"แกเป็นใครกันแน่.."
คำถามนั่นถูกส่งมาจากหญิงสาวที่ถือมีดขู่ผม สายตาของเธอดูอันตรายจนทำให้ผมไม่กล้าจะขยับตัว
"ผมแค่ได้ยินเสียง..ขอความช่วยเหลือ..."
เมื่อได้ยินคำตอบ หญิงสาวก็มีท่าทางเปลี่ยนไป เธอดูแปลกใจกับสิ่งที่ผมตอบ
"หมายความว่ายังไง ทั้งที่แกเลเวลแค่ 35 แท้ๆ"
ผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอหมายความว่ายังไง เพราะผมเลเวลน้อยเลยไม่มีสิทธิ์ช่วยคนอื่นอย่างงั้นเหรอ
หรือเพราะเธอเป็นห่วงผมกัน ไม่ไหวแฮะ ทำความเข้าใจไม่ได้เลย
"เอ่อ..คือผมแค่อยากช่วย"
"อย่ามาเล่นลิ้น ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น"
ปลายมีดของเธอจ่อเข้ามาที่ลำคอของผม สัมผัสได้เลยว่ามันพร้อมจะเฉือนคอหอยของผมได้ตลอดเวลา
แต่ถึงแบบนั้นผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าตัวเองทำอะไรผิด
"แล้ว...คุณหมายถึงอะไรงั้นเหรอครับ?"
ผมพยายามปรับความเข้าใจกับเธอ แต่เหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์แล้ว
ฉึก!
คมมีดเฉือนคอของผมจนสัมผัสได้เลยว่ามันขาด ผมรีบเอามือมาจับที่คอเพื่อพยายามห้ามเลือด แต่ก็รับรู้ได้ว่ามันสายเกินไปแล้ว
"ทำไมแกถึงได้ยินเสียง ตอนที่ฉันเปิดใช้สกิลได้กันนะ.."
สกิล? เธอเปิดใช้สกิลอะไรด้วยงั้นเหรอ
"ช่างเถอะ คงจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ การที่คนระดับนี้จะเจาะทะลวงสกิลของฉันได้คงไม่มีทาง"
ผมพยายามจะส่งเสียง แต่เหมือนว่าตอนนี้เส้นเสียงของผมมันจะขาดออกไปแล้ว
ร่างของผมล้มลงกับพื้น มือจับไปที่คอ แม้จะเจ็บปวดแต่กลับไม่สามารถกรีดร้องออกมาได้
"ขอโทษด้วยนะ ทั้งที่เลเวลน้อยแท้ๆ แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาอะไรจากนายไปก็แล้วกัน"
หญิงสาวมองผมพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่ผมจะเห็นว่าตัวของเธอค่อยๆ จางหายไป
จู่ๆ ตัวของเธอก็หายไป สกิลล่องหนงั้นเหรอ?
"ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันใหม่ ลาก่อน.."
สิ้นเสียงนั่น ภาพตรงหน้าของผมก็ค่อยๆ จางและมืดดับลง
'คุณเสียชีวิต..'
'..ด้วยอาชีพผู้ใช้คุณไสย ระบบกำลังคืนชีพให้คุณ'
"อ่อก..!!"
ผมฟื้นขึ้นมาพร้อมกับจับไปที่คอของตัวเอง ตอนนี้แผลทุกอย่างได้หายไปแล้ว แต่สิ่งที่ผมสงสัย
เมื่อกี้มันระบบแจ้งเตือนคล้ายเดิม หรือว่ามันจะพาผมไปยังอนาคตอีกนะ
ผมคิดฟุ้งซ่านไปได้สักพัก ก่อนจะเหลือบไปเห็นดาบเล็กสองเล่มและเกราะขนาดเล็กที่ตกอยู่บนพื้น
นั้นเป็นหลักฐานว่าผมยังอยู่ที่เดิมเวลาเดิม ทำให้รู้สึกโล่งใจ
"ขอหน่อยนะครับ.."
ผมหยิบดาบเล็กเล่มหนึ่งมาเก็บเอาไว้กับตัว ก่อนจะพาตัวเองออกมาจากตรอกนั่น
ก็นะ ตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องมีอาวุธก่อน ที่เหลือจะยังไงก็ค่อยว่ากัน
"เฮ้อ...เพราะเราคิดจะไปช่วยคนอื่น ก็เลยโดนหักหลังสินะเนี่ย"
ผมคิดกับโชคชะตาของตัวเองแบบนั้น แต่มันก็นะ..
"ถ้าเราไม่ได้คนอื่นช่วยก็ลำบากด้วยสิ..ช่วยไม่ได้แฮะ.."
ผมยกมือขึ้นเพื่อฮึดสู้ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเกิดเรื่องที่เลวร้ายกับตัวเอง แต่เดี๋ยวสักวันมันก็คงจะดีขึ้นเองล่ะมั้ง
"ช่วงนี้คงต้องอยู่คนเดียวไปก่อน"
ผมคิดกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะมุ่งหน้าออกไปเพื่อล่ามอนสเตอร์ เพราะการที่ผมแพ้ส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะเลเวลอันน้อยนิดของตัวเอง
แต่ระหว่างที่ผมกำลังเดินออกไปจากเมือง สายตาของคนบางกลุ่มก็จ้องมองมายังตัวของผมโดยที่ไม่ทันได้รู้สึกตัว
"เจ้านั่นดูเป็นไง ถือดาบเหล็กที่เป็นของมีราคาเลยไม่ใช่เหรอ?"
"ดูจากการเดินไปไหนคนเดียวแปลว่าเป็นพวกลุยเดี่ยวสินะ แบบนี้สิของชอบเลย"
"แต่เดี๋ยวก่อนนะ ดาบเล่มนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนเลย.."
ชายหนุ่มสองและหญิงสาวอีกคนพูดคุยกัน ก่อนจะตัดสินใจเดินตามมา
ฉับ!
คมดาบถูกตัดผ่านร่างของมอนสเตอร์กระต่ายยักษ์ จนตัวของมันสูญสลายไปในพริบตา
ผมจ้องมองเหล่าฝูงกระต่ายที่กลายเป็นเศษแห่งความมืดแล้วลอยเข้ามาในตัวของผม ก่อนจะหันไปมองดาบที่ตัวเองเพิ่งจะขโมยมา
เพียงแค่การฟันเพียงครั้งเดียวก็กำจัดกระต่ายยักษ์ได้ง่ายๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดาบเล่มนี้คือของดีคุณภาพสูงอย่างแน่นอน
'ชื่อ อรัญ อาชีพ ผู้ใช้คุณไสย
เลเวล 36 ความชำนาญสูงสุด ดาบเขี้ยวอสรพิษ (เล็ก)
สกิล มนต์ดำสูบชีพ
ค่าสติสัมปชัญญะ 100%'
แค่ชื่อดาบก็บ่งบอกได้แล้วว่ามันคงจะเป็นของดี แบบนี้ผมคงจะฟาร์มเจ้าพวกนี้ได้สบายไปสักพักเลย
ผมกำดาบเล่มนี้เอาไว้แน่น ก่อนจะมุ่งหน้าลึกเข้าไปภายในป่า
โดยที่ไม่ทันรู้ตัว ก็ได้มีใครบางคนเดินตามเข้ามาเช่นกัน
ภายในเมือง ณ บ้านหลังหนึ่ง
หญิงสาวสองคนกำลังนั่งคุยกันเกี่ยวกับข้อมูลที่ตนเพิ่งจะได้รับภายในวันนี้
"เธอคิดว่ายังไง เกี่ยวกับสิ่งที่อัญชันเล่าเอาไว้"
หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเอ่ยถาม พร้อมกับหันหน้าไปยังหญิงสาวในชุดคลุมสีเหลือง
"เกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่มีควันสีดำปกคลุมร่างกายหลังจากตายอย่างงั้นเหรอ"
"อา..เธอไม่คิดว่ามันน่าสนใจเหรอ"
บทสนทนาของทั้งสองคนเป็นไปอย่างลื่นไหล อาจจะเพราะส่วนหนึ่งแล้วทั้งสองคนรู้สึกสนใจต่อสิ่งที่เพิ่งได้ฟังเป็นพิเศษ
"เท่าที่มีข้อมูล เหมือนมันจะไม่มีเวทมนตร์แห่งความมืดตัวไหนเลยที่จะส่งผลหลังจากตายนะ"
หญิงสาวในชุดคลุมสีเหลืองเอ่ย พร้อมกับหยิบหนังสือมาเปิดอ่านไปด้วย
แต่ไม่ว่าหญิงสาวจะเปิดมันไม่เยอะแค่ไหน บันทึกเล่มนั้นกลับไม่สามารถตอบคำถามของเธอได้เลย
"คิดว่ายังไง เราควรจะเอาตัวของเขามาเป็นของเราไหม?"
"อย่าเสี่ยงเลย กุหลาบ พวกเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเขาเป็นตัวอะไรกันแน่"
หญิงสาวในชุดคลุมสีเหลืองเอ่ยตอบ ก่อนจะกลับไปนั่งอ่านหนังสือของเธอต่อ
"สมกับเป็นเธอเลยนะ ดาวเรือง เอาเถอะ ยังไงซะปล่อยให้อัญชันยืนยันตัวตนของเขาให้ได้ก่อนก็แล้วกัน"
ผมใช้เวลาไปสักพักใหญ่เลยกับการต่อสู้กับมอนสเตอร์พวกนี้ และเหมือนพวกมันจะตอกย้ำผมอยู่หน่อย
ด้วยดาบเล่มใหม่ผมสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ในแถบนี้ได้ทุกตัว แถมยังสบายๆ ไร้รอยขีดข่วน
โดยความสบายนี้ก็ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหมีอัญมณี ที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นมอนสเตอร์ที่ผมสู้ด้วยยาก แต่ตอนนี้แค่การฟันเพียงครั้งเดียว ร่างของมันก็ถูกแยกออกเป็นสองท่อนได้อย่างดาย
"ความแข็งแกร่งนี่ รุนแรงจนน่ากลัวเลยแฮะ"
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าผมถูกดาบนี่ฟันตั้งแต่ตอนนั้น ร่างของผมจะเละขนาดไหน แถมมันคงจะเจ็บปวดมากแน่ๆ
ผมกอดตัวเองหลังจากที่คิดได้แบบนั้น ก่อนจะเก็บดาบแล้วตัดสินใจเดินกลับ เพราะอีกไม่นานก็ใกล้จะค่ำแล้ว และผมก็ไม่ใช่พวกที่ออกล่าตอนกลางคืนเสียด้วย
แต่ในตอนที่ผมหันหลังกลับไป เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
"ช่วยด้วย ใครก็ได้!!"
เสียงตะโกนนั้นดังลั่นป่า แต่จะบอกว่ายังไงดี มันใกล้กับจุดที่ผมอยู่เอามากๆ ราวกับเสียงนั่นจงใจให้ผมไปหาเลย
พอได้ยินเสียงผมก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน เพราะเหตุนั้นมันเลยทำให้ผมลังเลอยู่นิดหน่อย แต่สุดท้าย..
ฝีเท้าของผมก็วิ่งตรงไปตามเสียงนั่นอยู่ดี อาจจะเป็นความคิดที่แย่ก็ได้ แต่อย่างน้อยผมก็ไม่อยากเสียใจทีหลัง
เหมือนกับตอนนั้น ตอนที่รถได้ตกลงไป ตอนที่เสียงของพ่อและแม่ดังก้องภายในหัว
ถ้ามีสิ่งที่ผมทำได้ ผมก็อยากจะทำ
ผมใช้เวลาไม่นานในการไปถึงจุดที่ว่า ก่อนจะเห็นหญิงสาวคนหนึ่งถูกห้อยติดอยู่กับต้นไม้
เธอเป็นหญิงสาวร่างเล็กผมสีดำ เธอไว้ผมทรงทวิลเทลปล่อยยาว แถมยังใส่แว่นกลม ทำให้เธอดูบอบบางไร้พิษภัย
หรืออย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมเห็น..
"ช่วยด้วย ฉันติดอยู่ตรงนี้ ใครก็ได้!!"
เสียงตะโกนของหญิงสาวยังดังก้อง สภาพเสื้อผ้าของเธอเปื้อนโคลนดูมอมแมม
ผมดูสถานการณ์สักพักหนึ่งก่อนจะตัดสินตรงเข้าไปหาเธอ ตอนนั้นเองที่เธอร้องไห้ออกมา
"ขอบคุณนะคะ คุณจะมาช่วยฉันใช่ไหม ฮือๆๆ.."
หญิงสาวคนนั้นเอ่ยทั้งน้ำตา พร้อมกับประกบไหว้ผมยกใหญ่
"อา..ครับ"
ไม่รู้จะตอบกลับยังไงเลยแฮะ พอเจอเรื่องราวตอนกลางวันมาผมก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
ผมตัดเชือกที่มัดขาและดึงเธอไว้ด้านบนออก ก่อนจะค่อยๆ พาเธอลงมาข้างล่างอย่างปลอดภัย
แต่ก็ไม่ลืมที่จะระวังตัว ผมคอยมองเธอตลอดการช่วยเหลือนั่น
"ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ จะไม่ลืมบุญคุณไปชั่วนิรันด์เลย"
หญิงสาวคนนั้นเอ่ยพร้อมกับก้มหัว เสียงของเธอในตอนนี้ยังคงสะอื้นอยู่เลย
"ครับ ถ้างั้นผมขอตัว.."
ผมเดินถอยหลังพร้อมกับบอกเธอไปแบบนั้นเพื่อจะรีบออกไปจากตรงนี้ แต่ไม่นานนักก็มีเสียงคนเดินเข้ามา
ชายหนุ่มตัวสูงสองคน และหญิงสาวที่เดินตามมาจากด้านหลัง
"เฮ้ยๆ นี่แกจะมาทำอะไรกับเหยื่อพวกเราวะ"
"อุตส่าห์ติดกับดักอย่างดีเอาไว้ แต่ไหงมันถูกทำลายเละแบบนี้เนี่ย"
ชายหนุ่มทั้งสองเดินเข้ามาหาผมก่อนจะเริ่มเอ่ยถาม ส่วนหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็เริ่มยิ้ม
"นี่แกน่ะ ช่วยส่งหญิงสาวข้างหลังมาได้ไหม เธอเป็นเหยื่อของพวกฉันน่ะ"
หญิงสาวเอ่ยปาก ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผม แต่หญิงสาวแว่นกลมก็เข้ามากอดแขนของผมเพื่อทำท่าเรียกร้องให้ช่วย
จากท่าทางที่แสดงออกมาทำให้ผมยกดาบขึ้นมาหวังขู่พวกเขา อย่างน้อยสิ่งที่ควรจะทำตอนนี้คือเปิดทางหนี
"เฮ้ยๆ จะเอาเหรอแก มีแค่ดาบเล็กเล่มเดียวยังคิดจะสู้อีกเหรอ"
"ยอมแพ้ซะจะดีกว่ามั้ง นี่ก็เพื่อตัวแกเองนะ"
ชายสองคนนั้นเริ่มหยิบอาวุธของตัวเองออกมา คนหนึ่งถือค้อน ส่วนที่คนเป็นขวาน
หญิงสาวด้านหลังไม่ได้หยิบอะไร เธอเพียงหัวเราะและเอ่ยออกมาสั้นๆ
"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ทิ้งของทุกอย่างของแกเอาไว้ที่นี่ซะ แล้วฉันจะปล่อยพวกแกทั้งคู่ไป"
ผมจ้องมองพวกเขาตาไม่กระพริบ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปากพูด
"ผมจะไม่ปล่อ---"
แต่ยังไม่ทันจะได้พูดจบ ร่างของผมก็ชาจนทรุดนั่งลง
เกิดอะไรขึ้น ทำไมร่างกายของผมถึงขยับไม่ได้
"ฮ่าๆๆๆๆ ดูสิ่งที่มันกำลังจะพูดสิ อย่างกับพระเอกในการ์ตูน"
"สมแล้วละนะที่รองหัวหน้า คุณเหมาะสำหรับฉายางูพิษมากที่สุดแล้ว"
"อย่าพูดแบบนั้นสิ อย่างน้อยเด็กคนนี้เขาก็ระวังอยู่ตลอด ถ้าไว้ว่าเขามากเดี๋ยวก็ไม่มีกำลังใจใช้ชีวิตกันพอดี"
บทสนทนาของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนที่หญิงสาวใส่แว่นจะเดินเข้ามาตรงหน้าแล้วหันหัวของผมขึ้น
"ทำไม.."
ผมพอจะขยับปากได้นิดหน่อยทำให้สามารถสื่อสารได้ แต่อาการชาก็ยังทำให้ตัวของผมหยุดนิ่ง
"ขอโทษทีนะ แต่โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ"
หญิงสาวคนนั้นปล่อยหัวของผมลงก่อนจะก้มไปหยิบดาบเล็กที่ผมทำตกเอาไว้ เธอมองดาบเล่มนั้นสักพักก่อนจ่อมันเข้าที่คอของผม
"นี่ พอจะบอกได้ไหมว่าไปได้เจ้าดาบเล่มนี้มาจากไหน"
หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับแรงอาฆาต เหมือนว่าเธอจะรู้จักกับเจ้าของดาบ
"เฮ้ย อย่าบอกนะว่านั่นมันของริค ที่มันบอกว่าถูกจัดการแล้วถูกขโมยของไป"
"โอ้ ถึงว่าล่ะดาบเล่มนี้ดูคุ้นๆ แกเองสินะ"
"แต่เจ้าพวกนั้นแพ้ให้กับเด็กนี่งั้นเหรอ? แบบนี้พวกเราก็ยศสูงกว่าแล้ว"
บทสนทนาเกิดขึ้นที่ด้านหลังของหญิงสาวอย่างสนุกสนาน แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวที่อยู่หน้าของผมจะไม่สนุกด้วย
เธอจ้องมองผมด้วยสายตาอาฆาต เหมือนกับตอนนั้น
คุ้นเคยชะมัด..นี่ผมจะตายเพราะความเชื่อใจอีกรอบแล้วงั้นเหรอ?
"ผม...จัดการ...เขา..เอง..."
ผมเอ่ยปากตอบเธอไปแบบนั้น อย่างน้อยก็ให้ทุกอย่างมาลงที่ตัวของผม
แบบนี้..ดีแล้วล่ะ เอาไว้เกิดครั้งหน้าค่อยแก้ไขใหม่ก็แล้วกัน
"งั้นเหรอ..ถ้างั้นฉันขอดาบเล่มนี้คืนก็แล้วกัน"
หญิงสาวง้างดาบขึ้น แต่ก่อนที่มันจะฟันเข้ามาที่หัวของผม
ฉับ! ฉับ!!
"ร..รองหัวหน้---"
ฉับ!!!
เพียงพริบตาเดียว ศีรษะของผู้ติดตามทั้งสามก็ถูกตัดจนขาดด้วยคมมีดสีฟ้า ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะสลายหายไป
"อะไรกัน! นักฆ่างั้นเหรอ!!"
ฉับ!!
สิ้นเสียง ศีรษะของหญิงสาวก็ถูกตัดออกไปอย่างง่ายดาย
"ถ้าอยากรอดชีวิต ก็อย่ามัวแต่พูดมาก"
หญิงสาวที่ทำการสังหารผู้คนทั้งสี่เอ่ยขึ้น ก่อนที่เธอจะเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของผม
คมมีดและใบหน้านั้นทำให้ผมยังจดจำเธอได้ เธอคือหญิงสาวที่ทำการสังหารตัวของผมไปเมื่อตอนกลางวัน
"คุณ..."
"ฝีมือดีใช้ได้เลยนี่..."
ผมพยายามจะพูดกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะยังไม่จบ
ร่างของหญิงสาวสวมแว่นตาที่หัวขาด จู่ๆ ก็จางหายไปราวกับเป็นเพียงหมอกควัน
ก่อนที่เธอจะปรากฎตัวอีกครั้งที่เบื้องหน้าของพวกเราทั้งสอง ในสภาพปกติดี
"สกิลหลบเลี่ยงจุดตายงั้นเหรอ? เธอเองก็เป็นนักฆ่านี่"
หญิงสาวที่เคยฟันคอของผมเอ่ยก่อนจะหันกลับไป เธอยกมีดคู่ขึ้นทำท่าเตรียมต่อสู้
หญิงสาวสวมแว่นก็เช่นกัน เธอยกดาบเล็กที่ชิงไปจากตัวของผมขึ้นเล็งไปด้านหน้า
"รองหัวหน้ากลุ่มอสรพิษ วิปร่า"
หญิงสาวสวมแว่นเอ่ยนามของตัวเองขึ้น ก่อนที่ผมจะสัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนไป
หญิงสาวที่ตัดคอของผมก็เช่นกัน สัมผัสได้เลยว่าเธอปล่อยออร่าแห่งความน่ากลัวออกมา เธอก้มตัวลงต่ำพร้อมกับเอ่ยแนะนำตัว..
"คมมีดบุปผาสีน้ำเงิน อัญชัน"