ฉันค่อนข้างงุนงงในสิ่งที่คุณป๋าบอกว่า ‘จะไม่มีงานหมั้น’ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีและฉันก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ
“ยิ้มอะไร” คุณป๋าถามเสียงเข้ม ฉันแทบหุบยิ้มไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงของคุณป๋าท้วง
“ปะ เปล่าค่ะ”
“เมื่อคืน...หลับสบายดีมั้ย ?” คำถามของคุณป๋ามันทำให้ใจดวงน้อยของฉันมันเต้นรัว ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ค่ะ ค่ะ...” ฉันพยักหน้าตอบหงึกๆ และไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคุณป๋า
“เมื่อคืนฉันเมามาก” คุณป๋าพูดน้ำเสียงเย็นๆ ก่อนจะวางช้อนลงบนจานข้าวแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินย่างกรายตรงมาหาฉัน
“อะ เอ่อ...” (พรึบ) ฉันรีบลุกขึ้นพรวด “ฝะ ฝุ่นเพิ่งคิดได้ว่าลืมปิดน้ำในห้อง ดะ เดี๋ยวฝุ่นรีบไปปิดน้ำก่อนนะคะ”
ฉันรีบพูดอย่างร้อนรนเมื่อคุณป๋าเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นฉันก็รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง
จริงๆ ฉันไม่ได้ลืมปิดน้ำ แต่ฉันไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้กับคุณป๋า มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ เมื่อยกมือขึ้นมาทาบบนหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วพบว่าหัวใจมันเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งไม่ยอมหยุดเลย
ฉันนั่งลงบนเตียงพยายามเลิกคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกคุณป๋าจูบ และเมื่อคิดว่าตอนนั้นคุณป๋าคิดว่าฉันเป็นพี่ฝนมันก็รู้สึกแปลกๆ ใจที่เคยเต้นรัวค่อยๆ เต้นช้าลงและเต้นในจังหวะที่คงที่ แทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มันเจ็บจี๊ดแปลกๆ
ตึก ตึก! เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาต่อเนื่องจากด้านหน้าห้อง ก่อนที่ประตูห้องจะค่อยๆ ถูกเปิดเข้ามา
“คะ คุณป๋า” ฉันเริ่มนั่งไม่ติดอีกครั้งเมื่อเห็นเป็นคุณป๋า
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น ?”
“คุณป๋า มะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ในตอนนี้ฉันพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด
“มีอีกเรื่องที่ฉันจะบอก”
“ระ เรื่องอะไรหรอคะ”
คุณป๋าจ้องมองมาที่ใบหน้าของฉันแล้วเดินตรงเข้ามาประชิดตัวฉันอย่างรวดเร็วโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว
มือหนาประคองท้ายทอยของฉันเอาไว้ อีกมือของคุณป๋าจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะประกบลงมาบนริมฝีปากของฉันหนักๆ
“อื้อ ~” ฉันเปล่งเสียงครางออกมาเบาๆ ในลำคอเมื่อคุณป๋าทำแบบนี้อีกครั้ง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันเริ่มประเดประดังเข้ามาในหัวของฉัน
เพียงไม่นานคุณป๋าก็ถอดริมฝีปากออกไป
“ห้ามทำแบบนี้กับใคร” คุณป๋าสั่งเสียงดุ
“คะ แค่บอกก็ได้นี่คะ ไม่เห็นต้อง...มะ ไม่เห็นต้องทำเลย” ฉันก้มหน้าพูด
“เธอจะได้จำ”
“จำได้แล้วค่ะ คุณป๋าห้ามทำแบบนี้กับฝุ่นอีกนะคะ มันไม่ดี” ฉันกลั้นใจพูดออกไป ไม่รู้จะบอกให้คุณป๋าเข้าใจในความหมายนี้ยังไงเหมือนกัน แต่มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีหากมีใครมาเห็น
“ไม่ดี ?” คุณป๋าจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้นไปมองหน้าตัวเอง “กับฉันเป็นข้อยกเว้น”
“.....” ฉันเม้มปากเข้าหากันแน่น ที่เคยบอกว่าคุณป๋าดูเปลี่ยนไปแปลกๆ มันคือความจริง แต่ก็แค่บางครั้ง อย่างเช่นตอนนี้
“อะไรที่ฉันห้าม ฉันจะสอนให้เธอรู้ดีมั้ย ?”
“สอน ?” ฉันถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อได้ยินคุณป๋าบอกว่าจะสอน ต้องสอนเรื่องอะไรกัน แค่คำพูดก็พอจะเข้าใจดีแล้ว
“เอาไว้ถ้าเธอดื้อเมื่อไหร่ เธอจะรู้เองว่าฉันจะสอนอะไร”
เวลาผ่านไปจนถึงวันที่ฉันต้องไปที่กรุงเทพ...นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลยก็ว่าได้ที่ต้องห่างมาจากบ้าน และเป็นครั้งแรกกับการมากรุงเทพ ทุกอย่างมันดูแปลกตาไปหมดเลย
คุณป๋าไม่ได้มาส่งฉัน เพราะบินไปต่างประเทศตั้งแต่เช้า และก็ไม่ได้โทรมาหาฉัน คงจะติดงานใหญ่ มีเพียงข้อความเงินเข้าบัญชีที่เด้งเข้ามาตอนที่ฉันถึงกรุงเทพแล้ว แต่ก็ไร้วี่แววของคุณที่จะโทรมา
ฉันได้แต่นั่งมองหน้าจอโทรศัพท์เพื่อรอ รอสายของคุณป๋า...