Sign on love ❤️ เดิมพันรัก มาเฟียร้าย ตอนที่ 2 หนุ่มเสเพลที่ใจกล้าบ้าบิ่น

2381 คำ
ณ บ้านร้างแห่งหนึ่งบนภูเขากรรฐยืนพิงต้นไม้ทอดสายตามองไปยังบ้านหลังนั้นด้วยท่าทีเกียจคร้านแฝงไปด้วยความเสเพลอยู่หลายส่วนมือเรียวยาวขาวดั่งหยกค่อยๆดึงบุหรี่ออกจากริมฝีปากสีไวน์ควันสีเทาหม่นพลันพวยพุ่งขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะค่อยๆจางหายกลายเป็นสายลมโบกพัดไปมาแผ่วเบาให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายดวงตาดอกท้อคู่งามเจือไปด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยอันตรายทำให้ลูกน้องทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ข้างๆพลันรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเพราะทุกครั้งเวลาที่เจ้านายของพวกเขายิ้มแบบนี้ทีไรก็มักจะมีคนตายทุกครั้งไปลางสังหรณ์ในใจบอกพวกเขาว่าภารกิจช่วยเหลือเด็กที่ถูกลักพาตัวในวันนี้จะต้องมีคนตายอย่างแน่นอน “ลงมือเลยไหมครับนาย ?” ร่างสูงที่อยู่ในชุดดำอำพรางตัวเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยท่าทีกระตือรือร้น “อืม ไม่ต้องถึงตาย” น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยเอ่ยบอกลูกน้องที่ก้มหน้ารับคำสั่งของเขาก่อนที่ลูกน้องทั้งสี่คนของกรรฐ์จะทะยานร่างไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบากรรฐ์ทิ้งบุหรี่ที่อยู่ในมือลงบนพื้นพร้อมใช้ฝ่าเท้าบดขยี้จนแหลกละเอียดเป็นผุยผงเมื่อแน่ใจว่าประกายไฟมอดดับไปแล้วเขาจึงเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างไปทั่วผืนฟ้าก่อนที่ร่างสูงจะเร้นกายหายลับไปในความมืดราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน “อ๊ะ...” เสียงร้องของคนที่ทำหน้าที่เฝ้าเวรยามในค่ำคืนนี้ยังไม่ทันเปล่งออกมามือของกรรฐ์ที่กุมอยู่ที่ลำคอของอีกฝ่ายก็ออกแรงบิดปลิดลมหายใจของอีกฝ่ายทิ้งทันทีทำเอาเดม่อนหรือเดฟลูกน้องคนสนิทที่เดินตามหลังกรรฐ์มาติดๆถึงกับเลิกคิ้วด้วยความงุนงงเขาจำได้ว่าก่อนหน้าที่จะบุกเข้ามาเจ้านายของเขาบอกว่าไม่ต้องเอาให้ถึงตายแล้วนี่มันอะไรกันทำไมเจ้านี่ถึงได้นอนตายตาไม่หลับแบบนี้ “จะยืนบื้ออยู่อีกนานไหม ?” กรรฐ์เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทที่ยืนมองคนชั่วที่นอนตายอยู่บนพื้นหญ้าด้วยสีหน้าโง่งมจนทำให้เขาอยากจะจับเจ้านี่ไปผ่าสมองวิเคราะห์ดูสิ่งที่อยู่ในหัวจริงๆว่าทำไมถึงได้ซื่อบื้อแบบนี้ “แฮะ แฮะ ไปแล้วครับไปแล้ว” เดฟรีบเอ่ยตอบเจ้านายที่กำลังปรายตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงปราดเปรียวจะวิ่งจากไปอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นฝุ่นทิ้งให้กรรฐ์ได้แต่ยืนส่ายหน้าไปมาด้วยความจนใจกับนิสัยที่ดูค่อนข้างใสซื่อของเดฟทั้ง ๆที่เป็นนักฆ่าฝีมือดีอันดับห้าที่ถูกนักล่าตั้งราคาค่าหัวอยู่ที่หลักร้อยล้านแต่นิสัยของเดฟบางครั้งกลับใสซื่อราวกับเด็กน้อย กรรฐ์กับลูกน้องใช้เวลาเพียงไม่นานกองกำลังฟาอิซทั้งหมดก็ถูกจับเป็นและจับตายซึ่งการจับตายนั้นล้วนเป็นฝีมือของกรรฐ์ที่จัดการกับอีกฝ่ายอย่างไร้ความปราณียิ่งในยามที่เขาเห็นพวกมันบางคนกำลังทำร้ายร่างกายของเด็กน้อยที่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวปืนในมือของกรรฐ์ก็ยกขึ้นกดลั่นไกปลิดชีพโจรชั่วเหล่านั้นอย่างไม่ลังเลทันที “จับพวกมันมัดรวมกันเอาไว้” กรรฐ์เอ่ยสั่งลูกน้องทั้งสี่คนที่ก้มหน้ารับคำสั่งพร้อมแยกย้ายกันไปจัดการส่วนกรรฐ์เองก็เดินเข้าไปหาเด็กๆที่กำลังนั่งเกาะกลุ่มกันพลางร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวถึงแม้ว่าทุกคนที่ถูกจับมาจะไม่รู้ว่าใครคือคนที่มาช่วยตนเองแต่ก็ยังมีเด็กน้อยที่ใจกล้าเอ่ยถามกรรฐ์ที่เดินมาหยุดลงตรงหน้าด้วยความอยากรู้ “พวกพี่มาช่วยพวกผมใช่ไหม?” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหวาดระแวงเอ่ยถามชายหนุ่มที่ย่อตัวลงนั่งยอง ๆอยู่ตรงหน้าตนเองก่อนที่ชายคนนั้นจะพยักหน้าตอบรับทำให้เด็กน้อยพากันเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความดีใจดวงตากลมโตสุกใสที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองชายหนุ่มที่ปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณพี่ชายมากที่มาช่วยพวกเรา” เด็กน้อยที่ดูโตกว่าทุกคนในกลุ่มประสานมือก้มหัวลงเล็กน้อยพร้อมเอ่ยขอบคุณกรรฐ์ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจต่อให้พี่ชายใจดีจะไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าให้ทุกคนได้เห็นแต่ความช่วยเหลือที่พวกเขาได้รับในวันนี้จะอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป “ต่อไปอย่าพากันออกมาเล่นไกลหมู่บ้านอีกนะ” กรรฐ์ยกมือขึ้นลูบหัวเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่เขาจะหยิบอมยิ้มในกระเป๋าเสื้อออกมายื่นให้เด็กชายตัวน้อยที่ยังคงมีท่าทีลังเลไม่กล้ารับ “อมยิ้มปลอบใจรับรองว่าปลอดภัยไม่มีอันตรายแน่นอน” ได้ยินดังนั้นเด็กๆก็ไม่รอช้ารีบพากันยื่นมือมารับอมยิ้มด้วยท่าทีผ่อนคลายบนใบของทุกคนล้วนประดับด้วยรอยยิ้มถึงแม้จะเผชิญกับความหวาดกลัวระคนตื่นตกใจมาตลอดทั้งช่วงบ่ายแต่เมื่อได้รับการช่วยเหลือและเยียวยาจิตใจด้วยอมยิ้มทุกคนต่างก็ดีใจเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าเพิ่งมีครั้งแรกเด็กๆ ทุกคนต่างได้ยินเรื่องเล่าก่อนหน้านี้ที่เด็กสาวในหมู่บ้านถูกจับตัวไปแต่สุดท้ายก็ถูกช่วยกลับคืนมาได้อย่างปลอดภัยโดยที่ไม่รู้ว่าใครคือคนที่บุกเข้าไปช่วยเพราะกว่าทหารจะไปถึงพวกที่จับตัวไปก็ถูกฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยมแล้ว “นั่งรอพี่ทหารกันตรงนี้นะครับรอไม่นานเดี๋ยวพวกพี่ๆเขาก็มาแล้ว” กรรฐ์ยกมือขึ้นลูบหัวเด็กชายตัวน้อยที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มพร้อมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายดวงตากระจ่างใสจ้องมองร่างสูงที่ลุกขึ้นเดินจากไปด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์เห็นเพียงแผ่นหลังที่เหยียดตรงและก้าวเดินที่มั่นคงเพียงไม่นานพี่ชายใจดีพร้อมเพื่อนๆก็จากไปจนกระทั่งพวกเขาถูกช่วยเหลืออีกครั้งโดยกองกำลังทหารที่คอยดูแลปกป้องรักษาหมู่บ้านติดชายแดนของพวกเขา “ฝีมือคนๆนั้นอีกแล้วครับ” ร้อยเอกเอ็ดเวิร์ดเหลือบมองลูกน้องที่เดินเข้ามารายงานด้วยท่าทีสงบนิ่งใบหน้าหล่อเหลาที่ติดจะเย็นชาเพียงพยักหน้ารับเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่ทหารใต้บังคับบัญชาจะเดินจากไปเพื่อจัดการกับพวกกองกำลังฟาอิซที่ถูกจับมัดรวมกันเอาไว้อย่างแน่นหนา รอยยิ้มบางเบาจึงค่อยๆปรากฏขึ้นบนมุมปากของเอ็ดเวิร์ดเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวภายใต้ความมืดสายลมเย็นๆพัดโชยเอื่อยเข้ามาพร้อมกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา บุคคลลึกลับคนนั้นที่ลูกน้องของเขาเข้ามารายงานเอ็ดเวิร์ดรู้ดีว่าเขาคือใครเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ชายคนนั้นทำแบบนี้เรียกได้ว่าหลายครั้งหลายคราแล้วที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลแปลกหน้าที่ฝีมือร้ายกาจยิ่งกว่ากองกำลังทหารของเขาครั้งแรกที่ได้รับความช่วยเหลือเขายังไม่รู้ว่าบุคคลลึกลับคนนั้นคือใครแต่ในครั้งต่อมาเมื่อเขาพยายามตามสืบอีกฝ่ายจงใจทิ้งร่องรอยเอาไว้เอ็ดเวิร์ดจึงรู้ว่าบุคคลลึกลับที่มากความสามารถคนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกลเขาคือเพื่อนใหม่ที่เอ็ดเวิร์ดให้ความสนิทสนมแบบไว้ใจอย่างคุณหมอลุกซ์นั้นเอง ระยะเวลาเพียงสามเดือนที่คุณหมอหนุ่มคนนี้ปรากฏตัวขึ้นเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในค่ายทหารที่เอ็ดเวิร์ดดูแลอยู่พื้นที่ในเขตสงครามนั้นหายากที่จะมีหมอมาประจำการถ้าหากไม่ใช่คนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์อยากจะช่วยเหลือคนไข้จริงๆก็คือพวกใจกล้าบ้าบิ่นที่ไม่กลัวตายสำหรับลุกซ์เพื่อนใหม่คนนี้เอ็ดเวิร์ดมองว่าเขามีทั้งอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่และความใจกล้าในแบบที่เขายังเทียบไม่ติดตอนที่สงครามเพิ่งจบลงเขาก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความมึนงงของกลุ่มแพทย์อาสาที่ถูกส่งตัวมาช่วยเพราะในนั้นไม่มีรายชื่อของเขาแต่เขากลับยื่นเอกสารยืนยันตัวตนความเป็นหมอของเขาอย่างครบครันทุกคนจึงวางใจให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากสงครามในครั้งนี้แต่ใครจะคาดคิดว่าเขากลับทำเกินกว่าหน้าที่ของตัวเองไปมากทีเดียว “จริงๆเลยน้าเจ้าเพื่อนคนนี้จะจากไปทั้งทียังไม่วายทำตัวเป็นฮีโร่ให้คนจดจำไม่ลืม” มุมปากของเอ็ดเวิร์ดกดลึกเป็นรอยยิ้มจริงใจที่ยากจะได้พบเห็นก่อนที่เขาจะหมุนตัวและเดินกลับไปรวมกลุ่มกับลูกน้องที่จัดการเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วเด็กทุกคนได้รับการช่วยเหลือและส่งตัวคืนให้ครอบครัวอย่างปลอดภัยส่วนพวกกองกำลังที่เหลืออยู่ต่างถูกส่งตัวให้ทางการจัดการตามความเหมาะสมหมู่บ้านเอลเคลต์กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้งพร้อมการเดินทางจากไปของคุณหมอลุกซ์ที่สร้างความเศร้าโศกเสียใจกับคนในหมู่บ้านรวมถึงคุณหมอเลน่าที่ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะได้เอ่ยคำลากับเขา ณ กรุงปารีส ไนท์คลับ “ตกลงว่าจะกลับเมืองไทย ?” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าผมสีบลอนด์รูปร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยท่าทีเกียจคร้านแต่กลับน่ามองด้วยความอยากรู้ “อืม ทำตัวเหลวไหลมานานแล้วอยากจะกลับไปทำตัวเป็นเด็กดีของครอบครัวบ้างน่ะ” มุมปากของเดรคพลันกระตุกเมื่อได้ฟังคำพูดที่ดูไร้ความจริงใจของเพื่อนสนิทที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นว่าเพื่อนของตนเองจะทำตัวเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทของครอบครัวเลยสักครั้งทุกคำพูดทุกการกระทำล้วนแต่ดื้อรั้นเอาแต่ใจเวลาที่คิดอยากจะไปไหนก็ไปทันทีเวลาที่คิดอยากจะกลับมาก็กลับมาทันทีเช่นกันช่างเป็นเพื่อนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้และหาตัวพบได้ยากมาก “นี่นายกำลังพล่ามเรื่องไร้สาระให้ใครฟังกันที่ผ่านมาไม่เห็นว่านายจะทำตัวดีเลยสักครั้ง เวลาบอกให้นายไปทางซ้ายนายก็ดันไปทางขวาแต่พอบอกให้กลับมาทางขวานายก็วิ่งกลับไปทางซ้ายตลอด หึ ฉันว่านะลุกซ์วันดีคืนดีเกิดมีสาวถูกใจนายแล้วขอซื้อตัวไปเป็นนายบำเรอคงไม่ใช่ว่านายจะตอบตกลงอย่างไม่ลังเลหรอกนะ” เดรคเอ่ยหยอกล้อเพื่อนสนิทด้วยคำพูดติดตลกพร้อมหัวเราะออกมาด้วยความขบขันใครเลยจะคิดว่าดวงตาของกรรฐ์พลันทอแสงเปล่งประกายคล้ายกำลังเจอเรื่องตื่นเต้นที่น่าสนใจ “อืม ที่นายพูดมาก็น่าสนใจดีไม่หยอกถ้าวันหนึ่งเกิดบังเอิญมีคนบ้าอย่างที่นายว่ามาจริงๆฉันอาจจะตอบตกลงโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ปวดสมอง” เดรค “_” มุมปากของเดรคพลันกระตุกอีกครั้งดวงตาคู่คมจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าที่อยู่ในท่านั่งผ่อนคลายสบายอารมณ์ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มที่เดรคยากจะคาดเดาหรือจะให้พูดตามตรงก็คือเขาเดาความคิดของเพื่อนสนิทคนนี้ไม่เคยออกเลยสักครั้ง “หืม ? ไม่ใช่ว่านายหวงตัวหรือไงตอนนั้นฉันจำได้นะเว้ยว่านายปฏิเสธแม่ดาวเด่นคนสวยของที่นี่ยังไง ? นี่ถ้าไม่เลวจริงทำไม่ได้นะนั่น” เดรคเอ่ยเท้าความหลังถึงเรื่องราวเมื่อนานมาแล้วของกรรฐ์ที่มีอยู่วันหนึ่งในขณะที่พวกเขากำลังนั่งดื่มกันอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์อยู่ ๆก็มีสาวสวยเดินมาขอชนแก้วและเอ่ยชวนเพื่อนของเขาขึ้นเตียงอย่างตรงไปตรงมาแต่เพื่อนสนิทของเขากลับตอบปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าทำเอาสาวสวยคนไหนโมโหจนเผลอสาดเหล้าใส่หน้าของกรรฐ์คิดไม่ถึงว่ากรรฐ์จะสาดเหล้าใส่หน้าผู้หญิงคนนั้นคืนโดยไม่สนใจคำว่าสุภาพบุรุษเลยแม้แต่น้อยเพราะเพื่อนของเขาถือคติที่ว่าดีมาก็ดีตอบร้ายมาก็ร้ายตอบโดยที่ไม่เลือกเพศหรือเวลาเพื่อนเขาคนนี้ช่างเป็นคนที่ใจกล้าบ้าบิ่นจริงๆ “นั่นมันเรื่องเมื่อก่อนตอนนี้เปลี่ยนแล้ว” เหล้าที่เดรคเพิ่งดื่มเข้าไปแทบพุ่งออกจากปากเมื่อได้ฟังคำพูดที่พลิกกลับไปกลับมาของเพื่อนสนิทความคิดของหมอนี่คิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนง่ายๆเขาละอยากจะบ้าตายจริงๆ “นายนั่งดื่มไปก่อนนะเดี๋ยวฉันมา” ยังไม่ทันที่เดรคจะได้ต่อว่าต่อว่าขานเพื่อนสนิทว่าหน้าไม่อายกรรฐ์ก็ลุกขึ้นเดินล้วงกระเป๋าจากไปด้วยท่าทีเกียจคร้านเขาเดินมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณหลังร้านมือที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าก็ถูกดึงออกมาพร้อมบุหรี่กลิ่นหอมที่อยู่ในมือกรรฐ์ปล่อยตัวปล่อยใจดื่มด่ำไปกับสายลมเย็นๆควันสีเทาหม่นถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสีไวน์ครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมความคิดของเขาที่ค่อยๆล่องลอยไปไกลแสนไกลกลายเป็นภาพชายหนุ่มเสเพลชวนมองที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละสายตาไปจากภาพนี้ได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม