บทที่ 1: พรหมลิขิต (2)

1639 คำ
คฤหาสน์หรู ใจกลางกรุงเทพฯ “อยู่ทางโน้นก็ดูแลตัวเองดีๆนะ อากาศไม่เหมือนประเทศไทยพยายามแต่งตัวให้หนาๆไว้” เสียงทุ้มนุ่มของเจษฎา บอกกับน้องสาวผ่านทางจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนทันสมัย “รู้แล้วค่ะพี่เจษ ไม่ต้องห่วงเจนหรอก เจนโตแล้วดูแลตัวเองได้” “รู้ว่าโตแล้ว แต่ยังไงก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ไว้ถ้าพี่ว่างเมื่อไหร่จะไปเที่ยวหาก็แล้วกัน” “ค่ะพี่เจษ แค่นี้ก่อนนะคะ เจนต้องเข้าเรียนแล้ว ไว้เจอกันนะคะ รักพี่เจษค่ะ บาย…” เสียงหวานกังวานของเจนจิรา บอกกับพี่ชายพร้อมโบกมือลาทิ้งท้าย จากนั้นก็กดตัดสายเป็นการสิ้นสุดบทสนทนาข้ามแดน เจษฎากดปิดจอโทรศัพท์พลางส่ายหน้าไปมา คิดถึงน้องสาวจอมแก่นแก้วเพียงคนเดียว ซึ่งตอนนี้อยู่ห่างกันคนละซีกโลก เนื่องจากเจนจิรานั้นติดภารกิจต้องไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ต่างแดน “หวังว่าจะทำตัวโตอย่างที่ปากว่านะ ยายเจน” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ในใจรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวผู้ไม่เคยอยู่ห่างไกลจากเขานานเกินค่ำวัน ตั้งแต่สูญเสียบิดามารดาไปด้วยอุบัติเหตุรถยนต์พร้อมๆกันเมื่อหลายปีก่อน จึงทำให้เขาต้องกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัวนับตั้งแต่นั้นมา เขาเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับน้องสาว อีกทั้งยังเป็นพี่ชายที่แสนดีคอยปกป้องดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี ทำให้เจนจิราสนิทกับเขาและหวงพี่ชายมากเป็นพิเศษ “ถ้าเจนไม่อนุญาตให้พี่มีแฟน พี่เจษก็ต้องห้ามมีเด็ดขาด! เข้าใจไหมคะ” เจษฎาจำได้ว่าเมื่อก่อนนั้นเจนจิราเคยขอเขาไว้ด้วยประโยคนี้ ซึ่งเขาก็ได้ตอบน้องสาวไปว่า… “ความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอกนะเจน สำหรับพี่แล้วถ้าวันหนึ่งเจนโตพอที่จะมีคนรักได้ พี่ก็จะไม่ห้ามเจน แต่ถ้าวันไหนที่เจนเสียใจหรือผิดหวังพี่อยากให้เจนรู้ไว้ว่าพี่ชายคนนี้จะอยู่เคียงข้างน้องสาวเสมอ” ที่เขาพูดไปแบบนั้น เพราะต้องการให้น้องสาวอยู่ในโลกแห่งความจริง ไม่อยากให้เจนจิราหวงความรักแบบพี่น้องจนไม่กล้าแบ่งปันรักให้คนอื่น เพราะความรักแต่ละรูปแบบล้วนแตกต่างกันออกไป แต่กระนั้นเขาก็ยังคงรักษาน้ำใจของน้องสาวเอาไว้ เพราะจนถึงตอนนี้ แม้อายุของเขาจะปาเข้าไปเลขสามสิบสองแล้วก็ยังไม่ยอมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที นั่นอาจจะเพราะส่วนหนึ่งเขาเอาแต่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้กับสาวๆคนไหนเป็นพิเศษนั่นเอง “ก่อนนอนคุณหนูจะรับนมอุ่นๆสักแก้วไหมคะ” น้ำเสียงแหบแห้งแต่แฝงไปด้วยความนุ่มนวลดังขึ้นพร้อมร่างอวบอัดของแม่นมเดินเข้ามาหาเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่บนโซฟาหรู “นมแจ่มเรียกผมเหมือนผมยังเป็นเด็กชายตัวเล็กๆอยู่เลยนะครับ” เจษฎาส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ยกับแม่นมร่างอวบที่เขานับถือเหมือนแม่อีกคน พร้อมยิ้มอบอุ่นส่งให้ ไม่เคยนึกเบื่อเลยที่ผู้หญิงคนนี้คอยให้ความรักความอบอุ่นและใส่ใจในเรื่องเล็กน้อยของเขาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะเขารู้ดีว่าแม่นมทำไปเพราะรักเขาเหมือนลูกในไส้นั่นเอง “นมเลี้ยงคุณหนูมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ไม่ว่าคุณหนูจะโตจนอายุปาเข้าไปเลขสามสิบสองแล้ว แต่สำหรับนมคุณหนูก็ยังเป็นเด็กชายตัวเล็กๆของนมเสมอค่ะ” “แล้วผมจะต้องมีอายุมากถึงเลขอะไรนมถึงจะเห็นผมโตเป็นผู้ใหญ่ละครับ” “ก็คงต้องรอจนกว่าคุณหนูจะแต่งงานมีคุณหนูตัวเล็กๆให้นมได้อุ้มนั่นแหละค่ะ” นมแจ่มบอกเจือเสียงหัวเราะ ขณะมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างอาทร “เห็นทีงานนี้นมต้องรอนานหน่อยนะครับ เพราะผู้หญิงที่จะผ่านด่านคุณหนูเล็กของบ้านนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” แม้น้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความขบขัน แต่ก็แฝงไปด้วยความจริง เพราะทุกคนรู้จักนิสัยคุณหนูเล็กของบ้านนี้ดี ว่าหญิงสาวนั้นรักและหวงพี่ชายขนาดไหน ลองมีสาวๆได้เข้ามาตีสนิทกับพี่ชาย เป็นต้องถูกเจ้าหล่อนแผลงฤทธิ์ใส่จนต้องหนีกระเจิงไปทุกราย “เรื่องนั้นคุณหนูไม่ต้องหวงหรอกค่ะ เพราะก่อนไปเรียนต่อคุณหนูเล็กฝากให้นมดูแลพี่ชายแทน บอกว่าช่วยกรองพี่สะใภ้แทนเธอที สำหรับนมแล้วคุณหนูรักใครนมก็รักทั้งนั้นแหละค่ะ” พูดจบนมแจ่มก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี เพราะอยากเห็นคุณหนูของนางเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที และนางก็เชื่อว่าเจนจิราก็โตพอที่จะเปิดใจยอมให้พี่ชายตัวเองมีความรักได้แล้ว “ผมไม่ใช่คนเรื่องมากอะไรหรอกครับนม แต่แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ก็เท่านั้นเอง ไว้ถ้าผมเจอผู้หญิงที่ถูกใจเมื่อไหร่จะบอกนมแล้วกันนะครับ” “งั้นนมก็ขออวยพรให้คุณหนูเจอคนที่ถูกใจไวๆแล้วกันนะคะ” นมแจ่มอวยพรด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะที่ระบายยิ้มอบอุ่นส่งให้เจ้านายหนุ่ม ทำให้เจษฎาจำต้องยิ้มอ่อนส่งกลับไปเพราะแม่นมมักจะคุยเรื่องนี้กับเขาเสมอแทบจะทุกครั้งที่มีโอกาส และไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณครับนม” “แล้วพรุ่งนี้คุณหนูจะไปทำงานหรือเปล่าคะ” “ไปครับนม พรุ่งนี้ผมมีผ่าตัดหัวใจคนไข้แต่เช้าและยังมีคนไข้เก่าอีกสองสามเคสที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ แล้วอาทิตย์หน้าเห็นว่าจะมีกองถ่ายละครมาถ่ายทำที่โรงพยาบาลด้วย ผมคงต้องอยู่ดูแลความเรียบร้อยยาวเลย นมอย่าเพิ่งลืมหน้าผมนะครับถ้าไม่เห็นหน้าเป็นเวลาหลายอาทิตย์ติดกัน” “ดูพูดเข้า”นมแจ่มค้อนให้เจ้านายหนุ่มไปหนึ่งวงด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดู“ใครจะไปลืมหน้าคุณหนูได้ละคะ นมเข้าใจค่ะว่าคุณหนูงานยุ่งไม่ค่อยได้พัก แต่ทำงานหนักติดๆกันก็อย่าลืมหาเวลาพักบ้างนะคะ เดี๋ยวจะไม่มีเวลาหาสาวคนรู้ใจสักที นมกลัวจะตายก่อนได้อุ้มหลานค่ะ” “ที่แท้นมก็กลัวไม่ได้อุ้มหลานนี่เอง อุตส่าห์นึกดีใจคิดว่านมเป็นห่วงผมซะอีก” เจษฎาแกล้งบอกด้วยน้ำเสียงน้อยใจอย่างไม่ได้จริงจังนัก แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ “อ้อ…พรุ่งนี้เห็นเจนบอกว่าน้องอลินจะกลับมาจากอเมริกาฝากให้ผมไปรับ แต่พอดีผมไม่ว่าง ยังไงรบกวนนมช่วยบอกลุงสนให้ไปรับเธอที่สนามบินแล้วพาไปส่งบ้านแทนผมทีนะครับ” พอพูดถึงอลินเพื่อนรักของน้องสาวใบหน้าหล่อเหลาก็ดูจะเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ถึงเจนจิราจะสนิทกับอลินมากแค่ไหน แต่สำหรับเขาแล้วเธอก็คือคนที่ไม่น่าคบอยู่ดี แต่ก่อนนั้นเจษฎาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เห็นน้องสาวมีเพื่อนสนิทเขาก็ดีใจด้วย แต่หลังๆมาอลินที่เขาเห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว ทำท่าสนใจเขาเกินกว่าฐานะพี่น้อง เขาก็เลยพยายามตีตัวออกห่างและเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ เพราะไม่อยากให้น้องสาวผิดใจกับเพื่อนรักหากรู้ว่าอลินนั้นคิดไม่ซื่อกับเขา “อลินเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่เจนมี เจนอยากให้พี่เจษรักอลินเหมือนน้องสาวอีกคนได้ไหมคะ” “ได้สิ พี่จะรักและปฏิบัติกับอลินเหมือนที่ปฏิบัติกับเจนทุกอย่างเลยดีไหม” “ดีค่ะพี่เจษ ขอบคุณมากนะคะ” นั่นเป็นสิ่งที่เขาเคยให้สัญญาไว้กับน้องสาวสุดที่รัก ว่าจะรักและเอ็นดูเพื่อนของเจนจิราเหมือนน้องสาวอีกคน ในฐานะพี่ชายเขาก็ทำหน้าที่นั้นดีมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ หลังจากที่เจนเจนจิราต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ท่าทางและการแสดงออกของอลินที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไป หลายๆครั้งที่เจษฎาพยายามเลี่ยงที่จะพบเจอหน้าของเธอ แต่ดูเหมือนยิ่งหนีเจ้าหล่อนก็ยิ่งตามติด จนเจษฎาเริ่มจะอึดอัด “ได้ค่ะคุณหนู ไว้นมจะบอกนายสนให้นะคะ” “ขอบคุณครับนม ราตรีสวัสดิ์ครับ” เจษฎากล่าวขอบคุณ พร้อมก้าวมาสวมกอดร่วงอวบของแม่นมเหมือนทุกครั้งก่อนเข้านอนเป็นการลา “ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะคุณหนู” นมแจ่มบอกกับชายหนุ่มพร้อมสวมกอดตอบด้วยความรักความอาทร จากนั้นก็มองตามร่างสูงสง่าก้าวขึ้นบันไดด้วยความภาคภูมิใจ เด็กชายตัวเล็กในวันนั้น ตอนนี้ได้เติบโตเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ นอกจากจะมีรูปร่างหน้าตาที่ดีแล้ว ยังเป็นผู้นำที่มีความน่าเกรงขามตั้งแต่อายุยังน้อย ขณะเดียวกันในความเข้มแข็งนั้นกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และอบอุ่นไปในคราเดียว นมแจ่มรู้ดีว่าภาระของเจ้านายหนุ่มนั้นหนักหนาแค่ไหน ในตอนนั้นเจษฎายังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ แต่เมื่อสูญเสียบิดามารดาไปอย่างกะทันหันภาระทุกอย่างก็ได้ตกอยู่ที่เขา กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน ชายหนุ่มก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีความสามารถ และทำทุกหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ………………………………………
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม