“อันนี้กุญแจ คุณเก็บไว้ชุดหนึ่งก็แล้วกัน”
“กุณแจอะไรเหรอคะ”
ญาณิศาเอ่ยถามเจ้าของมือใหญ่ที่ส่งพวงกุญแจมาตรงหน้าของเธอ หญิงสาวรับมันมาไว้แม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นกุญแจอะไรก็ตามที
“กุณแจบ้านพักของเรา”
“กุญแจบ้านพักของเรา”ญาณิศาทวนประโยคพร้อมกับจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“อืมใช่ บ้านพักทุกหลังของฐานมีอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่พักเต็มหมดแล้ว มีแค่บ้านพักของผมที่ว่างอยู่หนึ่งห้อง คุณก็พักห้องนั้นก็แล้วกัน”ภูมินทร์อธิบายเพิ่มเติมด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“หมายความว่า บ้านของเรามีอาสาสมัครหลายคนแต่แยกกันอยู่คนละห้องใช่ไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามพลางยิ้มหวานกลบเกลื่อนความเกรงกลัวที่มีต่อเขาในใจ แต่คำตอบที่เธอได้รับกลับมาทำให้ญาณิศาแทบจะหน้าหงายไปทันที
“เปล่า บ้านพักของเราสองห้องและก็มีแค่คุณกับผม เท่านั้น!”
‘เป็นเกย์จริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย แล้วจู่ๆจะให้มาอยู่บ้านหลังเดียวกันได้ยังไง’
ญาณิศาขมวดคิ้วยุ่งใช้ความคิดอย่างหนัก อยากจะค้านออกไป แต่พอจะอ้าปากพูดมันออกมาเสียงของเธอก็กลับเลือนหายไปเสียเฉยๆเมื่อสบสายตาเข้ากับดวงตาคมกริบร้องแรงคู่นั้น
“มีปัญหาอะไร?”
“ปะ…เปล่าค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ”กัดฟันพูดพร้อมปั้นหน้ายิ้มสุดความสามารถเท่าที่เธอจะทำได้
“ดี! งั้นก็เข้าที่พักกันได้แล้ว”
ภูมินทร์พยักหน้าอย่างพอใจพร้อมกับแอบลอบขำท่าทางของหญิงสาวที่อึดอัดจนต้องระบายออกมาด้วยการกระทืบเท้าทั้งที่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจแต่ที่เธอไม่พูดออกมาคงเพราะกลัวสีหน้าดุๆของเขา อันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะแกล้งเธอเพียงแต่เห็นเธอมาถึงเหนื่อยๆก็อยากให้พักไวไวก็เท่านั้นเอง ถ้าเขามัวแต่ทำหน้าใจดีเธอก็คงขอโน้นนี่ไม่จบสักที
“เดี๋ยวก่อนค่ะหัวหน้า…ผอ.เคยบอกว่าที่ฐานมีโทรศัพท์อยู่ ก่อนเข้าที่พักฉันขอใช้โทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ”
ญาณิศาตัดสินใจถามออกไปด้วยความกล้าๆกลัวๆทำชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วขึ้นสูงก่อนที่จะหันมาเผชิญหน้ากับเธออีกครั้ง แววตาคมกริบร้อนแรงดุจเปลวไฟนั้นดูน่ากลัวจนหญิงสาวต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว
“ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ศึกษาข้อมูลที่ผมให้อ่านเมื่อครู่เลย ทั้งที่ในเอกสารระบุการใช้โทรศัพท์ของฐานไว้ชัดเจนว่าจะต้องใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือคุยเรื่องงานเท่านั้น ไม่อนุญาตให้โทรหาคนรักบอกราตรีสวัสดิ์ก่อนนอนทุกคืนได้”
คำพูดกล่าวหาของเขาทำให้ญาณิศาต้องชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เขาพูดถูกที่เธอไม่ได้ศึกษาทำความเข้าใจกับกฎระเบียบในเอกสาร แต่จะมาหาว่าเธอไม่มีมารยาทจะโทร.ไปบอกฝันดีกับผู้ชายทุกคืนก่อนนอนก็เห็นจะไม่ถูก ฉะนั้นข้อนี้เธอขอเถียง
“ฉันจะโทร.ไปรายงานตัวกับผอ.ว่าฉันมาถึงฐานเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้จะโทรไปบอกใครว่าฝันดีอย่างที่หัวหน้าว่าสักหน่อย”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกก่อน” นัยน์ตาแข็งกร้าวเมื่อครู่ไหวไปวูบ พร้อมกับเปลี่ยนน้ำเสียงให้อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“เชิญคุณหมอเดินกลับไปทางเดิมที่กองอำนวยการเพราะโทรศัพท์ตั้งอยู่ที่นั่น ผมอนุญาตให้ใช้เวลาคุยโทรศัพท์สองนาที แล้วผมจะจับเวลารออยู่ด้านนอก”
ได้ยินแบบนั้นญาณิศาก็ต้องละทิ้งความโกรธแล้วหมุนตัวก้าวยาวๆเดินกลับไปทางเดิมที่เต็นท์ผ้าใบขนาดใหญ่ที่เธอเพิ่งเดินจากมา โดยที่มีร่างสูงใหญ่เดินตามมาติดๆ
“ณิศาต้องขอโทษผอ.ด้วยนะคะที่โทรมารบกวนเวลาของท่าน”
ญาณิศากล่าวทันทีที่อีกฝ่ายรับสายเธอ อันที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะโทรมารายงานตัวอย่างที่ได้กล่าวอ้างไว้กับหัวหน้าฐาน เพียงแต่อยากจะสอบถามอะไรบางอย่างก่อนที่จะตัดสินใจเข้าที่พักในค่ำคืนนี้ต่างหาก
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ถึงฐานอย่างปลอดภัยดีใช่ไหม”
“ปลอดภัยดีค่ะ แต่ตั้งแต่นี้ไปก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ญาณิศาตอบไป แต่ประโยคหลังนั้นเธอพูดกับตัวเองในใจ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายลำบากใจและทำตัวเป็นภาระให้กับใคร ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ก็ขอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็แล้วกัน
“แล้วที่คุณโทรหาผม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า คุณหมอณิศา”
เจษฎาเอ่ยถามมาตามสาย เพราะโดยปกติแล้วถ้าไม่มีปัญหาอะไรญาณิศาก็จะไม่โทรมารบกวนเขาอย่างเด็ดขาด! การโทร.มาของเธอในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอยู่พอสมควร
“พอดี ณิศามีเรื่องอยากจะถามอะไรบางอย่างกับผอ.ค่ะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้นน้ำเสียงแฝงความอึดอัดเล็กน้อย
“มีอะไรจะถามก็รีบว่ามาเถอะ ผมเดาว่าไอ้ภูมันต้องจำกัดเวลาการคุยโทรศัพท์ของคุณอยู่แน่ๆ”
เจษฎาบอกกับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างรู้ทันและเข้าใจสถานการณ์ที่เธอกำลังพบเจอ และนั่นก็เป็นความจริงที่หญิงสาวต้องตระหนักถึงว่าเวลาของเธอเหลือน้อยลงเต็มที เลยไม่รอช้าที่จะไขความกระจ่างให้กับตัวเอง
“เท่าที่ณิศาทราบมา ผู้อำนวยกับหัวหน้าภูเป็นเพื่อนสนิทกันใช่ไหมคะ”
เป็นคำถามที่อยากจะเช็กความชัวร์ และคนถูกถามก็ตอบกลับมาแบบงงๆ เพราะไม่เข้าใจว่าเธอกำลังต้องการจะถามอะไรกันแน่
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นขอให้ผอ.ตอบคำถามของณิศามาสักข้อนะคะ ขอให้ผอ.พูดความจริงกับณิศาอย่างตรงไปตรงมาได้ไหมค่ะ”
“รับรองได้ว่าผมจะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา”คำรับรองจากผู้อำนวยการที่มีความน่านับถือ ทำให้ญาณิศารู้สึกผ่อนคลาย ก่อนจะเริ่มยิงคำถามอย่างจริงจัง
“จากที่ณิศาได้ฟังเรื่องเล่าของหัวหน้าภูจากเพื่อนร่วมงานบวกกับวิเคราะห์จากข้อมูลที่ทราบมา ทำให้เข้าใจว่าหัวหน้าภูชอบผู้ชาย แต่ทั้งนี้ก็อยากจะโทร.มาถามผอ.ผู้ที่น่านับถือและเป็นคนที่ณิศาเชื่อใจที่สุด ผอ.ช่วยยืนยันกับณิศาอีกครั้งได้ไหมคะว่าสิ่งที่ณิศากำลังเข้าใจเป็นเรื่องจริง …สรุปแล้วหัวหน้าภูเป็นเกย์ใช่ไหมคะ”
ที่ถามออกไปแบบนั้นเพราะเธออยากจะเช็กความมั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจใช้บ้านพักหลังเดียวกับเขา เพราะถ้าหากเขาเป็นเกย์จริงๆเธอจะได้ไม่ต้องระแวงระวังตัวอะไรมาก… และอีกอย่างเธอจะได้รู้ว่าควรเอาใจเขาแบบไหน ถึงจะกลายเป็นคนโปรดและไม่โดนดุบ่อยๆ
เจษฎาชะงักกับคำถามของหญิงสาวด้วยความรู้สึกนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่พอตั้งสติได้ก็รู้สึกขบขันเพราะไม่คิดว่าญาณิศาจะยิงคำถามมาแบบตรงๆชนิดที่ไม่มีใครกล้าถาม เขาไม่รู้หรอกว่าภูมินทร์ไปทำอีท่าไหนถึงได้ถูกเล่าขันต่อๆกันในกลุ่มแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลจนเธอไปปะติดปะต่อเรื่องราวเองแบบนี้ แต่ที่น่าขบขันกว่าสิ่งอื่นใดคือเธอคิดได้ไงว่าเพื่อนสนิทเขาจะเป็นพวกรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน แค่ใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาดุดัน และรูปร่างกำยำนั้นก็คงไม่มีใครกล้าคิดแล้ว
“เอ่อ…”
เจษฎาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอธิบายยังไง หรือแก้ไขความเข้าใจผิดให้กับเธอตั้งแต่ตรงไหนก่อนดี แม้จะพยายามกลั้นขำอย่างสุดความสามารถแต่ก็มิวายหลุดอมยิ้มออกมากับตัวเองจนได้
‘ถ้าไอ้ภูรู้ว่าคนที่ตัวเองกำลังจะจีบคิดว่ามันเป็นเกย์ อยากรู้จริงๆว่ามันจะทำตัวยังไง’
“คุณหมอใช้โทรศัพท์เสร็จหรือยัง นี่มันสองนาทีกว่าแล้วนะ”
เสียงดุๆที่ตะโกนมาจากด้านนอกเต็นท์ทำให้ญาณิศาสะดุ้งเล็กน้อย และเหมือนได้สติว่าตัวเองไม่ควรถามคำถามเสียมารยาทพวกนั้น แค่น้ำเสียงอ้ำอึ้งของผู้อำนวยการก็ทำให้คนฉลาดเป็นกรดอย่างเธอได้รับความกระจ่างแล้ว
‘บ้าที่สุด! นี่เราถามอะไรออกไปณิศา คนดีดีที่ไหนจะมาเปิดปากเผาเพื่อนให้คนอื่นฟังกัน’
คิดแล้วก็นึกเจ็บใจตัวเองนักที่ถามออกไปแบบนั้น แต่ก็ถือว่าคุ้ม เพราะอย่างน้อยเธอก็สามารถเบาใจว่าคนที่เธอจะขนข้าวของไปอยู่กับเขานั้นเป็นผู้ชายเทียม ไม่ได้เป็นชายแท้อย่างที่กังวล
“ณิศาต้องวางสายแล้ว และต้องขอโทษด้วยที่ถามคำถามเสียมารยาทไปแบบนั้นกับผอ.”
ญาณิศากล่าวขอโทษอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นก็รีบวางสายโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็วโดยไม่รอฟังคำยืนยันจากอีกฝ่ายเสียก่อน แค่ผู้อำนวยการเงียบและอึกอักเธอก็รู้ความหมายแล้วว่าอีกฝ่ายไม่สะดวกพูดกับเธอตรงๆ เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่าเขาเป็นอย่างที่เธอเข้าใจจริงๆ
………………………………………………