ตอนที่5 คอนโดเดียวกัน3

1449 คำ
ตรงทางเดินระหว่างประตูหน้าลิฟต์กับประตูห้องเพียงหนึ่งเดียวของชั้นบนสุดภายในคอนโดแห่งนี้ อิงอิงยังคงยืนมองอาหมิงของเธอตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจในชีวิตถึงแม้ว่าเขาจะกำลังด่าเธอด้วยสายตาเรียวคม ไม่ว่าเขาจะมองเธอด้วยสายตายังไง เธอก็ยอม ถ้าเขาอยากมอง เธอก็จะให้เขามองจนพอใจ ให้สมกับที่เธอทิ้งเขาไปไม่สามารถให้เขามองเธอได้เมื่อยามที่เขาอยากจะมอง อิงอิงคิดอย่างนั้นด้วยใจที่มีจุดยืนแน่วแน่มั่นคง อานนท์ยังคงยืนจ้องมองผู้หญิงที่หน้าด้านที่สุดในชีวิตของเขา นี่เธอคงยังกินกับพ่อของเขายังไม่อิ่มล่ะสิ ถึงได้ตามมาคิดจะกินเขาเข้าไปอีกคน “ตามติดกันอย่างนี้ ไม่คิดจะกลับห้องแบบนี้ เธอคงอยากจะกลายร่างเป็นพญาเทครัวเต็มที” น้ำเสียงเย็นเยียบราวมีดคมกริบเอ่ยออกมาอย่างที่คิด อีกแล้ว… “พญาเทครัวเหรอ” อิงอิงทวนคำเอียงหน้าน้อยๆ “เขาใช้กับผู้ชายที่คิดจะได้เสียกับผู้หญิงทุกคนในบ้านหรือเปล่า” “เธอก็ไม่ต่างนักหรอก” ประโยคนี้อานนท์ทิ่มอิงอิงเต็มๆ อิงอิงไม่โง่ เธอแน่ใจว่าอาหมิงมองเห็นเธอกำลังเดินอยู่กับเจ้าสัวเทียนชัยตรงทางเดินหน้าคอนโดด้านล่าง เขาคงเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นอีหนูของท่านเจ้าสัวแน่ๆ “คุณหมายถึงฉัน” อิงอิงพูดพร้อมยกนิ้วชี้ใบหน้าของตนเอง “กับท่านเจ้าสัว พ่อของคุณ” เธอว่าพร้อมกับวาดนิ้วชี้กลับไปที่เขา อานนท์ส่งเสียงฮึในลำคอเบาๆ บ่งบอกอารมณ์ดูถูกอิงอิงชัดเจน อิงอิงเห็นอย่างนั้นจึงถอนหายใจออกมาคำโต แล้วรีบปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับท่านเจ้าสัวนะ” “ผมไม่ใช่ควาย” อานนท์กระแทกเสียงใส่ “แน่นอน ควายไม่หล่ออย่างนี้” อิงอิงตอบกลับ “...!” “เอาเป็นว่าฉันไม่ใช่เมียน้อยพ่อของคุณ” “คุณสองคนรู้จักกัน พ่อของผมฝากงานให้ ซื้อคอนโดให้ และเดินเข้ามาพร้อมกันในคอนโดแห่งนี้ หรือไม่จริง” อานนท์พูดจายาวเหยียดใส่หน้าอิงอิงอย่างไม่คิดจะถูกหลอกด้วยคำปฏิเสธแบบหน้าซื่อตาใสนั่น “เอ่อ...ก็” คราวนี้อิงอิงถึงกับเถียงไม่ออกบอกไม่ถูก แน่นอนว่าเธอไม่มีทางยอมรับหรอกว่าเธอเป็นเมียน้อยของท่านเจ้าสัว แต่เธอจะปฏิเสธยังไงดี ดูๆ ไปแล้วอาหมิงของเธอกำลังคิดไปไกล ขืนเสียงแข็งต่อไปคงถูกต้อนไปจนพากันเดินถึงหน้าห้องแล้วเผลอๆ เขาอาจจะใช้สิทธิ์ความเป็นลูกชายเข้าห้องนั้นจนไปเจอกับท่านเจ้าสัวและน้ากัญญาแน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นน้ากัญญาอาจจะเดือดร้อนเอาได้ อานนท์เห็นผู้หญิงตรงหน้าทำแววตาครุ่นคิดอย่างนั้นจึงส่งเสียงในลำคอแกร่งเบาๆ อีกหนึ่งทีอย่างต้องการเย้ยหยัน หากจะโกหกกันก็ให้มันแนบเนียนหน่อย หน้าด้านเสียจริง “ที่จริงเธอน่าจะไปเป็นเลขาให้พ่อมากกว่า ไม่ใช่มาเป็นเลขาให้รองประธานต่ำต้อยอย่างนี้” อานนท์ยังคงพูดจากระแทกกระทั้นน้ำเสียงประชดประชัน “ไม่ได้หรอก จะทำอย่างนั้นได้ไงกันคะ” อิงอิงรีบพูดปฏิเสธทันที ท่านเจ้าสัวมีเลขากิติมาศักดิ์อยู่แล้ว และถ้าเธอไปเป็นเลขาให้ท่านเจ้าสัวคนคงสงสัยว่าเธอเป็นเมียน้อยของท่านเจ้าสัวอย่างไม่ต้องป่าวประกาศแน่ๆ แค่นี้คนตรงหน้ายังเข้าใจผิดอย่างแรงเลย “แน่นอนเธอทำไม่ได้ เพราะกลัวว่าคนจะรู้เรื่องระหว่างเธอกับพ่อ” อานนท์พูดตามจริงอย่างที่ใจคิด ปกติเขาเป็นคนถนอมคำพูด และไม่ชอบจะพูดจาเสวนายาวเหยียดกับใคร แต่กับผู้หญิงตรงหน้า ขอหน่อยเถอะ “เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง นั่นรุ่นพ่อเธอเลย” “หือ...” อิงอิงถึงกับหน้าเหวอ นี่เขาคิดไปกันใหญ่แล้ว อานนท์ที่กำลังมึนเมาจากฤทธิ์ของน้ำเหล้าที่ดื่มมากับเพื่อนก่อนหน้ารวมกับอารมณ์คุกรุ่นที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนจึงทำให้เขาไม่คิดจะถนอมคำพูดกับผู้หญิงตรงหน้าเลยสักนิด เขายังคงพูดต่อ “ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายอย่างเธอ ไปให้ห่าง ออกไป” อิงอิงเจอประโยคนี้เข้าไปถึงกับจุก แต่เธอจะหน้าด้านใครจะทำไม “ไม่ไป!” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเด่นชัด คราวนี้เป็นอานนท์บ้างที่รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก “ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะไม่ทำผิดอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณต้องอยู่คนเดียว อาหมิง” อิงอิงพูดจาชัดเจนทุกคำโดยไม่ทันได้คิดอะไร ทำเอาคนฟังถึงกับนิ่งอึ้งไปคล้ายกับเหวอไปชั่วขณะ “ฉันจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้ว อาหมิง ฉันจะอยู่กับคุณตลอดไป” อิงอิงพูดเสียงเบามากกว่าเดิมเพิ่มเติมคือความหมายที่ลึกซึ้ง “คุณจะไม่ต้องอยู่อย่างเดียวดายท่ามกลางผู้คนมากมายรายล้อม คุณจะไม่ต้องฝืนยิ้มทั้งๆ ที่ใจกำลังร่ำไห้ คุณจะไม่ต้องทุกข์ใจ...” “พูดบ้าอะไรของเธอ?” “...!” เฮ่อ! คนกำลังซึ้ง อิงอิงถอนหายใจอีกที อานนท์ที่รู้สึกแปลกๆ อย่างประหลาดกับคำพูดน้ำเน่าอย่างนั้นถึงกับรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา ผู้หญิงหลายคนที่พยายามเข้าหาเขาก็มักจะมีมารยาอยู่เป็นร้อยเล่มเกวียน แต่มุขนี้เขายังไม่เคยเจอ ทำเอาขนแขนของเขาลุกเกรียวเลยทีเดียว ผู้หญิงแต่งตัวเชยๆ ท่าทางเซอร์ๆ บุคลิกเฉิ่มๆ ผิดกับหน้าตาและคำพูดชวนขนหัวลุกแบบนี้ เกิดมาไม่เคยเจอ อานนท์ถึงกับยืนนิ่งก้มมองหน้าของอิงอิงอยู่อย่างนั้น อิงอิงที่เห็นอานนท์ยืนจ้องอยู่อย่างนั้นจึงยืนนิ่งยิ่งกว่าให้เขาได้จ้องมอง เอาเลย มองให้หนำใจ อยากมองตรงไหน เชิญ! หญิงสาวคิดอย่างนั้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้าใกล้ชายหนุ่มตรงหน้าอีกนิด ยื่นใบหน้าให้เขาอีกหน่อย แถมส่งยิ้มหวานๆ ให้อีกด้วย อานนท์ยิ่งก้มหน้ามองตาปริบๆ “ข้าคิดถึงท่าน” อิงอิงเงยหน้าขึ้นสูงพูดเสียงเบาๆ ใส่หน้าอานนท์ “เหมือนที่ท่านก็คิดถึงข้า” คราวนี้อานนท์ถึงกับเบิกตากว้าง อิงอิงที่เดินเข้ามาใกล้อานนท์จนได้กลิ่นเหล้าผสมกลิ่นกายของเขายังคงคลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้ ใบหน้าสวยหวานแต่โฉบเฉี่ยวจึงขยับอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายจนปลายจมูกเฉียดกัน “คุณกำลังยั่วผม” อานนท์พูดเสียงต่ำ เขากำลังได้กลิ่นหอมๆ ของผู้หญิงตรงหน้าผสมผสานสายตาสวยหวานซ่อนคมของเธอทำให้อารมณ์บางอย่างเริ่มมีขึ้นมา ทั้งฤทธิ์ของเหล้า ทั้งคำพูดโบราณชวนหลอน ทั้งใบหน้าใสซื่อที่ซ่อนความร้ายกาจนั่น ทำเอาเขาที่เคยสุขุมกลับรู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ เขาพยายามดึงสติของตนเองแล้วพูดเหยียดหยาม “หากคิดจะยั่วผมก็ควรแต่งตัวให้ดูดีมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่เสื้อยืดกางเกงผ้า” อิงอิงได้ยินอย่างนั้นยิ่งคลี่ยิ้มแล้วสวนกลับ “เรื่องนี้เสื้อผ้าไม่เกี่ยวเลย ใจสั่งมาล้วนๆ” “...” เมื่อก่อนไป๋กุ้ยอิงใส่อาภรณ์ของทหารมีชุดเกราะสีดำด้านด้วยซ้ำจ้าวหยางหมิงเซียนยังชมว่างาม อิงอิงคิดอย่างนั้นพร้อมรอยยิ้มที่หวานล้ำมากยิ่งขึ้น ดวงตาทอประกายลึกล้ำมากยิ่งขึ้น อานนท์ยิ่งรู้สึกแปลกๆ อย่างประหลาด เขาแน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอร์กับอารมณ์เพศโดยธรรมชาติจึงไม่ใส่ใจรายละเอียดอะไรในความรู้สึกแปลกๆ นั่น “อยากนักเดี๋ยวจัดให้” เขาพูดเสียงกดต่ำแค่นั้นพร้อมกับเอื้อมฝ่ามือจับเอวบางของผู้หญิงตรงหน้าให้เข้าแนบชิดกับกลางลำตัวของเขา ผู้หญิงคนอื่นยั่วเขาไม่เคยสำเร็จ แต่กับคนนี้ ขอหน่อยเถอะ อิงอิงถึงกับหุบยิ้มตกใจจนตาโต แต่เธอยังไม่ทันได้คิดอะไรริมฝีปากของเขาที่ทั้งแดงและอุ่นชื้นก็แนบชิดเข้ามาที่ริมฝีปากของเธอ อา...ริมฝีปากที่คิดถึง อิงอิงคิดได้อย่างนั้นพลางหลับตาลงยินยอมให้เขาจูบเธอแต่โดยดี ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้จูบนี้ อิงอิงยังคงคิดได้แค่นั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม