เย็นวันนั้นลีออกเดินทางในช่วงดึก ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงสิงคโปร์ เขาไม่มีเวลาให้เขาไปทักทายคนในครอบครัวก่อน ตรงไปยังบ้านตระกูลเฟ่ย เพื่อสืบหาข้อมูลด้วยตัวเอง โดยมีแดเนียลตามไปด้วย
หลังจากสำรวจรอบบ้านหลังใหญ่ที่การรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเสร็จ ลีก็กลับไปพักที่คอนโดของตัวเองที่ตั้งอยู่กลางเมือง ย่านเศรษฐกิจหลักของสิงคโปร์ ตั้งใจว่าจะโทรกลับไปหาคนที่อยู่ที่นู้น แต่เมื่อคำนวนเวลาที่ไม่ค่อยเท่ากันก็ต้องตัดใจ เวลานี้เธอคงนอนหลับอยู่ ซึ่งต่างกับเขาที่เวลากินกับเวลานอนแทบจะไม่มี
เช้าวันรุ่งขึ้น ลีออกจากคอนโดแต่เช้า โดยไม่มีคนติดตามเลยสักคน สำหรับเขาร่างกายและความสามารถคืออาวุธ ไม่เคยพกใครไปไหนมาไหนเพื่อเสี่ยงตายด้วย มีเพียงแดเนียลที่พูดไม่ค่อยฟัง แต่หลังจากแยกกันที่บ้านตระกูลเฟ่ยเขาก็สั่งแดเนียลให้หยุดงานถึงสองวัน วันนี้จึงต้องไปไหนมาไหนคนเดียว แต่เขาก็เคยประมาท เตรียมอาวุธพร้อมใช้ตลอดเวลา
ทันทีที่มาถึงบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่ ที่มีชายสวมชุดสูทสีดำยืนเฝ้าหน้าประตู ลีที่เดินทางมาแบบไม่ได้บอกล่วงหน้า รีบเดินผ่านคนพวกนั้นไปอย่างรวดเร็ว แม้ทุกคนจะค่อนข้างตกใจ แต่เมื่อสำรวจคนที่กล้าบุกเดี่ยวเข้าไปเสร็จ ก็ต้องรีบโค้งหัวให้ มีเพียงคนเดียวที่กล้าบุกมาแบบนี้บ่อยๆ นั่นคือลูกชายคนรองของตระกูลอย่างคุณลี
“คุณหลงอยู่ไหม”
ลีถามหาพ่อตัวเอง เพราะมีเรื่องให้ท่านช่วย ถอดแว่นดำเก็บไว้กับตัว เดินตามคนในบ้านไปยังห้องทำงานของพ่อตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ลี! กลับมาทำไมไม่บอกแม่เลย”
หญิงวัยกลางคนวิ่งถลาเข้ามากอดลูกชายไว้ ลีจึงต้องกอดตอบท่าน พร้อมกับก้มลงหอมแก้มผู้หญิงที่สัดส่วนความสูงใกล้เคียงกับโรส ซ้ำยังเป็นคนเชื้อชาติเดียวกันอีก
“ใครเขาให้วิ่งกัน ล้มขึ้นมาจะทำยังไง ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ทำไมขี้บ่นจัง”
“ก็น่าบ่นไหม”
ลีจับข้อมือเล็กๆออกเดินช้าๆ ไปยังห้องรับแขกที่อยู่ไม่ไกล จากที่ตั้งใจจะไปคุยกับพ่อ ก็ต้องแวะคุยกับแม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ วันนี้คงไม่ต้องทำอะไรแล้วแหละ เพราะต้องติดอยู่กับผู้หญิงช่างซักอย่างคุณนายมีนา
“ลีรู้หรือเปล่า ว่าคุณหลงจะจับลีแต่งงาน” คนเป็นแม่รีบฟ้องลูกชาย เรื่องที่ท่านไม่เห็นด้วยกับสามี และตอนนี้กำลังงอนสามีอยู่ เรื่องที่เขาจะจับลูกชายแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล
“ไม่เป็นไร ผมจัดการได้” ลีพูดให้แม่สบายใจ ดึงแก้มคนที่มีใบหน้าเป็นกังวลเบาๆ โรสก็เหมือนแม่เขานี้แหละ ในเรื่องของนิสัย ส่วนความสวยก็ใช้ได้ แต่แม่เขาสวยกว่า
“แล้วผู้หญิงของลีล่ะ เธอจะไม่งอนเอาเหรอ”
“โรสไม่ได้มา”
“เหรอ แม่นึกว่าพามาด้วย อยากเจอหนูโรสตัวจริงสักครั้ง”
“เดี๋ยวพามาอยู่ด้วย”
ลียิ้มให้แม่ด้วยใบหน้าอ่อนโยน ลูบมือลงบนเส้นผมสีดำสนิทที่เริ่มมีสีขาวแซมตามธรรมชาติ แม้จะอายุมากแล้วแต่แม่ของเขายังดูสวยและสดใสเสมอ เป็นเหมือนแหล่งพลังงานที่ไม่เคยหมดสำหรับเขา
ภายในบ้านหลังใหญ่โอ่อ่ามากด้วยบริวารนับร้อยชีวิต แม่เป็นคนเดียวที่ยึดเหนี่ยวใจเขาไว้ที่นี่ ทั้งที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยสืบทอดตระกูลให้รุ่งเรือง แต่บอกเลยว่าเขาเบื่อ เขาไม่เคยอยากทำแบบนั้น ตั้งแต่เด็กจนโตไม่มีวันไหนที่เขาว่าง ตารางชีวิตแน่นมาก เพิ่งจะว่างขึ้นมาหน่อย ก็ตอนที่เริ่มดูแลงานช่วยคนเป็นพ่อ ว่างที่ว่าคือจัดการให้ตัวเองว่าง ไม่ต้องโดนบังคับให้ทำนู้นทำนี่
“อ้อนอะไรอีกแล้ววะ”
หลงจินที่เห็นน้องชายนั่งอยู่กับแม่ รีบเข้ามากระแซะ และนั่งแทรกกลางทันที กอดแม่ไว้แน่นเหมือนตัวเองยังเป็นเด็กอยู่ตลอด
“งี่เง่า”
ลีด่าพี่ชายที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขามาตั้งแต่เด็ก เพราะเกิดมาไล่เลี่ยกัน จึงแย่งความรักจากคนเป็นแม่มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาชนะมาตลอด พี่ชายเลยหาตัวช่วยอย่างน้องชายคนเล็กที่แม่รักมากที่สุด อย่างหลงอวี้ สองคนนั้นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุย ส่วนเขาก็ได้แต่มองเฉยๆ เพราะโตเกินกว่าจะมาทำอะไรงี่เง่าเหมือนเด็กๆแล้ว
“พี่ลีมาเหรอ”
หลงอวี้เดินงัวเงียเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสภาพที่ยังใส่ชุดนอน ลีมองนาฬิกาเรือนใหม่ที่หยิบมาใส่เงียบๆ เพราะแบบนี้ไงพ่อถึงไม่ยกอะไรให้ แต่มันก็มีใช้ไม่ขาดมือ และเป็นเหตุผลให้ไม่กระตือรือร้นที่จะทำงาน ทั้งที่เขาถูกเขี้ยวเข็นให้ทำงานตั้งแต่ตอนที่อายุน้อยกว่าอวี้อีก พ่อโคตรจะลำเอียง
ลีลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด เก็บซ่อนทุกอย่างไว้ภายใต้ใบหน้าราบเรียบ เดินออกไปจากห้องเพื่อจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จ เพราะแบบนี้ไงเขาถึงไม่ค่อยอยากมาที่นี่ มีแต่คนน่าเบื่อ
Tru Tru
???
ลียกหน้าจอเข้ามาใกล้สายตามากขึ้น ไม่แน่ใจว่าโรสรู้เบอร์นี้ของเขาได้ยังไง เพราะเขาใช้คนละเบอร์กับอยู่ที่นู้น สงสัยเพียงครู่ก็กดรับสาย ไม่อยากให้เธอรอสายนาน เดี๋ยวจะพาลน้อยใจโวยวายใส่เขาอีก
“มีอะไร?”
[แค่ลองโทรดูอะว่าติดไหม แล้วลีจะรับสายหรือเปล่า]
“ไร้สาระ”
เพราะมันไม่ใช่คำที่ควรพูด สำหรับเขามันไร้สาระทั้งนั้นแหละ แต่เขาก็ยังปล่อยให้คนไร้สาระดึงตัวไว้ที่โถงทางเดินของบ้าน ยืนมองประตูห้องทำงานของพ่อที่อยู่ไม่ไกล ช่างเถอะ มันคงไม่สามารถไกลออกไปได้อีก แม้เขาอยากให้มันทอดออกไปอีกไกลแสนไกล เพื่อคุยกับเธอ
[แล้วสำหรับลี อะไรคือมีสาระล่ะ]
“วางนะ”
[เดี๋ยวสิ คิดถึงอะ]
มุมปากหนาขยับขึ้นนิดหน่อย เมื่อได้ยินสิ่งที่รื่นหูที่สุดในเวลานี้
“วางแล้วนะ ไม่ว่าง”
ลีกดวางสายอย่างรวดเร็ว เดินไปปรับอารมณ์ให้เข้าที่ เพื่อเข้าไปในห้องทำงานของพ่อ เคาะประตูสองที ประตูก็เปิดจากด้านใน เดินผ่านคนของพ่อตัวเองไปนั่งหน้าโต๊ะทำงานที่พ่อนั่งรออยู่
“แวะไปหามีนมาเหรอ?”
“ครับ!”
ภาษาไทยกลายเป็นภาษาประจำตระกูล รองมาจากภาษาท้องถิ่น เพราะแม่เขาเป็นไทยแท้ที่พูดและฟังภาษาถิ่นที่นี่ไม่ได้เลย พ่อของเขาเลยตัดปัญหาให้คนในบ้านเรียนภาษาไทย ทุกคนที่นี่จึงพูดและฟังภาษานี้ได้คล่อง จนเหมือนเป็นเจ้าของภาษา เพราะเรียนมาหลายสิบปี ตั้งแต่ที่เขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ
“ไปบ้านนั้นมาเหรอ”
“ครับ ไปดูลาดเลา”
หลงหลงฉายามังกรเจ้านภา ผู้ครอบครองธุรกิจมากมาย ลีรู้สึกว่าฉายาที่ได้ไม่เกินจริงเลยสักนิด ขนาดเขามาแบบเงียบๆ และแอบไปบ้านนั้นแบบไม่ให้ใครรู้ แต่พ่อเขากลับรู้จนได้
“ผู้ชายคนนี้เหรอ?”
ท่านหยิบรูบถ่ายในลิ้นชักออกมาวางลงบนโต๊ะทำงาน ลีมองก่อนจะกัดฟันแน่น เมื่อรูปใบนั้นคือคนที่เขาตามไปฆ่ามันเมื่อสองปีก่อน และคิดว่ามันน่าจะเป็นเดียวกันกับผู้ชายที่ฝังอดีตชั่วร้ายไว้ในใจผู้หญิงของเขา