ระหว่างทางที่เดินออกมาจากร้านขายผ้าหยู่จี้ เซี่ยซือซือมองเห็นแม่เฒ่านางหนึ่งนั่งขายถังหูลู่[1]อยู่ อดนึกถึงน้องทั้งสองคนของนางไม่ได้ เอาไว้ทำธุระสำคัญเสร็จดีเสียก่อน นางค่อยกลับมาซื้อกลับไปฝากพวกเขา
หอโอสถหยวนเป่า
เป็นเรือนไม้สองชั้น มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต เซี่ยซือซือสัมผัสได้ว่าผู้คนที่เดินเข้าออกหอโอสถแห่งนี้ ล้วนแต่งตัวดูดีกันทุกคน มีเพียงนางที่ดูซอมซ่อในชุดเสื้อผ้าปะชุนแบบนี้ ก่อนหน้าที่หอหนังสือกับร้านขายผ้า นางไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของผู้อื่นเลย ครั้นเข้ามาในหอโอสถแห่งนี้ กลับพบสายตาดูถูกดูแคลนนาง
“พี่ชายหอโอสถของท่านรับซื้อสมุนไพรหรือไม่” นางทำใจกล้าถามคนดูแลที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด
“แม่นางน้อยหอโอสถของเรารับซื้อสมุนไพรอยู่ ท่านนำสมุนไพรตัวไหนมาขายรึ”
นับว่าผู้ดูแลคนนี้ยังปฏิบัติดีต่อนาง เซี่ยซือซือเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ออกไปว่า “เขากวางอ่อนเจ้าค่ะ”
ดวงตาของผู้ดูแลเฉาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ รีบผายมือเชื้อเชิญนางเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว พร้อมนำน้ำชาออกมาต้อนรับอีกต่างหาก
นี่มันเป็นการบริการแบบมีระดับสินะ เซี่ยซือซือรู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย เอื้อมมือไปยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบแก้กระหาย
“แม่นางน้อยท่านรออยู่ในห้องนี้สักครู่นะขอรับ ข้าจะไปตามนายท่านหยวนมาคุยด้วย เขากวางอ่อนเป็นของล้ำค่าข้าตัดสินใจเองไม่ได้”
“ได้เจ้าค่ะข้าจะนั่งรออยู่ตรงนี้แหละ”
นางจิบน้ำชาไปหมดไปสองถ้วย บานประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
นายท่านหยวนที่ว่า คือหยวนหย่งเล่อ เป็นบุตรคนรองของตระกูลหยวน เป็นตระกูลที่ทำการค้าเกี่ยวกับโอสถรายใหญ่ของแคว้นจ้าว หอโอสถหยวนเป่ามีสาขาอยู่ทั่วทุกหนแห่งในแคว้นจ้าวแห่งนี้ แต่หยวนหย่งเล่อในวัยยี่สิบห้าปี กลับมีความผิดติดตัว จนถูกผู้นำตระกูลทำโทษ ให้มาดูแลหอโอสถหยวนเป่า ที่ทำการค้าขายขาดทุนมานานหลายปี นั้นคือสาขาตำบลหานตงแห่งนี้ หากไม่สามารถทำกำไรให้คืนกลับมา เขาจะไม่มีสิทธิกลับไปยังตระกูลหลักที่อยู่ในเมืองหลวง
“แม่นางน้อยนี่นายท่านหยวนของเรา” เฉาเหวินอู่ผายมือให้เซี่ยซือซือรู้จักกับหยวนหย่งเล่อ
“นายท่านหยวน” เซี่ยซือซือโค้งศีรษะให้เขาเล็กน้อย เลื่อนสายตามองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้า ท่าทางเขาเหมือนคนไร้จิตวิญญาณ ล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“คนนี้รึที่เจ้าบอกว่า จะมาขายเขากวางอ่อนให้หอโอสถของข้า” หยวนหย่งเล่อถูกรบกวนเวลานอนพักผ่อนกลางวัน เลยเกิดอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย พอเห็นเด็กหญิงชาวบ้านเสื้อผ้าเก่าโทรมตรงหน้า ยิ่งทำเขาอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม
“ใช่ขอรับนายท่าน”
“สภาพเช่นนี้จะมีเขากวางอ่อนได้อย่างไร เจ้าถูกหลอกแล้วผู้ดูแลเฉา” เขาปรายตาปรามาสเฉาเหวินอู่
“อย่าได้โทษพี่ชายท่านนี้เลยนายท่านหยวน ข้านั้นย่อมมีเขากวางอ่อน มาขายให้หอโอสถของท่านอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้เอามันมาด้วย ข้าฝากคนอื่นเอาไว้ก่อน”
“เหตุใดถึงเอามาด้วยไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเจ้ามีตะกร้ามาด้วยหรอกหรือ” หยวนหย่งเล่อมองไปยังตะกร้าที่นางวางไว้ด้านข้าง
“คือว่าเรื่องมันเป็นเช่นนี้ เขาพบกวางตัวนี้อยู่ในถ้ำ มันถูกสัตว์อื่นทำร้ายมา ข้าไปเจอตอนมันกำลังจะตายพอดี แต่ข้าตัดเขาของมันไม่เป็นเจ้าค่ะ เลยเอามันมาทั้งตัว”
“หา ! เจ้าบอกว่าเอากวางตายมาทั้งตัวอย่างนั้นหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าหอโอสถของท่านต้องรู้วิธีตัดเขากวาง เลยนำมันมาทั้งตัว ข้าเพิ่งพบมันเมื่อเช้ายังสด ๆ อยู่เลย ท่านตัดเขาของมันไปแล้ว ข้าจะเอาเนื้อของมันไปชำแหละขายต่อเจ้าค่ะ”
หยวนหย่งเล่อคลี่พัดในมือออกกระพือเบา ๆ เด็กสาวคนนี้มีของล้ำค่าอย่างเขากวางอ่อนจริงหรือ ครั้นมองท่าทางมั่นอกมั่นใจของนาง ฟุบ ! เขารีบหุบพัดลง เคาะบนฝ่ามือตัวเองสองที
“ไปนำกวางของเจ้ามา ผู้ดูแลเฉาให้นางเข้ามาทางประตูข้าง” หยวนหย่งเล่อไม่ต้องการให้กวางตัวนี้ เป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนมากนัก
“ขอรับนายท่าน” เฉาเหวินอู่รับคำผู้เป็นนาย เดินนำหน้าพาเซี่ยซือซือไปยังประตูข้าง
“พี่ชายท่านรอข้าอยู่ที่นี่ล่ะ เดี๋ยวข้าไปเอารถเข็นกวางมาให้ ท่านไม่ต้องลำบากตามไปหรอกเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นย่อมได้” เฉาเหวินอู่รับปากนางแต่โดยดี
เซี่ยซือซือเดินหายไปจากสายตาของคนในหอโอสถหยวนเป่า นางเดินเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง ครั้นไม่เห็นผู้คนจึงเข้าไปในมิติพิเศษ โชคดีที่ในมิติแห่งนี้มีรถเข็นอยู่ในห้องครัวคันหนึ่ง นางยกกวางใส่วางแล้วนำออกมาข้างนอก
ทันทีที่เฉาเหวินอู่เห็นเจ้ากวางที่นอนแน่นิ่งอยู่บนรถเข็น ก็รีบเข้าไปช่วยเซี่ยซือซือเข็นข้ามประตูข้างเข้ามา เข็นไปจอดอยู่บริเวณลานหลังบ้าน ซึ่งมีหยวนหย่งเล่อนั่งจิบน้ำชารออยู่ก่อนหน้า
“เจ้าไม่ได้โกหกจริงด้วย” รอยยิ้มของหยวนหย่งเล่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้าไปดูเขากวางอ่อนใกล้ ๆ แววตาเป็นประกายราวกับพบสมบัติล้ำค่า
เพียงเท่านี้เซี่ยซือซือก็รู้ ว่าเขาพึงพอใจกับเขากวางอ่อนที่นางนำมาขาย “เป็นอย่างไรบ้าง นายท่านหยวนข้าหาได้โกหกท่านไม่ ข้ามีเขากวางอ่อนมาขายให้ท่านจริง ๆ”
หยวนหย่งเล่อพยักหน้าช้า ๆ “ข้าให้ข้างละหนึ่งร้อยตำลึง” เพียงเขาเอ่ยราคาออกไป เด็กสาวตรงหน้าก็นิ่งเงียบ สีหน้าของนางไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา “งั้นเพิ่มเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบ”
เซี่ยซือซือ “...”
ข้าแค่ไม่รู้ราคาจริงของมันในยุคนี้ต่างหาก นางนิ่วหน้าหนักกว่าเดิม
“เอาล่ะ ๆ เต็มที่แล้วข้าให้มากสุด ได้ข้างละสองร้อยตำลึง ส่วนเนื้อกวางข้าอยากกินอยู่พอดี ข้าจะซื้อมันไว้เอง แต่เจ้าไม่ได้ชำแหละมันมา ข้าจะกะราคาคร่าว ๆ ให้แล้วกัน กวางของเจ้าน้ำหนักน่าจะอยู่ที่หนึ่งร้อยชั่ง ข้าให้ยี่สิบห้าตำลึงก็แล้วกัน”
สี่ร้อยยี่สิบห้าตำลึง ! นี่มันเงินจำนวนมหาศาลเลยไม่ใช่หรือ แม้สีหน้าของเซี่ยซือซือจะนิ่งเฉย แต่ในใจของนางนั้นเต้นระทึกด้วยความตกใจ
“เจ้ายังเด็กอยู่ หอบเงินทองกลับไปคนเดียวเช่นนี้อันตราย มีผู้ใหญ่มาด้วยหรือไม่ แล้วเจ้าชื่อแซ่อะไรอยู่ที่ไหน” หยวนหย่งเล่อนึกถึงความปลอดภัยของนาง อีกทั้งถามชื่อที่อยู่เผื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“ข้าชื่อเซี่ยซือซืออยู่หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่เจ้าค่ะ ขอบคุณนายท่านหยวนที่เป็นห่วง วันนี้ข้านั่งวัวเทียมเกวียนมากับคนในหมู่บ้าน ไม่เป็นอันตรายแน่นอนเจ้าค่ะ รับรองได้ว่ากวางตัวนี้ข้าได้มาโดยบังเอิญ ไม่ได้ขโมยใครมาอย่างแน่นอน” เซี่ยซือซือตอบเสียงดังฉะฉาน เข้าใจในความข้องใจของหยวนหย่งเล่อ
“แล้วเจ้าจะให้ข้าจ่ายเป็นตั๋วเงินหรือก้อนตำลึงล่ะ”
เซี่ยซือซือทำหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางพยายามนึกถึงมูลค่าของเงินก้อนนี้ “สี่ร้อยตำลึงนั่นท่านจ่ายเป็นตั๋วเงินให้ข้า ที่เหลือข้าขอเป็นก้อนตำลึงเจ้าค่ะ”
“ผู้ดูแลเฉาทำตามที่นางต้องการ”
“ขอรับนายท่าน”
“มีอีกเรื่องข้าอยากถามพวกท่าน ข้ามีเห็ดเยื่อไผ่มาหนึ่งตะกร้า ไม่รู้ว่าพวกท่านสนใจเอาไปทำเป็นยาบ้างไหม” มีโอกาสขายนางก็รีบเสนอต่อในทันที
“เห็ดเยื่อไผ่ก็เป็นยาตัวหนึ่ง หอโอสถของเราย่อมรับไว้ เจ้าตามผู้ดูแลเฉาไปก็แล้วกัน ข้ายังต้องไปทำธุระต่ออีก”
“ขอบคุณนายท่านหยวนมากเจ้าค่ะ” เมื่อเงินก้อนโตกำลังจะอยู่ในมือ เซี่ยซือซือก็โค้งตัวอ่อนให้หยวนหย่งเล่ออย่างเต็มใจ ไม่คิดว่าการค้าขายกับหอโอสถหยวนเป่าจะราบรื่นถึงเพียงนี้
“แม่นางน้อย เชิญทางนี้” เฉินเหวินอู่เดินนำหน้านางไปยังห้องคิดเงิน
เซี่ยซือซือได้เงินจากเห็ดเยื่อไผ่มาอีกสองตำลึง นางเดินหน้ายิ้มแฉ่งออกจากหอโอสถไปอย่างสบายใจ ความรู้สึกหนักอึ้งก่อนหน้าหายเป็นปลิดทิ้ง นางเดินผ่านร้านไหนก็แวะร้านนั้น ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า ร้านข้าวสารธัญพืช เนื้อหมู เครื่องปรุงรสต่าง ๆ กระทั่งถังหูลู่ก็ไม่ลืมซื้อไปฝากน้องทั้งสองคน นางโยนทุกอย่างไว้ในมิติพิเศษ กะว่าใกล้ถึงบ้านสกุลถานค่อยนำออกมาใส่ตะกร้า
[1] ถังหูหลู หรือ ถังหูลู่ เป็นขนมขบเคี้ยวหรือของหวานแบบจีนภาคเหนือ ที่ใช้น้ำตาลเคลือบแข็งบนผิวผลไม้สดที่เสียบก้านไม้ยาว โดยเฉพาะแบบดั้งเดิมที่ใช้น้ำตาลกรวด เคลือบผลซานจาสด เป็นที่มาของชื่อเต็มคือ ปิงถังหูหลู