ห้องโถงใหญ่ภายในปราสาทสุดโอ่อ่า ได้มีชายหญิงในชุดเกราะทั้ง 13 คนกำลังนั่งอยู่ โดยที่มีชายสวมชุดเกราะเงินสะอาดนั่งอยู่ที่จุดดึงดูดตาที่หัวโต๊ะ
ชายคนนั้นวาดลวยลายบางอย่าง ก่อนจะมีภาพจำลองของบางสิ่งออกมา
ภาพนั้นเป็นกลุ่มก้อนควันสีดำบางอย่างที่ไหลเวียนเป็นรูปร่างอันไม่แน่นอน ดูน่าสะอิดสะเอียนและไม่น่าหลงไหล
"เจ้านี่งั้นเหรอ บางสิ่ง?"
ชายคนหนึ่งเอ่ยในตอนเขาเห็นภาพตรงหน้า คำถามของเขาได้ไปสะดุดใจของทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น
"ใช่..นี่แหละคือบางสิ่งที่เรากำลังตามหา..."
เสียงของชายในชุดเกราะสีเงินดังขึ้นเป็นคำตอบ ทำให้ทุกคนสนใจภาพจำลองนั่นมากขึ้นไปอีก
"มันคืออะไร?"
"ไปเห็นมันมาจากไหน?"
"มันทำอะไรได้?"
สารพัดคำถามไหลมาไม่หยุด แต่ก่อนที่มันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มเกราะเงินก็หันหน้ามองไปยังชายหนุ่มคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ
เขาสวมชุดเกราะเบาสีน้ำเงิน ดวงตาสีเขียวอมฟ้า แต่เพราะเขาสวมเกราะปิดบังเส้นผมทำให้มองเห็นมันได้ไม่ชัด
"ฝากอธิบายสิ่งนี้ด้วยแทนฉันด้วย.."
"ครับ"
ชายหนุ่มเอ่ยรับคำสั่ง ก่อนจะเริ่มเปิดปาก
"พวกเราเจอสิ่งนี้ที่ป่าแถวเมืองชั้นนอกสุด มันเป็นกลุ่มควันสีดำที่น่าสะอิดสะเอียน.."
ไม่นานชายหนุ่มในชุดเกราะสีเหลืองก็ยกมือขึ้นเพื่อหวังเอ่ยถาม
"เชิญครับ"
"เมืองชั้นนอกงั้นเหรอ พวกมันไม่น่าจะมีอะไรหลงเหลือแล้วนี่ตั้งแต่พวกเราจากมา"
คำถามนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนที่กำลังนั่งฟัง พวกเขาสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าชายคนนี้ต้องการจะพูดอะไร
"พวกเรายังไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ แต่ที่พอจะพูดได้ คือคนของพวกเราพบมันระหว่างที่กำลังทำการสำรวจพื้นที่.."
ไม่นานก็มีหญิงสาวเกราะสีฟ้าอ่อนเอ่ยแทรก เธอดูไม่สบอารมณ์เบาๆ ในน้ำเสียง
"ช่วยเล่าเนื้อๆ มาเลยได้ไหม พอดีฉันมีธุระ"
"ทราบแล้วครับ.."
ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะเริ่มอธิบายใหม่อีกครั้ง
"ทางเราตรวจพบว่ากลุ่มควันพวกนี้ สามารถทำให้มอนสเตอร์สูญพันธ์ได้"
"...!!"
เมื่ออธิบายแบบนี้แล้ว ทุกคนภายในนั้นก็ดูมีท่าทีตกใจขึ้นมาในทันที
"สูญพันธ์!!?"
"ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นมาก่อน หมายความว่ายังไง?"
"นี่เกี่ยวข้องอะไรกับการหายหัวไปของ กิครอสรึเปล่า?"
คำถามมากมายผุดขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็สงบลงเพียงแค่การทุบโต๊ะเพียงครั้งเดียว
ตุบ!!
ฝ่ามือของชายหนุ่มที่หัวโต๊ะได้หยุดทุกอย่างเอา เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ย
"พวกเรายังระบุตัวตนของมันได้ไม่ชัดนัก แต่ที่สามารถเข้าใจได้ก็คือ มันไม่ได้เป็นมิตรกับพวกเรา.."
ชายคนนั้นลุกขึ้น ก่อนจะปิดภาพจำลองของกลุ่มควันดำเหล่านั้นลง
"เพราะฉะนั้น ฉันอยากให้ทุกคนเตรียมตัว.."
"สงคราม ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว.."
ทันทีที่คำพูดนั้นเอ่ยขึ้น ทุกคนภายในห้องก็แปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน สงคราม? พวกเขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำที่ยิ่งใหญ่แบบนั้น
"หมายความว่ายังไงที่บอกว่าสงคราม!!"
ชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อน ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่แต่งชุดหรูหราอลังการ สวมชุดเกราะที่มีสัญลักษณ์สิงโตที่กลางอก
นามของเขาคือ เลโอ ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเมืองชั้นในทางตะวันออก
"ผมคิดว่าคุณควรจะเข้าใจมันได้เองแล้วนะ เลโอ สงครามคือสงครามไง.."
ชายหนุ่มอีกคนพูดตอบอย่างสุขุม เขาเป็นชายหนุ่มผมสีม่วงอ่อนในเกราะสีม่วง สัญลักษณ์แมงป่องที่สลักไว้ยังปลอกแขนด้านซ้ายเป็นตัวบอกจักรราศีของเขา
และชื่อของเขาคือ สกอเปีย ชายหนุ่มที่เป็นรองหัวหน้ากลุ่มเมืองชั้นในทางตะวันออก
"เอาเถอะน่าสกอเปีย ไปดุเลโอแบบนั้นเขาจะน่าสงสารเอานะ"
หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำเสียงเยาะเย้ย เธอเป็นหญิงสาวใส่แว่นตาผมสีเหลืองและใส่ชุดคลุมนักเวทย์สีม่วงอ่อน
เวอร์โก้คือชื่อของเธอ หญิงสาวที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเมืองชั้นในทางตอนใต้
"อืม ถึงแบบนั้นก็เถอะ แต่การจะบอกว่าครามกำลังจะเกิดขึ้นมันก็เป็นคำตอบที่กว้างไปละนะ"
ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยซ้อนออกมา เขาเป็นชายหนุ่มผมสีชมพูอ่อนและเกราะสีเดียวกัน และสัญลักษณ์ตาชั่งก็สลักไว้ที่กลางเกราะอกของเขา
เขาคือไลบรา ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มเมืองชั้นกลางทางตอนใต้
"ถ้าจะเล่าขอแบบง่ายๆ ก็แล้วกันนะ ฉันขี้เกียจทำความเข้าใจเรื่องยุ่งยากด้วยสิ"
หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอนหลัง ผมสีแดงและเกราะเบาสีเดียวกันเป็นจุดเด่นของเธอ และสัญลักษณ์ปูที่สลักไว้ยังปลายดาบที่เป็นอาวุธประจำตัว
แคนเซอร์คือชื่อของเธอ หญิงสาวคนนี้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเมืองชั้นในทางตะวันตก
"ท่านแคนเซอร์ อย่างน้อยก็ช่วยสำรวมในที่ประชุมหน่อยเถอะครับ"
ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งข้างเธอเริ่มเตือน เขาเป็นชายหนุ่มผมสีเทาและเกราะเบาสีเดียวกัน มีสัญลักษณ์มังกรสลักไว้ที่หมวกเกราะของเขา
ซีฟคือชื่อของเขา ชายหนุ่มคนนี้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเมืองชั้นนอกทางตะวันตก
"เอาเถอะน่าซีฟ ยังไงยัยนั้นก็ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว ปล่อยไปเถอะ"
ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยออกมาอย่างรื่นเริงใจ เขาเป็นชายหนุ่มผมสีฟ้าอ่อนและใส่เกราะสีเดียวกัน มีสัญลักษณ์คนที่มีครึ่งตัวสลักไว้ที่เกราะแขนด้านซ้าย
นารัคคือชื่อของเขา ชายหนุ่มคนนี้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเมืองชั้นกลางทางตะวันตก
"ว่าก็ว่าเถอะ ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครก็คงจะต่อกรพวกเราไม่ได้หรอก"
ชายหนุ่มที่ถือธนูไว้ด้านหลังเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ใส่เกราะเบาสีน้ำตาล
ซาจิสคือชื่อของเขา ชายหนุ่มคนนี้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเมืองชั้นกลางทางตะวันออก
"ปากแบบนั้นคงพาไปไหนได้ไม่ไกลนักหรอกซาจิส ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลย"
หญิงสาวข้างตัวเขาเอ่ยขึ้น เธอเป็นหญิงสาวผมสีส้มที่ใส่เกราะเบาสีเขียว มีสัญลักษณ์หยดน้ำเล็กๆ อยู่ที่ต้นคอของเธอ
อควาคือชื่อของเธอ หญิงสาวคนนี้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเมืองชั้นนอกทางตะวันออก
"ฮ่าๆๆ ฉันล่ะชอบเวลาที่พวกคุณทะเลาะกันจริงๆ"
ชายหนุ่มร่างใหญ่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะ เขามีผมสีเหลืองฟ้าและสวมชุดเกราะหนัก มีสัญลักษณ์ปลาสลักไว้อย่างชัดเจนที่เกราะอก
พรีเซสคือชื่อของเขา ชายหนุ่มคนนี้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเมืองชั้นนอกทางตอนใต้
"...อืม"
ชายหนุ่มร่างใหญ่อีกคนที่สวมเกราะหนักไม่พูดอะไรต่อ เขาเพียงสบถออกมาเล็กน้อยด้วยเสียงหายใจ เขาสวมเกราะหนักทั่วทั้งตัวทำให้ไม่สามารถอธิบายตัวตนได้ รู้เพียงสัญลักษณ์กระทิงที่เพราะแขนซ้าย
เขาชื่อ ทอรัส เป็นหัวหน้ากลุ่มที่ไม่มีเมืองเป็นหลักแหล่ง
"...ถ้างั้น ผมขออธิบายต่อนะครับ"
ชายหนุ่มเกราะเงินผมสีน้ำเงินเริ่มพูดต่อหลังจากที่ได้ฟังคำต่อเถียงมากมาย เกราะเงินที่มีสัญลักษณ์รูปคนครึ่งตัวเริ่มสะท้อนแสงจนเห็นได้อย่างชัดเจน
ชื่อของเขาคือคานัล ชายหนุ่มคนนี้เป็นรองหัวของกลุ่มเมืองชั้นในทางตอนเหนือ
แต่ระหว่างที่คานัลกำลังจะเอ่ยเพื่ออธิบายสิ่งที่พวกเขากำลังจะได้เผชิญหน้าต่อไปนั้น มือของชายคนหนึ่งก็ได้มาหยุดเขาเอาไว้
มือที่สวมเกราะเบาสีขาวดูสง่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชายคนนี้คือผู้ที่อยู่เหนือทุกคนที่นี่
"ให้ฉันอธิบายแทนก็แล้วกันนะ ทุกคน.."
สิ้นเสียง การพูดคุยก็เงียบลงไปในทันที ราวกับทุกคนถูกมนสะกดห้ามเอาไว้ไม่ให้เปิดปาก
แต่แท้จริงแล้ว มันเป็นเพียงออร่าที่ชายคนนี้แผ่ออกมาต่างหาก
ชายหนุ่มผมสีขาวยาวดูสง่า ใส่เกราะสีขาวดูหรูหราแต่กลับทรงพลัง
สัญลักษณ์แกะสลักเอาไว้ที่เกราะไหล่ของเขา
แอเรสคือชื่อของชายผู้อยู่ยังจุดสูงสุด หัวหน้าของกลุ่มเมืองชั้นในทางตอนเหนือ และเป็นหัวหน้าของกลุ่มรุ่งโรจน์
และด้วยคำพูดนั้น การประชุมก็จบลงอย่างราบรื่น
หลังจากนั้นไม่นาน แอเรสก็เดินกลับมายังห้องของตัวเองก่อนจะหันมองไปยังมือของตน
เขานั้นทั้งกังวลและไม่เข้าใจ ถึงเหตุผลที่บางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นมา
"พวกเรา จะสามารถก้าวผ่านมันไปได้ไหมนะ.."