เธอตอบไม่เต็มเสียงนักโดยไม่รู้ว่าชายร่างใหญ่ที่เดินเข้ามาพร้อมกันถอยออกไปตอนไหน ไอสวรรค์ยิ้มกว้างอวดฟันขาวแต่แล้วมนัสวีก็รู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นหนูน้อยหุบยิ้มและนัยน์ตากลมโตเลื่อนไปหยุดที่ข้างหลังเธอ หญิงสาวหันกลับไปและแทบลืมหายใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของใครอีกคน
“เฮเดน!”
มนัสวีอุทานเสียงแหบเบา มือเรียวบางที่จับมือหนูน้อยไว้เย็นเยียบตอนที่เห็น เขา คนนั้นเป็นครั้งแรก...อีกครั้ง
“สวัสดี...วีนัส”
เสียงกล่าวทักนั้นทุ้มห้าวและราวกับมีพลังหยุดทุกอย่างรอบตัวหญิงสาวแม้แต่ลมหายใจของเธอเอง มนัสวีมองเขาเต็มตา
เฮเดน เจคอป
ไม่มีอะไรในตัวเขาที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ร่างสูงใหญ่อยู่ในเสื้อเชิ้ตขาวสวมกางเกงสแล็คสีนิลใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมและเรือนผมสีน้ำตาลเข้มแกมประกายสีทอง นัยน์ตาสีอำพันลึกล้ำเปี่ยมพลังอำนาจ จมูกโด่งยาวรับกับริมฝีปากหยักหนา ผิดก็แต่รอยยิ้มที่มนัสวีเห็นความเหี้ยมเกรียมแฝงอยู่ยามเขาหยัดมุมปากขึ้นน้อย ๆ และสำหรับชายหนุ่มแล้วมนัสวีก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อก่อน เธอยังคงมีเรือนร่างบอบบาง ใบหน้ารูปไข่ใต้กรอบเรือนผมดำขลับและยาวตรงยังคงหมดจดไม่ต่างจากสาวแรกรุ่น ทุกกระเบียดนิ้วของเธอคือความผ่องผาดอย่างธรรมชาติแม้ปราศจากเมคอัพฉูดฉาด แค่ริมฝีปากเคลือบ ลิปกลอสสีชมพูอ่อนก็ดึงดูดสายตาคนที่จ้องมองไม่เคยแปรเปลี่ยน...หากเวลาเท่านั้นที่เปลี่ยนไปและอะไรต่อมิอะไรก็ผันแปรไปจนหมดสิ้น
“สวัสดีค่ะ...เฮเดน” มนัสวีเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นกลบความเงียบ
“นี่เพื่อนมีมี๊หราคะ?”
ไอสวรรค์ตั้งคำถามและเสียงเล็ก ๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มเจ้าของความสูงกว่าร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเลื่อนสายตาคมกริบนั้นไปจับจ้องที่ร่างของเด็กหญิงตัวน้อย
“ใช่ค่ะ...เขาเป็น...เพื่อนมี๊”
“สวัสดีหนูน้อย...หนูชื่ออะไรนะ?”
ร่างสูงก้าวเข้าไปหาคนทั้งสอง มันทำให้มนัสวียิ่งประหวั่นพรั่นพรึงเมื่อเห็นสายตาของเฮเดนที่กำลังจ้องมองลูกสาว ไอสวรรค์ยิ้มให้ด้วยไม่เดียงสา เด็กน้อยดึงมือจากการเกาะกุมของมารดาแล้วยกมือพุ่มไหว้พร้อมย่อเข่าลง
“สวัสดีค่ะ...คุณลุง”
เฮเดนเลิกคิ้วสูง ชั่วขณะของความคิดเขารู้สึกราวกับว่านี่คือ...ความประทับใจแรกเห็น กับเด็กหญิงผิวขาวและผมสีน้ำตาลประกายทองสว่างซึ่งมันเป็นสิ่งบ่งบอกชาติพันธุ์ว่าหนูน้อยไม่ได้มีเลือดเอเชียร้อยเปอร์เซ็นต์ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลทองสะท้อนในแววตาสีอำพันล้ำลึกที่หม่นแสงลงเมื่อหนูน้อยแนะนำตัว
“หนูไอซ์ค่ะ”
“ไอซ์...”
“ไอสวรรค์ค่ะ...ลูกสาวของฉันเอง แกพึ่งอายุสี่ขวบ”
มนัสวีตอบและแตะบ่าลูกสาวที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับบุรุษผู้ซึ่งในที่นี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถมองผ่านม่านกระจกแห่งความเป็นจริงที่ว่า...เขาคือผู้ถ่ายทอดจิตวิญญาณบริสุทธิ์ดวงนี้ที่เกิดจากตัวเธอ ริมฝีปากบนใบหน้าหล่อเหลาที่คลี่เป็นรอยยิ้มน้อย ๆ ราบเรียบลงก่อนที่เขาจะกล่าวว่า
“ไม่กี่ปีคุณมีลูกโตขนาดนี้แล้วหรือ”
“แกยังเล็กค่ะ” เธอค้านเขาและมือเริ่มสั่น “แกยังเล็กมาก ๆ ...แกไม่รู้เรื่องอะไร”
เฮเดนเลิกคิ้วพร้อมยักไหล่ “เหรอ...แล้วพ่อของเด็กล่ะ”
มนัสวีเงียบไปและในช่วงขณะนั้นเธอก็เห็นชายหนุ่มตรงหน้าขบกรามเบา ๆ หญิงสาวฝืนใจตอบกลับ
“เขาอยู่ต่างประเทศ”
“หรือว่าเขาไม่อยู่แล้ว”
“ปีปี๊ไม่กลับบ้าน...นานแล้วคะ”
ไอสวรรค์ตอบแทนและยิ้มให้ ท่าทางหนูน้อยไม่กลัวใครและสนิทคนง่ายแต่คำตอบนั้นเหมือนจุดเพลิงโหมไหม้ในหัวใจของคนฟัง หากเขาก็ยังยิ้มให้และถามว่า
“พ่อไม่กลับนานแล้วเหรอ แล้วหนูไอซ์อยู่กับใคร”
“อยู่กับมีมี๊ค่ะ”
“โอเคจ้ะ หนูไอซ์...” ชายหนุ่มย่อตัวลงและดึงมือเล็ก ๆ มาจับไว้ “เรียกลุงว่า ลุงเฮเดนนะ”
“ลุงเฮเดน”
“น่ารักมาก...เอ้อ...ถ้าลุงจะขอเวลาหนูไอซ์คุยธุระกับมีมี๊ของหนูสักหน่อย หนูไอซ์จะว่าอะไรมั้ย”
เฮเดนตั้งคำถามและไอสวรรค์เงยหน้ามองมารดาก่อนหันกลับมายังเขา
“นานไหมคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “อาจไม่นาน”
“โอเคค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นลุงเฮเดนจะให้ลุงเจอร์ราดพาหนูไปที่ห้องนั่งเล่น...ชอบดูการ์ตูนมั้ย”
“ชอบค่ะ...หนูไอซ์ชอบดูสติ๊ชท์”
“ไม่นานหรอกนะจ๊ะลูก”
มนัสวีรีบบอกลูกสาวที่แสดงความตื่นเต้นออกมาเมื่อได้ยินว่ามีการ์ตูนที่หนูน้อยชอบดู เฮเดนเงยหน้ามองร่างบอบบางที่ก็มองเขาด้วยแววตาหวั่นหวาด ชายหนุ่มเลิกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มหยันก่อนลุกขึ้นยืนและออกคำสั่งเรียกคนของเขาเข้ามา
“เจอร์ราด”
“ครับ...คุณเฮเดน”
ชายร่างใหญ่ที่ไปรับมนัสวีกับไอสวรรค์ก้าวเข้ามาเพื่อรับคำบัญชาอันเยือกเย็นของเจ้านาย
“พาหนูไอซ์ไปที่ห้องนั่งเล่น...เธอชอบดูการ์ตูนเรื่องสติ๊ชท์”
“ครับ”
เจอร์ราดทำตามคำสั่งด้วยการจูงมือไอสวรรค์ออกไปข้างนอกโดยมีสายตาหวั่นระแวงของมนัสวีมองตาม หญิงสาวแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอที่แห้งผากเหมือนทะเลทราย เธอแทบไม่กล้าสบสายตาสีอำพันทรงอำนาจคู่นั้นที่จ้องมองเธอไม่วางด้วยซ้ำกระทั่งเขากล่าวขึ้น
“ไปเยี่ยมพี่ชายของคุณมาแล้วหรือ วีนัส?”