“เตรียมตัวกระตุ้นครั้งที่หนึ่ง!”
“เคลียร์ ไม่ตอบสนอง เตรียมกระตุ้นครั้งที่สอง!”
เสียงนั่นทำให้ผินอินลุกขึ้นมากลางดึก ในสถานที่พักของผู้เข้าเล่น มีช่วงเวลาการพักเพียงครึ่งวัน
แต่ในช่วงเวลานั้นจะถูกหักรวมเข้ากับเวลาการร่วมเล่นในครั้งถัดไป
ใช้เวลาอยู่ที่นี่มาสักพัก เธอเริ่มคุ้นชิน แต่เพียงสิ่งเดียวที่หัวใจยังไม่คุ้นชิน นั่นคือความเงียบเหงา
ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนั้นมันหมายถึงสัญญาณชีพของตนในโลกเดิมเริ่มมีปัญหา
เนื่องจากสเตจที่ผ่านมาบ้าบิ่นเกินไป จึงทำให้คะแนนชีพแม้ไม่ลดลงมาก แต่ก็ไม่ได้เพิ่มระดับ กฎของโลกนี้ คือ การเล่นเพื่อสะสมคะแนนเพิ่มเติมพลังชีวิต
เสียงนั่นทำให้ผินอินเคว้งคว้าง ไม่สามารถข่มตาหลับได้
“ปุ่มเอฟ”
[ มาสเตอร์ ]
“ฉันอยากเล่นเกมแล้ว เปิดสเตจเถอะ”
[ ระบบ ยังไม่เตรียมพร้อม ]
“จะมามัวรอเวลา แล้วเวลาของฉันในโลกเดิมเล่า จะเป็นยังไง ฉันไม่อยากติดอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วนะ”
[ ระบบจะเริ่มทำการคำณวนเพื่อประมวลค่าความเสี่ยง ]
“ประมวลผลบ้าบออะไรอีก ฉันบอกว่าอยากออกไปจากที่นี่แล้ว นายไม่ได้ยินเหรอ!”
[ เรียนท่านผู้เข้าแข่งขัน สเตจที่ถูกกำหนดไว้มีทั้งหมดสามสิบสเตจ แต่ละสเตจแบ่งไปตามระดับความยากง่ายและเลเวล ซึ่งตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันอยู่ที่ สเตจเจ็ด ]
“โหย... แบบนี้ก็ยังอีกไกลเลยสิ” ผินอินทิ้งร่างลงนั่ง เสียงของโลกฝั่งนั้นยังคงได้ยินมาอย่างต่อเนื่อง
“ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”
[ หากต้องการเพิ่มระดับความยาก เพื่อเพิ่มคะแนน ผู้เข้าแข่งขันต้องยอมรับสภาพการเปลี่ยนแปลง และกฎกติกาใหม่ ]
“ฉันยินดีรับ!”
รอบด้านเกิดเสียงคล้ายกล่องกระดาษถูกเขย่า ระบบคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานในขณะที่เวลานี้ทุกอย่างจะเงียบสงบ
เสียงสะท้อนก้องอยู่เหนือศีรษะของผินอิน
[ Reset Stage ]
[ Preparing 5 4 3 2 1…]
พลันแสงสว่างเริ่มไล่ระดับมาจากด้านหลังคล้ายหลอดไฟเพิ่มความสว่างขึ้น ร่างของผินอินเริ่มส่องสว่าง พร้อมกับถูกดูดหายไป
ด้านหน้าคือประตูไม้ขนาดใหญ่ ผินอินจำได้ว่านี่คือทางเข้าวังหลัง ตนกลับมาสวมชุดสีเขียวซึ่งบ่งบอกถึงการเป็นนางข้าหลวงที่มีคะแนนสูงสุด
ตุ๊กตาหน้าจีนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เมื่อรีเซตระบบ รูปร่างของเกมมาสเตอร์ได้เปลี่ยนไป ไม่ได้มีแค่ส่วนศีรษะเหมือนทุกครั้ง แต่มีรูปร่างดูซุกซน เป็นเด็กหญิงสวมชุดจีนโบราณ ในมือถือสมุดมีพู่กันเหน็บอยู่ที่เอว
“เธอคือ เกมมาสเตอร์ใช่ไหม?”
[ เนื่องจากเป็นความต้องการของผู้เข้าร่วมแข่งขัน ทางอาเขตจึงสนองความต้องการของผู้เข้าร่วม แต่ต้องทำการแจ้งให้ทราบ ว่านี่คือกรณีพิเศษ ดังนั้นกติกาที่เคยมี ไอเทม คะแนนสะสม จะต้องถูกจัดระบบตามความยากของอาเขตใหม่ ]
“เรื่องนั้นเข้าใจแล้ว จากนี้ไปจะมีระบบแบบไหน แจ้งมาได้เลย”
คู่มือเล่มใหม่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ผินอินรู้ทันทีว่าต้องส่งคืนคู่มือเล่มเก่า จึงล้วงออกมาจากแขนเสื้อส่งคืนกลับไป
[ ระเบียบทั้งสามสิบสามข้อ ถูกบันทึกไว้แล้ว ท่านผู้เข้าแข่งขันกรุณาศึกษากฎระเบียบให้ชัดเจน หากสงสัยข้อใดกรุณาแจ้งทันที ]
การหายตัวไปของตุ๊กตาหน้าจีน แตกต่างไปจากทุกครั้ง เพียงแค่เดินหายไปในเงามืดหลังฉาก
เมื่อหายตัวไปเสียงดนตรีประกอบฉากก็เริ่มบรรเลง
[ สเตจนี้ มีชื่อว่า โยนลูกดอก ]
“โยนลูกดอก?”
[ กติกามีอยู่ว่า ผู้เข้าเล่นเกมจะต้องโยนลูกดอกลงไปในแจกันให้ได้ทั้งหมด และต้องไล่จากลำดับแรกไปถึงลำดับสุดท้าย จนกว่าจะครบ ]
“แหม เท่าที่ฟัง ก็ไม่น่าจะยากนี่นา”
[ Game Ready ]
[ Start Game ]
ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออก อย่างช้า ๆ เมื่อเข้าไปด้านในผินอินจึงเห็นว่ามีคนยืนเข้าแถวมากมาย
“อ้าว ก็เหมือนสเตจอื่นนี่ อันนี้ตัวละครจากอาเขตสร้างมา หรือว่าเป็นคนจริง ๆ กันนะ?”
“ทางนั้นน่ะ เร็วเข้าหน่อย รัชทายาทกำลังจะเสด็จมาดูการเล่นโยนลูกดอก รีบมายืนกันตรงนี้เร็วเข้า”
“เอ๊ะ! สเตจนี้เป็นเนื้อหาล้วน ๆ เลยนี่ แล้วเราต้องทำยังไงต่อล่ะ”
เมื่อเดินไปเข้าแถว จึงรู้ว่ามีคนผ่านการคัดเลือกเข้ามาเพียงห้าคน ก่อนเข้าไปยืนเรียงแถว จะได้รับลูกธนูที่มีหางเป็นขนนก มาถือไว้ในมือ
“กติกาคือ ต้องปาลูกดอกลงในแจกัน ตามขนาดปาก ยิ่งปากแจกันเล็กลง จะยิ่งได้คะแนนมากขึ้นเป็นเท่าตัว”
“แต่ละลูก มีคะแนนเท่ากับหนึ่งคะแนน แต่หากปาเข้าแจกันที่มีปากเล็กมากเท่าไหร่ คะแนนจะคูณสองทันที”
พูดมันฟังดูง่าย แต่ทำนี่สิยาก นอกจากจะเล็งให้เหมือนโยนลูกบาสเกตบอลลงห่วง ยังต้องคอยระวังชายแจนเสื้อเกะกะรุ่มร่ามพวกนี้อีก
“จัดการกับแขนเสื้อพวกนี้ก่อนดีกว่า”
ผินอินเดินไปทั่วโรงเก็บผ้าด้านหลัง ตั้งใจจะตามหาเข็มกับด้าย แต่เมื่อเดินผ่านห้องหนึ่งกลับได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ภายในห้องที่อยู่ห่างจากผู้คน
“หากพลาดครั้งนี้ เราต้องรอไปจนกว่าจะถึงเทศกาลโคมไฟ”
“เสียงใครน่ะ คุยกันดุเดือดจัง”
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผินอินจึงแอบไปฟังข้างกำแพง
“หากครั้งนี้เราไม่สามารถสังหารรัชทายาทได้ เชื่อว่าต่อไปจะต้องมีการระวังตัวมากขึ้น!”
“แต่เราจะลงมือบุ่มบ่ามไม่ได้ อีกอย่างงานนี้ราชองค์รักษ์มากันมากมาย เราต้องระวัง”
“หากมัวแต่รักตัวกลัวตาย ต่อไปก็คงไม่มีแม้แต่เงาหัว!”
“เจ้าอย่าเอ็ดเสียงดังไปหน่อยเลย หากยังมีเงาหัว ควรเงียบเสีย!”
ผินอินรู้สึกว่าตนเองมาได้ยินเรื่องที่ไม่ควรเข้าเสียแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องของตน อีกอย่างรัชทายาทโลกนี้ก็คงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตน
“ไปดีกว่า ไม่ใช่เรื่องสักนิด ใครจะตายก็ตายไป แต่ฉันจะตายไม่ได้เด็ดขาด!”
ผินอินรีบออกมาจากตรงนั้น เดินตามหาเข็มเย็บผ้าอยู่นาน กระทั่งได้ยินเสียงกลองตีขึ้น
“ตายล่ะ กำลังจะเริ่มแล้ว แบบนี้คงต้องไปแข่งทั้งแบบนี้แล้ว โธ่! เกะกะชะมัดไอ้แขนเสื้อรุ่มร่าม เฮ้อ...”
จำต้องรีบวิ่งกลับมาที่เดิม แต่เมื่อกำลังวิ่งผ่านหน้าแท่นประทับ สายตาของผินอินกวาดไปปะทะเข้ากับใบหน้าที่คุ้นตา
จำได้แม่นยำว่า เขาคือผู้ชายที่ช่วยเธอยิงลูกธนูใส่มอนสเตอร์ที่เกิดจากความผิดปกติที่มาจากไวรัส ชายคนนั้นนั่งอยู่กลางแท่น ด้านข้างมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยสองคนนั่งประกบซ้ายขวา
“ถวายพระพร องค์รัชทายาท”
“เอ๊ะ...”
------------------
เจอกันอีกแล้วนะเพคะ
หัวใจสั่นไหวทุกทีสิน่า