าในตลาดที่เซิ่นซิงเหยียนปล่อยให้เช่า บัดนี้เงินนั้นก็ไม่มีแล้วเพราะนางจะเป็นผู้เก็บค่าเช่าเอง ตอนนี้ลู่เหวินคังกำลังสับสน เขาวิตกกังวลทั้งเรื่องการเงินการทอง และเรื่องชื่อเสียง ไม่รู้ว่าการที่เซิ่นซิงเหยียนไปป่าวประกาศที่ตลาดว่าจะหย่าร้างกับเขานั้นทำให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสียไปมากน้อยเพียงใด นางช่างใจกล้าบ้าบิ่นเสียจริง จากที่เคยเกลียดนางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ลู่เหวินคังยิ่งเกลียดสตรีผู้นี้มากขึ้นไปอีก ตลอดเวลาที่นางแต่งเข้ามาในสกุลลู่ เขาต้องคอยทำทีเป็นเอาอกเอาใจนาง แม้ว่านางจะงดงามราวกับจันทราแต่เขาไม่เคยนึกเสน่หาในตัวนางเลย เขาร่วมหอกับนางเพราะความจำเป็นเท่านั้น สตรีที่อยู่ในใจของเขามีเพียงคนเดียว คือจูลี่หลินเท่านั้น นางคือสตรีที่อ่อนแอ บอบบาง น่าทนุถนอม เขาไม่เชื่อหรอกว่านางจะสั่งให้เพ่ยจูสาวรับใช้ทรยศผู้นั้นวางยาฆ่าเซิ่นซิงเหยียน เขาเชื่อว่านางถูกใส่ความ “ท่านพี่ เมื่อไหร่ท่านจะหย่ากับนางเจ้าคะ?” จูลี่หลินได้แต่เฝ้าถามคำถามเดิมทุกวี่ทุกวัน ลู่เหวินคังถอนหายใจยาวก่อนจะโอบกอดภรรยาสุดที่รักเพื่อเป็นการปลอบประโลม เขาสงสารนางยิ่งนัก เขาอยากจะยกย่องให้นางเป็นฮูหยินอย่างออกหน้าออกตา แต่มันติดตรงที่ว่าเขายังไม่กล้าพอ เพราะไม่รู้ว่าเซิ่นซิงเหยียนจะมาไม้ไหน “ใช่ว่าข้าไม่อยากหย่า แต่เจ้าก็รู้นี่ว่าตอนนี้เซิ่นซิงเหยียนนั้นเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ข้ากลัวว่านางจะพูด จะทำอะไรให้ชื่อเสียงของข้าเสื่อมเสียไปมากกว่านี้ ที่สำคัญคือข้ายังไม่เงินมากพอที่จะให้นางเป็นค่าสินสมรสคนละครึ่งอะไรนั่น ตอนนี้ข้าเองก็คิดมากจนปวดหัวไปหมดแล้ว” ตอนนี้ลู่เหวินคังเองก็เดาทางเซิ่นซิงเหยียนไม่ออก แต่ก่อนนางทั้งรักทั้งหลงเขามาก ถึงขนาดคลั่งรักเลยก็ว่าได้ เขาพูดอะไร เป่าหูอะไรนางล้วนเชื่อหมด เขาขอร้องให้นางช่วยอะไร หยิบยืมเงินที่เป็นสินเจ้าสาวของนางนางก็ยังยินยอม แต่เวลานี้สตรีผู้นั้นเปลี่ยนไปราวกับกินยาผิดเทียบ เขามิอาจวางใจนางได้ ยิ่งตอนที่นางขู่ว่าจะเขียนฎีกาถวายฮ่องเต้ด้วยแล้ว เล่นเอาลู่เหวินคังนั่งไม่ติดเลยทีเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม