"สรุปแล้ว เจ้าบางสิ่งที่ว่ามันคืออะไรกันแน่นะ"
พลเอ่ยขึ้นพร้อมกับจัดการมอนสเตอร์ตรงหน้า ในตอนนี้พวกเราเลือกที่จะออกเดินทางมาไกลจากเมืองทำให้ได้พบกับมอนสเตอร์ที่หลากหลายชนิดมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเป็นสัตว์ที่ขนาดตัวใหญ่กว่าปกติ
และหมีสีน้ำตาลที่ถูกฝังอัญมณีสีแดงเอาไว้ตรงกลางหน้าอกคือเหยื่อตัวล่าสุดของเรา
"โฮกกก!!"
เจ้าหมีอัญมณีลุกยืนขึ้นก่อนจะกางมือทั้งสองข้างของมันออกพร้อมกับส่งเสียงคำราม แต่ก่อนที่มือของมันจะพุ่งลงมาเพื่อจู่โจมศัตรูตรงหน้า
ซ้วก!!
ร่างของมันแยกออกเป็นสองส่วน และสิ่งที่ทำให้มันกลายเป็นแบบนั้นคือดาบใหญ่ของพล
"ดูเหมือนมอนสเตอร์บริเวณนี้ก็ยังไม่ได้เก่งอะไรมากนักเลยนะ"
พลกล่าวขึ้นท่ามกลางซากศพของเหล่าหมีที่ค่อยๆ สลายกลายเป็นเศษแห่งแสงสีเหลือง ก่อนที่แสงเหล่านั้นจะซึมซับเข้าไปในร่างกายของพวกเราทั้งสองคน
"เพราะนายเก่งเกินไปต่างหาก.."
ผมเอ่ยชมโดยไม่ได้พูดเกินจริงใดๆ ออกมาเลย บอกตรงๆ ว่าผมไม่สามารถทำให้เจ้าหมีพวกนี้บาดเจ็บได้แม้สักนิดเดียวเลยด้วยซ้ำ
"อาจจะใช่ล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ"
พลเอ่ยพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา เขาพยายามแสดงออกว่าตัวเองยินดีกับคำชมที่ได้รับจากผม
ทั้งที่ความจริงแล้วนั้น ภายในใจของเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย
นับจากเหตุการณ์วุ่นวายเกี่ยวกับการชี้แจงผู้ดูแลในตอนนั้น เวลามันก็ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วเห็นจะได้
สิ่งที่พวกเรารับรู้จากวันที่ผ่านพ้นไป มีอยู่สามสิ่งที่เป็นข้อมูลสำคัญ
อย่างแรกเลยก็คือ โลกใบนี้ไม่ได้มีแค่เมืองเกิดเพียงแห่งเดียว ดูจากข้อมูลการพูดคุยของผู้เล่นเหมือนจะมีอยู่ 7 เมืองเป็นอย่างต่ำ
สอง ค่าสถานะทั้งหมดยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา มีบางคนได้รับสถานะพิเศษเช่น มนต์หรือค่าจิตใจ แถมมันยังทำให้พวกเขาสามารถใช้สิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์ได้อีกด้วย
และสาม สิ่งสำคัญข้อสุดท้าย โลกแห่งนี้ไม่สามารถตายได้ มีใครบางคนพยายามหนีออกไปด้วยการพุ่งไปให้มอนสเตอร์ทำร้าย แต่เมื่อตายพวกเขาจะได้รับข้อความระบุว่าพวกเขาตายไปแล้ว และสุดท้ายก็จะกลับมายังจุดปลอดภัยล่าสุดโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้เองข่าวสารของผู้เล่นถึงสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วแถมยังง่ายดาย
ส่วนข้อมูลที่เกี่ยวกับการออกไปจากโลกใบนี้ ยังไม่มีใครหาข้อมูลระบุมันได้อย่างแน่ชัด
'บางสิ่ง' ยังไม่ถูกเปิดเผย
ส่วน 'ค่าสติสัมปชัญญะ' ก็ยังไม่มีใครหาวิธีลดมันลงได้
ตอนนี้ยังมีบางคนที่สิ้นหวัง โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้คนที่มีห่วงกับโลกใบเก่า แต่คนส่วนใหญ่เริ่มจะทำความคุ้นชินกับมันได้แล้ว
"เอ้า เติมท้องสักหน่อย"
พลโยนขนมปังก้อนหนึ่งมาให้กับผม ก่อนที่เขาจะเริ่มเช็กข้อมูลของตัวเอง
'ชื่อ พล อาชีพ ผู้ถูกอัญเชิญจากต่างแดน ปาร์ตี้ อรัญ
เลเวล 24 ความชำนาญสูงสุด ดาบหินกัดกร่อน (ใหญ่) (ความคงทนต่ำ)
ค่าสติสัมปชัญญะ 100%'
ปกติแล้วข้อมูลในส่วนนี้จะถูกปกปิดเอาไว้ เว้นเสียแต่พวกเขาเป็นปาร์ตี้เดียวกัน ซึ่งผมกับพลก็อยู่ในสถานะนั้น
"ใกล้พังแล้วงั้นเหรอ แบบนี้ต้องรีบไปเปลี่ยนแล้วสิ"
พลเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปยังดาบใหญ่บนมือของตน ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 วันก่อน
3 วันก่อน
"ตอนนี้แหละพล จัดการเลย"
"โอ้ว!!"
พลกำดาบของตัวเองเอาไว้แน่น ก่อนจะฟาดฟันผ่าร่างของมอนสเตอร์กระต่ายยักษ์จนตัวมันขาดออกเป็นสองท่อน
แต่สิ่งที่สูญสลายไปไม่ได้มีเพียงร่างของเจ้ากระต่ายยักษ์
เพล้ง!!
เสียงแตกหักของบางอย่างดังขึ้น พร้อมกับพลที่รับรู้ว่าบางอย่างที่มือของเขาได้ขาดหายไป
ดาบใหญ่ของเขาสลายหายไปต่อหน้าต่อตา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องโชคร้ายเพียงอย่างเดียว
"ชิ..มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะ"
พลเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมองไปยังฝูงกระต่ายที่ยืนล้อมรอบพวกเราเอาไว้ มันไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับกระต่ายยักษ์ที่เพิ่งจะถูกกำจัดไป แต่ด้วยจำนวนบวกกับการที่พลจะต้องสู้ด้วยมือเปล่านั่น การจะกำจัดพวกมันคงเป็นเรื่องที่ยาก
"พล..."
"วิ่งซะ อรัญ!!"
นั่นคือสิ่งเขาพูด ก่อนที่ฝีเท้าของเราทั้งคู่จะเริ่มขยับโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือการเอาชีวิตรอดออกไปจากตรงนี้
การฝ่าวงล้อมเป็นไปอย่างยากลำบาก บอกได้เลยว่าผมและพลเกือบได้ตายภายในเหตุการณ์ครั้งนั้น
"ขนหมีพวกนี้คงทำให้ซื้ออาวุธอีกระดับได้ แล้วนายล่ะอรัญ อาวุธของนายเป็นยังไงบ้าง"
ผมเปิดหน้าต่างสถานะของตัวเองออกมา
'ชื่อ อรัญ อาชีพ ผู้ถูกอัญเชิญจากต่างแดน ปาร์ตี้ พล
เลเวล 22 ความชำนาญสูงสุด ดาบหุ้มหนังกระต่าย (เล็ก)
ค่าสติสัมปชัญญะ 100%'
การที่ยังไม่มีข้อความค่าความคงทนขึ้นมาแสดงว่ามันคงยังอยู่ดี
"ของฉันไม่เป็นไร เปลี่ยนแค่ของนายเถอะ"
"งั้นเหรอ โอ--"
ตู้ม!!
เสียงระเบิดดังขึ้นในอีกฟากฝั่งของป่า ก่อนที่พวกเราจะเห็นควันไฟลอยขึ้นจากจุดนั้น
"พวกที่ใช้เวทมนตร์ได้งั้นสินะ"
"อืม..คิดว่านะ"
พลจ้องมองเปลวไฟนั่นก่อนจะส่ายหัว เขาหันหน้าหนีก่อนจะเดินตรงกลับเข้าเมือง
ตอนนี้พวกที่ใช้เวทมนตร์ได้มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเรากลับไม่รู้ว่าพวกเขาใช้มันได้ยังไง อาจจะเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้พลแสดงท่าทีหัวเสียขึ้นมา
"พล รอฉันด้วย"
ระหว่างที่ผมกำลังเดินตามพลไป มีจังหวะหนึ่งที่จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมา
"...!!"
แต่เมื่อผมหันมองกลับไป สิ่งที่เห็นมีเพียงป่าอันเงียบงันไร้ผู้คน
"คิดไปเองงั้นเหรอ.."
"มีอะไรรึเปล่า?"
พลหันหน้ากลับมาถามเพราะเห็นว่าผมพึมพำบางอย่างอยู่คนเดียว
"ป..เปล่า เราไปกันต่อเถอะ"
ผมบอกปัดพลไปแบบนั้นก่อนจะผลักตัวของเขาให้เดินหน้าต่อ
ช่างเรื่องนี้ก่อนก็แล้วกัน..
ในตอนที่เด็กหนุ่มสองคนกำลังเดินกลับเข้าเมือง ได้มีใครบางคนจ้องมองพวกเขาอยู่อย่างนิ่งเงียบ
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำ สวมหน้ากากที่มีสัญลักษณ์เหมือนกับตัวแทนบนหน้าไพ่
และคนที่จ้องมองพวกคือผู้ที่มีสัญลักษณ์ดอกจิกบนหน้ากาก
"ควบคุมเวทมนตร์ไฟนี่ยากเอาเรื่องเลย หืม? นั่นคือคนที่นายเล็งเอาไว้งั้นเหรอ"
ตอนนั้นเองที่มีใครบางคนเดินเข้ามาจากด้านหลัง เขาเองก็สวมชุดคลุมและสวมหน้ากาก แต่มีสัญลักษณ์เป็นโพแดง
"ใช่ ฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่น่าสนใจกว่าคนทั่วไปอยู่เยอะทีเดียว หึๆๆ.."
ชายสวมหน้ากากดอกจิกเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ
"แล้วคิดว่าเขาจะรู้ข้อมูลของเกมรึเปล่า?"
ชายสวมหน้ากากโพแดงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
"ไม่หรอก สิ่งที่เขารู้ไม่เท่าพวกเราอย่างแน่นอน"
"งั้นเหรอ.."
หลังได้ฟังคำตอบ ทั้งสองคนก็เดินออกไปจากป่านั้นไปอย่างเงียบงัน
แต่ก่อนที่พวกเขาจะหายไปอย่างสมบูรณ์ ชายในหน้ากากดอกจิกได้ทิ้งคำพูดหนึ่งเอาไว้
"เพราะถ้าเขารู้ พวกเราคงต้องกำจัดเขาออกไปให้พ้นทาง..."
ผมกับพลเดินทางมาถึงร้านค้าของเมือง และอย่างที่พลคาดการณ์ไว้ หนังหมีพวกนี้ขายได้ราคาสูงเอามากๆ
"ดาบใหญ่สะบั้นหัว นี่คืออาวุธใหม่ของฉันงั้นสินะ ดูแข็งแกร่งกว่าอันเก่าลิบลับเลย"
พลมองดาบใหญ่เล่มใหม่ของตัวเองด้วยความดีอกดีใจ เขาลองฟาดฟันมันไปรอบๆ เพื่อทดสอบไปพักใหญ่ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผม
"ขอบคุณนะอรัญ เพราะนายบอกว่าให้ยกส่วนการล่าในวันนี้ให้กับฉันทั้งหมด ฉันถึงได้ใช้ดาบใหญ่เล่มนี้"
เขาพูดขอบคุณพร้อมกับเขย่าตัวผมไปมา แสดงออกให้เห็นได้ชัดว่าเขาทั้งดีใจและตื่นเต้นที่ได้ดาบเล่มนี้จริงๆ
"อืม ปกติแล้วฉันก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว การให้นายเป็นคนที่ได้ผลประโยชน์ทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่ดีนะ"
ผมเอ่ยสิ่งนี้ออกมาจากใจจริง มันวัดได้จากการต่อสู้ที่ผ่านมาอยู่แล้วว่าผมไร้ประโยชน์ขนาดไหน
แต่เหมือนพลจะไม่ได้คิดแบบนั้น เขามองหน้าผมอย่างจริงจังก่อนจะเอ่ยปาก
"ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ ถ้าฉันไม่มีนายคงจะไม่ได้อยู่มานานขนาดนี้หรอก"
คำตอบของพลทำให้ผมแปลกใจ เขากำลังหลอกผมอยู่รึเปล่านะ
"การใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวไม่ใช่ทางของฉันหรอก รับรู้ไว้ว่านายคือคนสำคัญของฉันในโลกใบนี้"
"มันทำให้ฉันขนลุกนิดหน่อยนะ"
"ฮ่าๆๆ ถ้างั้นก็ได้เวลาไปออกล่ากันแล้วล่ะ ฉันอยากจะทดสอบดาบเล่มใหม่อยู่พอดี"
ผมเริ่มยิ้มออกมาหลังจากที่ได้ฟัง ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจกับคำพูดนั้น แต่ถ้าเขาตั้งใจจะหลอกผมก็เต็มใจให้หลอกละนะ
"นั่นมัน!! 'กลุ่มรุ่งโรจน์' ไม่ใช่เหรอ"
"จริงด้วย ใช่พวกเขาจริงๆ"
ระหว่างที่กำลังซาบซึ้ง เสียงตะโกนของคนบางกลุ่มก็ดังจนมาถึงจุดที่พวกเราอยู่
เสียงเหล่านั้นพูดคุยเกี่ยวกับกลุ่มคนบางกลุ่ม และตรงกลางของฝูงชนคือผู้คนในชุดที่ดูหรูหราเป็นพิเศษ
พวกเขาเผยออร่าที่เต็มไปด้วยความสง่างาม บางคนก็โบกมือยิ้มรับฝูงชนรอบๆ ตัวของพวกเขา
"กลุ่มรุ่งโรจน์งั้นสินะ เจ้าพวกนั้นน่ะ"
พลเอ่ยขึ้นพร้อมมองไปยังกลุ่มพวกนั้น ด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
และเหตุผลที่เป็นแบบนั้น คงเพราะการก่อตั้งของสิ่งที่เรียกว่า 'กลุ่ม' ขึ้นมา
กลุ่มจะรวบรวมคนประเภทเดียวกันเอาไว้ ด้วยความตั้งใจที่แตกต่างกัน บางกลุ่มก็มีจุดมุ่งหมายจะพาคนในกลุ่มกลับไปยังโลกใบเก่า บางกลุ่มก็หวังจะใช้ชีวิตในโลกใบนี้ หรือไม่...บางกลุ่มที่คิดแตกต่างออกไปอีกก็มี
กลุ่มรุ่งโรจน์คือหนึ่งในนั้น สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการปรับตัวใช้ชีวิตในโลกนี้ แต่ที่มันแปลกแยกออกไปคือวิธีการคัดคนเข้ากลุ่มของพวกเขา
แข็งแรง ฉลาด และมีไหวพริบ นั่นเป็นกฎของการคัดคนเข้าไปภายในกลุ่มรุ่งโรจน์
ฟังดูเหมือนจะเข้าใจง่าย แต่การทดสอบนั้นยากจนคนที่สอบผ่านแล้วได้เข้ากลุ่มที่เพียงแค่ 10 กว่าคนเท่านั้น และด้วยบททดสอบแบบนี้ กลุ่มรุ่งโรจน์เลยมักจะถูกเรียกว่ากลุ่มที่เห็นแก่ตัวมากที่สุดอยู่เสมอ
แต่ก็ต้องยอมรับ ว่ากลุ่มของพวกเขานั้นแข็งแกร่งและมีอิทธิพลสูงมากจริงๆ
"ไปกันเถอะอรัญ มองพวกเขาไปก็เสียเวลาล่ามอนสเตอร์ซะเปล่าๆ"
พลพาผมออกมาจากเมืองเพื่อไปล่ามอนสเตอร์ต่อ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนเข้าเสียแล้ว
"สนใจเขางั้นเหรอครับ?"
"อา..ดูจากอาวุธที่ถือคงเป็นคนที่เก่งใช้ได้เลย"
บทสนทนานั้นถูกเอ่ยขึ้นอย่างลับๆ จากชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้า..
...ของกลุ่มรุ่งโรจน์