05
ตามเมีย
หลายวันต่อมา
@โกดังเก็บสินค้า
ร่างสูงของเฟยเทียนเดินออกมาจากห้องทดลองหลังจากได้ทำการทดลองยาตัวใหม่ที่เพิ่งผลิตเสร็จโดยมีดินแดนเดินตามหลังออกมาท่ามกลางเสียงร้องครวญครางของผู้หญิงที่ดังเล็ดลอดออกมา
ที่นี่เป็นโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่แถบนอกเมืองห่างไกลจากตัวเมืองออกมาโดยมีลูกน้องผลัดเวรเฝ้ากันอย่างหนาแน่นตลอดทั้งวัน
"นายจะเข้าไปเช็กสินค้าที่จะส่งวันนี้เลยไหมครับ"
"ไอ้พายุมาแล้ว?"
"มาถึงแล้วครับ กำลังตรวจเช็กสินค้าอยู่"
"แล้วทางฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง?"
"ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยครับ แต่ผมให้ลูกน้องคอยจับตาดูอยู่"
"อืม" ร่างสูงครางรับในลำคอเบา ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องตรวจสินค้าทำให้ดินแดนต้องเดินตามเข้าไป
"ไงวะทดลองยาเสร็จแล้ว?" พายุเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินเข้ามาหย่อนสะโพกลงบนโซฟาหนังฝั่งตรงข้ามในขณะที่เขากำลังทำการตรวจเช็กอาวุธในมืออย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเมื่อถึงมือลูกค้า
"อืม"
"ช่วงนี้กูเห็นอ้ายผิงไปไหนมาไหนคนเดียวนี่มึงแยกกันอยู่แล้วเหรอวะ?" คำถามของพายุทำให้เขาเงียบไปเพราะเอาเข้าจริง ๆ ตอนนี้สถานะของเขากับอ้ายผิงก็ไม่ต่างจากการแยกกันอยู่จริง ๆ เพราะตอนนี้เธอกลับไปอยู่ที่บ้านและขาดการติดต่อกับเขามานานหลายวันนับตั้งแต่ที่เธอกลับจากภูเก็ต
"เธอกลับไปอยู่บ้าน"
"แล้วมึงก็ปล่อย แต่งงานอยู่กินกันมาหนึ่งปีนี่มึงไม่รู้สึกอะไรกับเธอจริง ๆ เหรอวะ" ครานี้เฟยเทียนเงียบไปไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อนสนิทเพราะเขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน แต่ทว่าท่าทางลังเลที่ต่างจากตอนแรก ๆ ที่เขาเคยถามคำถามนี้ทำให้พายุจับสังเกตได้ก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นมา
ด้วยความที่รู้จักกันมาก็ตั้งหลายปีทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเฟยเทียนคิดและรู้สึกอะไรอยู่แต่เพียงแค่ไม่มั่นใจและไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกก็เท่านั้น
หลายชั่วโมงต่อมา
ร่างสูงหยุดยืนนิ่งมองแผ่นหลังของอ้ายผิงที่กำลังนั่งอ่านบทละครอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนในสวนหย่อมของคฤหาสน์หลังจากที่พูดคุยกับโรสลินเสร็จก็รับรู้ว่าเธออยู่ที่นี่
เฟยเทียนยืนมองแผ่นหลังของภรรยาสาวอยู่แบบนั้นด้วยสายตาที่ฉายมาด้วยความรู้สึกบางอย่าง หากเขากับเธอเริ่มต้นกันด้วยความรักทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้
เฟยเทียนยืนมองหญิงสาวอยู่นานด่อนจะเดินเข้าไปหาเธออย่างเงียบ ๆ ซึ่งเป็นจังหวะที่เธอลุกขึ้นพอดี
พรึบ!
"อ๊ะ!" อ้ายผิงร้องออกมาเบา ๆ หลังจากที่ลุกขึ้นยืนหลังจากคัดเลือกบทละครที่ปริมเอามาให้เลือกเมื่อวานเสร็จสรรพแล้วเผลอหันหน้าชนเข้ากับแผงอกแกร่งของใครบางคนอย่างแรงโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน
"มาตั้งแต่เมื่อไรคะ?" เธอเอ่ยถามพร้อมกับขยับถอยห่างจากร่างกำยำ
"ฉันต้องเป็นฝ่ายถามเธอมากกว่าว่ามัวแต่เหม่ออะไรขนาดฉันเดินเข้ามายังไม่รู้ตัวแบบนี้ ถ้าเป็นศัตรูป่านนี้จะเป็นยังไง" ร่างสูงปรายตามองบทละครมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะดึงสายตากลับมามองหน้าเธอนิ่ง
"ก็คงตายมั้งคะแล้วคุณเองก็คงจะดีใจมาก แล้วสรุปว่ามาที่นี่ทำไมคะ? หรือทนคิดถึงฉันไม่ไหวจนต้องมาตามกลับ" เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มมุมปากอย่างยียวนเพราะไม่รู้เหตุผลที่เขามาที่นี่และคงจะไม่ใช่การมาตามเธอกลับไปอย่างแน่นอน
"ถ้าเป็นคิดถึงร่างกายของเธอก็อาจจะใช่แต่ถ้าคิดถึงเธอ...ฉันว่ามันเป็นคำถามที่ฟังดูโง่ดีนะ"
"หึ ฉันก็ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างคุณจะมีความรู้สึกอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว" มุมปากบางเหยียดยิ้มเพราะเธอไม่ได้คาดหวังกับคำตอบของเขาอยู่แล้ว
"คุณปู่ให้มารับคุณกลับบ้าน"
"ถ้าคุณปู่คุณไม่สั่งมาคุณก็คงไม่มาสินะ" น้ำเสียงของเธอแสดงออกถึงความน้อยใจโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้สังเกตแต่ทว่าคนฟังกลับรู้สึกได้
"น้อยใจ?"
"นะ...น้อยใจบ้าอะไรล่ะ! คนอย่างฉันไม่มีวันรู้สึกแบบนั้นกับผู้ชายอย่างคุณเด็ดขาด" ดาราสาวแสร้งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจ ไม่รู้ว่าความรู้สึกน้อยใจแบบนี้มันก่อเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับเขาเลย
"ก็ดี เพราะถ้าเธอรู้สึกก็มีแต่ตัวเธอเองที่จะเจ็บ อย่าลืมสิว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร"
"..." อ้ายผิงนิ่งไปเมื่อคนตรงหน้าตอกย้ำสถานะของเธอกับเขาว่าที่ต้องแต่งงานกันเพราะอะไร
"ฉันไม่ลืมหรอกว่าที่คุณยอมแต่งงานกับฉันก็เพื่อผลประโยชน์ และฉันเองก็ต้องใช้ประโยชน์จากคุณเหมือนกัน" ทั้งคู่สบตากันนิ่งก่อนที่เฟยเทียนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
"ถ้างั้นก็ขึ้นไปเก็บของฉันบอกแม่เธอแล้วว่าเธอจะกลับวันนี้" เพราะตอนเข้ามาเขาได้ทักทายและก็พูดคุยถึงอาการของอนาคินกับโรสลินก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ
"แล้วใครบอกว่าฉันจะกลับ"
"ฉันไม่ได้ถามแต่ฉันสั่ง"
"ยังไงฉันก็ไม่กลับ ถ้าอยากกลับก็กลับไปคนเดียวสิ" พูดจบเธอก็หันไปหยิบแฟ้มบทละครขึ้นมาถือไว้เพื่อจะเดินกลับเข้าบ้านแต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อคนเป็นสามีจัดการอุ้มเธอขึ้นพาดบ่าแล้วเดินสับ ๆ เข้าไปในบ้านท่ามกลางแรงทุบตีและสายตาของแม่บ้านที่กำลังทำหน้าที่กันอยู่
ตุบ! ตุบ!
"นี่คุณปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!" แรงทุบตีของเธอไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับกันเขายิ่งรู้สึกถูกใจเมื่อเห็นท่าทางที่เกรี้ยวโกรธของเธอ
"อย่าดิ้น อยากตกบันไดขาแข้งหักนักหรือไง" เมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังของเขาก็ทำให้เธอหยุดชะงักก่อนจะถอนหายใจฟึดฟัดด้วยความหงุดหงิด เพราะถ้าหากเกิดตกบันไดขาแข้งหักขึ้นมาจริง ๆ เธอเองที่จะลำบากเพราะด้วยอาชีพของเธอนั้นการไม่เจ็บไข้ถือว่าดีที่สุดแล้ว
"ฉันให้เวลาสิบห้านาทีในการเก็บของถ้าฉันขึ้นมาแล้วเธอยังเก็บไม่เสร็จรู้ใช่ไหมว่าฉันจะทำยังไง" เฟยเทียนเอ่ยออกมาเสียงเรียบหลังจากปล่อยภรรยาสาวให้ยืนลงกับพื้นก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องนอนเธอ ทำให้หญิงสาวส่งเสียงชิชะอย่างหงุดหงิดกับความเผด็จการของคนเป็นสามี
"ชิ!"
"ผมขอคุยกับคุณพ่อตามลำพังหน่อยนะครับ" เฟยเทียนเอ่ยบอกกับโรสลินหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาในห้องที่มีอนาคินนอนอยู่บนเตียง
"ได้จ้ะ" โรสลินยิ้มตอบก่อนจะเดินออกไปพร้อมพยาบาลพิเศษทำให้ในห้องเหลือเพียงแค่เฟยเทียนกับอนาคินที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
"สวัสดีครับ ต้องขอโทษด้วยที่ช่วงนี้ผมไม่ได้มาเยี่ยมเลย ผมรู้ว่าสิ่งที่คุณพ่อกังวลและเป็นห่วงอยู่ตอนนี้คือครอบครัว"
"เรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ต้องห่วงนะครับเดี๋ยวผมจะเป็นคนจัดการให้เองเพราะยังไงอ้ายผิงก็เป็นภรรยาผม แล้วผมก็อยากตอบแทนที่คุณปู่อนาวินช่วยเหลือครอบครัวผมไว้ด้วย"
แกร๊ก~
อ้ายผิงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้ามาหลังจากเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อยตามเวลาแต่ไม่เห็นเฟยเทียนรออยู่ที่ห้องเธอจึงถามแม่บ้านและได้ความว่าเขาอยู่ในห้องของพ่อเธอ
เสียงเปิดประตูทำให้ร่างสูงหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นยืนเตรียมจะกลับออกจากห้องโดยมีสายตาของดาราสาวมองผู้เป็นสามีสลับกับคนเป็นพ่อด้วยความสงสัย
"เก็บของเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?"
"ค่ะ"
"ถ้างั้นก็เข้ามาลาคุณพ่อเถอะเดี๋ยวฉันจะลงไปรอข้างล่าง" เขาพูดจบก็เดินออกจากห้องไปทำให้อ้ายผิงเดินตรงมาที่เตียงพร้อมยกมือหนาของอนาคินขึ้นมากุมไว้
"ผิงต้องกลับไปทำหน้าที่แล้ว คุณพ่ออยู่ที่นี่อย่าคิดมากนะคะเดี๋ยวผิงจะมาเยี่ยมคุณพ่อบ่อย ๆ นะ" คำพูดของอ้ายผิงทำให้อนาคินกะพริบตาเป็นการบ่งบอกว่ารับรู้และเข้าใจทุกอย่าง ปฏิกิริยาของผู้เป็นพ่อทำให้ดาราสาวยกยิ้มขึ้นมาแม้ว่าอนาคินจะเคลื่อนไหวร่างกายหรือพูดไม่ได้แต่ก็รับรู้ทุกอย่าง
อ้ายผิงเดินเคียงคู่เข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่พร้อมกับเฟยเทียนผู้เป็นสามีหลังจากที่เขาไปรับเธอที่บ้าน แม้จะไม่อยากกลับมาเพราะเบื่ออะไรเดิม ๆ แต่เพราะหน้าที่และไม่อยากให้อนาคินเครียดในเรื่องของเธอจนต้องยอมกลับมา
"นั่นไงพูดถึงก็กลับกันมาพอดี อาเฟยพาหนูผิงเข้ามานี่ก่อนสิหนูอันเขามานั่งรออยู่นานแล้ว" เสียงประมุขของบ้านอย่างเฟยหลงที่ดังขึ้นทำให้อ้ายผิงหันมองก่อนจะพบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอเองก็ไม่คุ้นหน้าและไม่รู้จักมาก่อนนั่งอยู่กับชายสูงวัยในห้องนั่งเล่น ดาราสาวดึงสายตากลับมาทำท่าจะเดินตรงขึ้นไปชั้นบนแต่ทว่ากลับถูกมือหนาของสามีจับข้อมือเอาไว้พร้อมดึงเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่นด้วยกัน
“แล้วนี่ไปรับหนูผิงมาเหรอ?” คำถามของชายสูงวัยสร้างความสงสัยให้อ้ายผิงไม่น้อยเพราะเฟยเทียนบอกกับเธอว่าเฟยหลงให้ไปรับเธอที่คฤหาสน์แล้วทำไมถึงมาถามเหมือนไม่รู้มาก่อนว่าเฟยเทียนจะไปรับเธอ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะไถ่ถามให้กระจ่างเสียงของหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เอ่ยขึ้นก่อน
"สวัสดีค่ะคุณอ้ายผิง อันนานะคะเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของเฮียเฟยค่ะ" ทันทีที่โดนลากเข้ามานั่งลงบนโซฟาเสียงของอันนาก็เอ่ยทักทายขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรทำให้เธอต้องทักทายกลับตามมารยาทโดยไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้จักชื่อเธอมาจากไหนหรือยังไง
"สวัสดีค่ะ"
"ได้เจอกันสักทีนะคะ อันจะเข้ามาทักทายคุณอ้ายผิงหลายครั้งแล้วแต่คุณปู่บอกว่าคุณอ้ายผิงติดถ่ายละครเลยคลาดกันทุกทีเลยค่ะ"
"ค่ะ"
"ที่มาวันนี้ก็จะมาเชิญเฮียเฟยกับคุณอ้ายผิงไปงานเลี้ยงต้อนรับอันวันพรุ่งนี้นะคะ ไม่ทราบว่าคุณอ้ายผิงพอจะว่างไหมคะ?"
"ฉันก็ยังให้คำตอบไม่ได้นะคะคงต้องรอดูตารางงานอีกที"
"อ๋อค่ะ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรค่ะแต่ถ้าว่างอันก็อยากให้ไปร่วมงานนะคะ" อ้ายผิงเพียงแค่ยิ้มตอบบาง ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันไปพูดคุยกับเฟยเทียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอและเฟยหลงด้วยท่าทางที่สนิทสนมทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นธาตุอากาศของพวกเขา
"แต่คุณปู่กับเฮียเฟยต้องไปให้ได้นะคะ"
"ปู่ไปอยู่แล้ว อาเฟยเองก็เหมือนกันใช่ไหม?" สายตาคมของชายสูงวัยหันมองหลานชายเพียงคนเดียว
"ครับ"
"ดีจังเลยค่ะ คุณพ่อเองก็บ่นอยากเจอเฮียเฟยอยู่เหมือนกัน คุณปู่ด้วยนะคะนาน ๆ ทีจะได้ทานอาหารร่วมกัน" อันนาว่าออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างเอาใจ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอตัวก่อนนะคะ" พูดจบดาราสาวก็หยัดกายลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปทันที
"คุณอ้ายผิงเขาไม่ชอบอันรึเปล่าคะ? หรือว่าอันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า" อันนาเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนด้วยใบหน้าที่ฉายแววความเศร้าเมื่ออ้ายผิงเดินออกไป
"เขาก็เป็นแบบนี้แหละอย่าคิดมากเลย" เป็นเฟยเทียนที่เอ่ยออกมาก่อนจะดึงสายตากลับมาจากแผ่นหลังของคนเป็นภรรยาที่เดินหายขึ้นไปชั้นบน
แกร๊ก~
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นในระหว่างที่อ้ายผิงกำลังนั่งทาครีมอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเตรียมจะเข้านอน
"ฉันว่าเธอไม่ควรทำแบบนี้นะ" คำพูดของเขาทำให้เธอละสายตาจากสิ่งที่ทำอยู่หันไปมองทางต้นเสียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง
"แบบนี้ที่ว่าคือแบบไหนไม่ทราบ"
"ฉันรู้ว่าเธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร อย่าทำอะไรที่เป็นการหักหน้าคุณปู่อีกเพราะอันนาเป็นแขกของท่าน"
"ที่ตามมาต่อว่าฉันนี่เพียงเพราะฉันไม่อยู่รอส่งผู้หญิงคนนั้นแค่นั้นเหรอ?"
"เหอะ! คิดว่าฉันดูไม่ออกหรือไงว่าคุณปู่คุณน่ะจงใจจะให้ผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาเป็นเมียอีกคนของคุณ เห็นแก่ตัวที่สุด!" เธอไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าเฟยหลงตั้งใจที่จะให้เธอรู้จักกับอันนาเพื่อจะให้เธอมาเป็นภรรยาอีกคนของเฟยเทียนตามข้อความในพินัยกรรมบ้าบอนั่น
"อ้ายผิง!!" มือหนากระชากข้อมือเรียวอย่างแรงพร้อมออกแรงบีบด้วยความโมโหเมื่ออีกฝ่ายก้าวร้าวถึงเฟยหลงปู่ที่เลี้ยงดูเขามา
"เอาสิ! อยากทำอะไรก็ทำเลย คุณมันก็ชอบใช้ความรุนแรงแบบนี้อยู่แล้วนี่!" เธอข่มความเจ็บจากแรงบีบที่ข้อมือกัดฟันว่าออกมาพร้อมจ้องตาคมอย่างไม่เกรงกลัว
"อย่าท้าทาย เพราะถ้าฉันทำจริง ๆ มีแต่เธอนั่นแหละที่จะเจ็บ" มือหนายอมปล่อยออกจากข้อมือเรียวที่เป็นรอยแดงขึ้นมาจากแรงบีบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวของเขาก่อนจะเดินผ่านหน้าไป
"ไอ้คนโง่! ฉันไม่น่าเผลอตัวกับผู้ชายอย่างคุณเลยจริง ๆ" ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้ครบกำหนดสองปีที่เธอจะหลุดพ้นจากพันธะบ้าบอนี่ และหวังว่าวันนั้นครอบครัวของเธอจะหลุดพ้นจากอิทธิพลพวกนี้ได้แม้จะยากแต่เธอก็จะทำทุกวิถีทาง แต่ในตอนนี้เธอต้องทนเพื่อความปลอดภัยของครอบครัว
--------
ไรท์หวังว่าทุกคนจะเข้าใจถึงความจำเป็นของอ้ายผิงนะคะเพราะจากครอบครัวที่มีอำนาจมีอิทธิพลดันหมดอำนาจลงและแน่นอนว่าทำให้ศัตรูจะหันมาเล่นงานจนต้องใช้อำนาจและบารมีของเฟยเทียนเพื่อปกป้องครอบครัว
อ่านแล้วฝากกดใจ + คอมเมนต์ให้ไรท์ด้วยนะคะ