ตอนที่3 ว่าที่สะใภ้
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...
รถหรูสีชมพูเป็นเอกลักษณ์บอกว่ามันเป็นของแพรพลอย จอดที่ด้านนอกรั้วของบ้านสองชั้นในหมู่บ้านจัดสรรราคาที่ดินแพงแทบเอื้อมไม่ถึง ร่างบางเลื่อนเปิดรั้วก่อนจะเดินดุ่มบนรองเท้าส้นสูงไปหาเจ้าของบ้านที่น่าจะยังไม่ตื่น แต่กลับไม่ใช่เพราะเขานั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเหมือนรอเธอ
แอดด
“ธาม...ฮืออ” ชายหนุ่มนั้นเห็นเธอตั้งแต่เปิดรั้วแต่ก็ยังทำเหมือนเธอเป็นอากาศ ธนาธิปคว้าแก้วเหล้าขึ้นดื่มราวกับมองไม่เห็นเธอที่หยุดยืนอยู่ตรงประตู
“ธามแต่งงานไม่ได้นะคะ”
“ผัวเธอบอกเหรอ”
“เรื่องจริงเหรอคะ ไม่รักแพรแล้วเหรอ” แม้ว่าเนื้อตัวจะเขียวช้ำเพราะสามีรุ่นพ่อมาแต่เธอกลับไม่แยแสความเจ็บนั้นเท่ากับที่รู้ว่าเขาจะแต่งงาน
“ที่มาวันนี้จะมาพูดเรื่องนี้์?”
“แพรคิดถึงธามค่ะ”
“เหอะ” เขาร้องในลำคออย่างเย้ยหยันโดยที่ไม่สนใจเธอเลยสักนิด เเพรพลอยจึงเอาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่เบื้องหน้าบังทีวีที่เอาสายตาของเขาไป
“แพรยังรักธามเหมือนเดิมนะคะ”
“ฉันไม่ได้รักเธอแล้ว เหมือนจะเคยบอก”
“โกหก เรื่องของเรามันคงไม่เกิดหลังจากวันที่ธามรู้ทุกอย่างหรอกค่ะ”
“มาให้เอาก็เอา”
“ทำเหมือนแพรไม่มีค่าอะไรเลยนะคะ” ดวงตาคมกริบของธนาธิปเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง หญิงสาวเปลื้องเสื้อที่สวมอยู่ออกและเหวี่ยงมันไปต่อหน้าหวังให้เขาสยบต่อเธอเหมือนทุก ๆ ครั้ง เรือนร่างนี้เขาสุดจะหลงใหล คน ๆ นี้เขาเคยสุดจะหลงรัก
“เธอทำตัวไร้ค่าเอง มาหวังให้ฉันให้ค่าอะไรเธอ”ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็หนักตัวลุกขึ้นกระชากเธอ
มาจูบอย่างดูดดื่มและมันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่จูบ…
…..
“ว่าไง”
“คุณแพรพลอยมาหาคุณธามอีกแล้วครับ” ธนาเดือดปุด ๆ จนสมาร์ทโฟนแทบพังคามือที่เกร็งบีบแน่น ผู้หญิงนั่นก็เหลือเกินโดนทุบตีเกือบตายก็ยัง…
“ไอ้ธาม ไอ้ลูกไม่รักดี”
“ไอ้ธามมันทำอะไรครับพ่อ” ธัญวิชญ์ลูกชายคนโตถามบิดาด้วยความสงสัย แม้ว่าควรจะชินกับเรื่องที่น้องสร้างได้แล้ว
“มันก็กกเมียลุงจรัลอยู่น่ะสิ”
“ลุงจรัล...เขาหย่ากับป้าศจีแล้วเหรอครับ”
“ยัง แต่ไม่ว่าหน้าไหนก็ห้ามยุ่งกับผู้หญิงของพี่จรัลไม่งั้นก็เตรียมฉิบหายได้เลย” ธนาทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเครียด ถึงธนาธิปจะไม่ได้เรื่องอย่างธัญวิชญ์แต่มันก็ลูกที่เขาต้องเข็นให้รอดฝั่งอยู่ดี
.....
คนที่กำลังจะเป็นสะใภ้ของสุภนานนท์ยังช่วยแม่ขายขนมที่ตลาดตอนเย็น เธอยังอยู่ในชุดนักศึกษาเป็นที่เอ็นดูของพ่อค้าแม่ค้าพวกเขาเห็นเธอตั้งแต่หัดเดินเลยก็ว่าได้
“แม่! ไม่ต้องเลยค่ะเดี๋ยววีจัดการเอง”
“แม่อยากทำ วีเรียนมาเหนื่อย ๆ”
“เหนื่อยอะไรแค่ไปเรียนเอง” วิริศราตะแคงหม้อขนมบัวลอยที่ตักได้เป็นถุงสุดท้าย ก่อนจะวางไว้ในถาดและหันไปเก็บหม้ออีกสามลูกมาซ้อนกัน
“เหลือถุงเดียวเหรอครับ”
“พี่ธัน! ขอโทษค่ะวีไม่รู้ว่าพี่อยากกิน”
“ขอโทษทำไมครับ ไม่จองไว้ก็อดเป็นเรื่องธรรมดา” ธัญวิชญ์เป็นลูกชายคนโตของบงกช พี่ชายของคนที่จะเป็นสามีในอีกหนึ่งสัปดาห์
“มีเจ้าของหรือยัง”
“ยังค่ะ เดี๋ยวีใส่ถุงให้นะคะ” เมื่อเธอยื่นถุงบัวลอยให้ธัญวิชญ์ก็ยื่นแบงก์เทามารอ
“เอาไปเถอะค่ะไม่ต้องจ่ายเงินหรอก”
“ใช่ค่ะ”
“เดี๋ยวใครจะว่าเอาน่ะสิ หลานเจ้าของตลาดมาหากินฟรี”
“ไม่มีใครว่าหรอกค่ะคุณธัน เอาไปเถอะ”
“ขอบคุณนะครับ” เมื่อเขารับถุงขนมมาจากมือของวิริศรา เธอก็ไม่สนใจเขาอีกหันไปวุ่นวายเก็บของกลับท่าเดียว
“แม่ไม่รู้ใช่มั้ยครับว่าแอบขายขนมอีก”
“แค่สามอย่างเองค่ะ น้าทำได้สบายมาก วีเขาก็มาช่วยขายอีก”
“อย่างนี้แต่งงานกับไอ้ธามแล้วใครจะช่วยล่ะครับ” นภายิ้มตอบเพราะไม่อยากให้ลูกห่วงเธอ
“คงต้องหยุดขายค่ะ แม่คุณธันจะเอาน้าไปเลี้ยงแหนะ” วิริศราเม้มปากแน่นไม่ยอมหันมาให้ใครเห็นสีหน้า บงกชจะดูแลแม่เธอได้ดีแน่นอนแต่เธอต้องห่างกับแม่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต ‘พอเรื่องมันซา ๆ แล้วค่อยว่ากัน เรื่องจะหย่าหรืออะไรน่ะ'
“ยินดีต้อนรับนะครับน้องสะใภ้ เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยเนอะ” ชายหนุ่มพูดด้วยโทนเสียงอบอุ่นแต่วิริศรายิ้มขื่น กับเขาคนนั้นยังได้คุยกันแค่ประโยคเดียวเอง แล้วก็ไม่เจอกันอีกเลย
…..
งานที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่ถึงเจ็ดวันข้างหน้ามองจากความวุ่นวายก็รู้ว่ามันต้องใหญ่อลังการ บงกชให้คนรถไปรับนภากับว่าที่ลูกสะใภ้มาดูการเตรียมงานและก็ได้ให้สามีบังคับขู่เข็ญธนาธิปให้มาด้วยอีกคน แต่ก็หายไปคลุกอยู่ในห้องนอนไม่ยอมพูดคุยกับใครแม้กระทั่งยายสายบัวผู้ไม่เคยขัดใจ
“เทียนหอม น่ารักจัง” ของชำร่วยขนาดจิ๋วนับพันชิ้นในตะกร้าที่วางอยู่ในห้องเก็บของน่ารักจนเธอหยิบมันขึ้นมาและสูดกลิ่นอโรม่าเข้าเต็มปอด
“ฮ้าา ชื่นใจ..”
“กว่าจะถึงวันงานจะไม่ลงแดงตายก่อนเหรอ”
พรึ่บ
วิริศราวางของในมือกลับที่เมื่อเห็นว่าใครเป็นเจ้าของเสียงเจือความหงุดหงิดนั้น แต่พอเธอจะเดินออกเขาไม่ยังยืนขวางประตูไว้ไม่เลิก
“หลีกทางหน่อยค่ะ”
“…”
พรึ่บ
เมื่อเธอจะเดินเบียดเขาออกไปมือหนายื่นไปขวางไว้อัตโนมัติ แต่ด้วยส่วนสูงที่ห่างกันมากวิริศราก็รอดใต้วงแขนเขาไปได้อยู่ดี
“ยัยเด็กโง่”