ควีนเดินลงมาจากบนบ้านของตัวเองด้วยความเร่งรีบ แต่ทีท่าของเธอยังคงสง่างามอยู่อย่างเคยแม้ว่าในใจของเธอนั้นจะร้อนรนสักแค่ไหน
เพราะไม่กี่นาทีก่อนหน้ามีสายมาจากคนสนิทของเธออย่างซงคัง เขาได้โทรมาบอกเธอถึงข่าวร้ายว่าล็อตส่งของในวันนี้ที่เคยตรวจเช็คถึงความเรียบร้อยก่อนส่งออกเกิดความเสียหาย เพราะดันมีมือดีแอบไปติดตั้งระเบิดเวลาให้ตรงกับที่เวลาเรือออก อย่างที่เธอกำลังสงสัยว่าคนเหล่านั้นรู้ได้อย่างไรว่าเรือจะออกตอนไหน
แน่นอนว่าคนที่ตกเป็นเป้าเบอร์หนึ่งย่อมเป็นไลอ้อนอยู่แล้ว ซงคังสันนิษฐานเอาไว้ว่าเป็นเพราะเขาแสร้งทำตัวเหมือนกับถูกหักหลัง แต่แท้จริงแล้วเขายังคอยส่งข่าวบอกทางฝ่ายนั้นเงียบ ๆ อยู่
แต่เธอก็ยังไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นเพราะมันยังเป็นแค่การสันนิษฐานจากคนสนิทแค่เพียงเท่านั้น และตอนนี้เธอกำลังจะต้องเดินทางไปที่เกิดเหตุ เพราะเขาบอกกับเธอว่าสามารถจับคนลอบวางระเบิดได้ แต่มันดันปิดปากเงียบราวกับผู้ภักดีและเธอจะต้องไปไขให้กระจ่างว่ามันเป็นคนของใคร
มูลค่าความเสียหายที่เธอสูญสิ้นไปในวันนี้...มันจะต้องได้ชดใช้คืนอย่างสาสม!
ปึ้ง!
แต่แล้วกลับมีเสียงมาจากทางในครัวให้เธอที่กำลังจะเดินผ่านออกไปทางหน้าบ้านถึงกับต้องหันกลับมาสบมอง พร้อมกับการ์ดอีกสี่-ห้าคนที่ได้ยินและเขาก็เดินเข้ามาเฉกเช่นเดียวกัน
“ควีนรอตรงนี้ก่อนนะครับ!” หนุ่มผู้ภักดีเอ่ยขึ้นมาให้เธอต้องพยักหน้ารับ
เขาเดินจ่อปืนไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบให้เธอเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง ทั้งทางด้านหลังของเธอก็มีการ์ดยืนอยู่เช่นกันเนื่องจากว่าจะต้องรักษาความปลอดภัยให้เธอ
“เห้ย! ใครวะ!” การ์ดของเธอตะโกนออกไปเสียงดังให้เธอต้องชะโงกหน้าออกไปสบมองอย่างระวังตัว
ก่อนจะเห็นแผ่นหลังสูงโปร่งของใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตู้เย็น และเขาก็ยกมือขึ้นมาอย่างยอมแพ้ราวกับว่าจะไม่ขยับไปไหนอีกแล้ว
“หันหน้ามา!” การ์ดของเธอตะโกนอีกครั้ง
ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ หันมาเผยให้เห็นใบหน้าของใครบางคนที่เธอคุ้นเคย พร้อมกับที่ปากของเขาคาบขนมปังเอาไว้เสียเต็มปากจนเธอต้องถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างเอือมระอา
“ไอ้ชิบะ!”
“ขอโทษ!” เขาตะโกนตอบกลับมาทั้ง ๆ ที่มือยังไม่ยอมลดลงในท่ายอมแพ้ “ฉันหิว! หิวไม่ได้หรือไง!”
“ฉันจะทำยังไงกับคนอย่างเธอดี!” เธอตะโกนออกไปอีกครั้งพร้อมกับสั่งการ์ดให้ลดปืนลงและให้พวกเขาออกไปได้
“ว่าแต่คุณจะไปไหน?” และเขาก็ถามออกมาอีกครั้งในขณะที่กำลังยัดแผ่นขนมปังเข้าปากอีกหน และมันทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเขา
“รถมาแล้วครับควีน” การ์ดอีกคนเดินกลับมาบอกเธอเพราะเธอได้สั่งให้เขาเตรียมรถให้พร้อมเมื่อประมาณสิบนาทีก่อน
ควีนหันไปพยักหน้าให้กับการ์ดพร้อมกับหันมาสบมองคนที่มองเธอผ่านแว่นทรงสี่เหลี่ยมของตัวเองอย่างคนสงสัย ซงคังน่าจะไม่ได้แจ้งกับเขาเพราะกำลังถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัย
“ไปกับฉัน” เธอเอ่ยรีบ ๆ และก้าวเดินออกไปในทันที
“เดี๋ยวสิคุณ จะไปไหน คุณณ!”
ไอหมาบ้า! นี่เธอจะทำอย่างไรกับคนอย่างนี้ดี!
ไม่นานรถก็มาจอดเทียบยังท่าเรือ พร้อมกับที่เธอเห็นว่ามีรถตำรวจและหน่วยกู้ภัยหลายต่อหลายคันมาเพื่อรับคนเจ็บที่ได้รับผลกระทบในการวางระเบิดครั้งนี้
“ทางนี้ครับควีน” เธอเดินไปตามเสียงเรียกของการ์ดที่อยู่ไกล ๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันไกลจากจุดเกิดเหตุอยู่พอสมควรเพราะไม่อยากให้เป็นเป้าสายตา
ซงคังได้จ่ายเงินให้กับตำรวจไปก่อนแล้วเพราะเขาต้องการที่จะเก็บมือวางระเบิดเอาไว้เพื่อมาสืบสวนเอง ดีที่วันนี้หน่วยที่ลงมาทำคดีเป็นคนของเธอ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเป็นตำรวจที่คอยจับตาดูเธออยู่ล่ะก็...ไอคนนี้น่าจะโดนจับเข้าตารางไปตั้งนานแล้ว
ร่างบอบบางของนางพญาสาวเดินเข้าไปภายในตู้คอนเทนเนอร์สีดำทึบที่อยู่ไกล ๆ จากท่าเรือซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ ก่อนที่การ์ดของเธอจะให้การเคารพนับถือด้วยการโค้งคำนับให้เธอในทันที
พร้อมกับที่สายตาดุดันของเธอมองเห็นว่ามีใครอีกคนถูกจับมัดติดกับเก้าอี้อยู่ และสภาพของเขาก็ไม่น่ามองดูเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าโดนซ้อมจนเลือดอาบเต็มตัว และสติของเขากำลังจะโรยรินดับลงเพราะคงจะทนเจ็บต่อไปไม่ไหว
“เราเจอมันที่...” ซงคังที่กำลังจะรายงานถึงกับหยุดชะงักเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังเธอมาด้วยกัน “ทำไมถึงเอาคนที่เป็นผู้ต้องสงสัยมาล่ะครับ!”
“อ้าว ๆ พูดหมา ๆ แบบนี้ไม่ดีนะคุณ!” ไลอ้อนพูดออกไปอย่างเหลืออด
จะไม่ชอบกันไม่ว่า แต่อย่ามากล่าวหาว่าเธอเป็นผู้ต้องสงสัยลอย ๆ แบบไม่มีสาเหตุ เรื่องราวคร่าว ๆ เธอได้ฟังตอนอยู่บนรถมาแล้ว และมันทำให้เธอโมโหมากในตอนนี้เพราะกำลังสงสัยว่าต้องเป็นคนของพัคแน่ ๆ และเขากำลังทำให้ความชื่นชมของเธอที่มีเสมอมามันค่อย ๆ ลดทอนหายไป
พัคเป็นตระกูลเก่าแก่ที่เธอนับถือบูชามาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จริง ๆ แล้วคุณท่านให้โอกาสเธอได้เลือกเส้นทางของตัวเองด้วยซ้ำในคราวที่รับเธอมาเลี้ยงเพราะเขาต้องการลูกผู้หญิง
แต่เพราะว่าเธอชื่นชอบและอยากที่จะเห็นตระกูลเติบโตไปพร้อม ๆ กับตัวเธอ ไลอ้อนจึงเลือกเส้นทางแห่งการเป็นนักฆ่า...จนได้กลายมาเป็นมือขวาของคนปัจจุบันก่อนที่ตัวเองจะโดนหักหลังอย่างไม่ใยดี
สองสายตาสอดประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใครจนท้ายที่สุดแล้วก็เป็นควีนที่ไปยืนขวางเอาไว้ทั้งยังทำหน้าดุ ๆ ใส่คนทั้งสองจนเขาต้องยอมสิโรราบให้กับสายตาของเธอแต่โดยดีทั้งคู่
“เอามาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไงล่ะ...” เธอกอดอกและจ้องมองไปที่ชายซึ่งกำลังจะหมดสติเพราะการถูกซ้อม “อย่าให้ฉันผิดหวังล่ะชิบะ...”
“อืม...” ไลอ้อนพยักหน้ารับ ก่อนที่เธอจะแหวกทางและเดินเข้าไปหาชายคนนั้น ท่ามกลางสายตาที่ไม่พอใจของซงคังที่ยืนมองดูอยู่ “ไง...” เสียงเย็นยะเยือกของเขาส่งไปถึงคนที่กำลังก้มหน้าอยู่
ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาสบมองเธอและยกยิ้มออกมาราวกับว่าเราสนิทกันอย่างไรอย่างนั้น
“นายครับ ผมทำงานสำเร็จแล้วนาย!” อยู่ ๆ ชายคนนั้นก็เรียกเธอว่านายเสียงดังลั่นจนตอนนี้การ์ดทั้งห้องกำลังเอาปืนจ่อมาที่เธอ “นายช่วยผมด้วยนะครับ ผมยังไม่อยากตาย...”
“เหอะ! ไอพวกชั่วเอ้ย!” ไลอ้อนยืดตัวจนเต็มความสูงอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะยกเอามือเสยผมของตัวเองขึ้นไปลวก ๆ อย่างไม่ใส่ใจ
ไลอ้อนขยับใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้กับคนตรงหน้าอีกครั้งด้วยแววตาดุดันจนคนที่นั่งอยู่ถึงกับตัวสั่นไหว เธอจำได้ดีว่าชายคนนี้เป็นคนของตระกูลพัค และเธอก็รู้ด้วยว่าเขากำลังหวาดกลัวเธอมาก...แต่ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ คนที่จ้องจะฆ่าเขาอยู่ก็คือณคินนั่นเอง
“ตอแหลไปก็ไม่ช่วยให้มึงมีชีวิตรอดไปได้หรอก!” ไลอ้อนพูดออกมาเสียงแข็งและจดจ้องมองเขาไม่วางตา
ชายที่อยู่ตรงนั้นได้แต่กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคออย่างนึกหวาดหวั่น แค่ไลอ้อนคนเดียวทำเขาเยี่ยวจะราดอยู่แล้วและมันเทียบไม่ติดเลยกับชายเป็นสิบคนเมื่อครู่ที่รุมกันซ้อมเขา
เขาจำได้ถึงวันนั้นที่ไลอ้อนปาดคอคนอย่างเลือดเย็นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ภาพติดตาของเขาในวันนั้นก็คือเขาเห็นว่าไลอ้อนใช้มีดที่ปาดคนจนตาย และเขาก็สบมองเลือดนั้นทั้งรอยยิ้ม ก่อนที่จะใช้นิ้วแตะที่เลือดซึ่งติดอยู่ที่ปลายมีดเบา ๆ
ไลอ้อนดูดนิ้วที่มีเลือดติดอยู่อย่างเอร็ดอร่อยให้คนที่ไปกับเขาในวันนั้นต่างก็ขนลุกซู่และไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาอีกเลยนับตั้งแต่นั้นมา
ไลอ้อนเป็นผู้หญิงที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลกในชีวิตของเขา...
“ยะ อย่า! ผมยอมแล้ว!” อยู่ ๆ เขาก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่นทั้ง ๆ ที่ไลอ้อนยังไม่ได้ทำอะไรเลยแม้เพียงน้อย
เขาเพียงแค่มองหน้าของคนที่นั่งอยู่เท่านั้น แต่เธอที่มองอยู่ตรงนี้ก็เห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเขาที่ใช้มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ยังไม่มีการลงมือใด ๆ ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัว นอกเสียจากว่าไลอ้อนจะใช้หน้าแตะเขาเท่านั้นแหละ และเธอคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
“ลดปืนลง” เธอเอ่ยสั่งการ์ด ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับคนทั้งสอง และภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เธอยิ่งมึนงงไปกันใหญ่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “เกิดอะไรขึ้น...”
“ฮึกฮือ...ผมยอมแล้ว ฆ่าผมเลยนะ อย่าให้ไลอ้อนแตะต้องผมเลย ฮือ...” ควีนหันไปสบมองใบหน้าของคนสูงกว่าที่ยืดตัวขึ้นมาจนเต็มความสูงแล้วอย่างต้องการคำอธิบาย
“เอ่อ เขาเป็นคนของพัคน่ะ...จะบอกว่าได้เห็นภาพสยดสยองจากฝีมือของฉันมานักต่อนักแล้วมันก็ไม่เกินจริง และฉันคิดว่าเขาน่าจะกลัวฉัน แฮะ ๆ”
“กลัวเธอ? หน้าอย่างนี้เนี่ยนะ?” ควีนขมวดคิ้วฉงนอย่างไม่เข้าใจอะไรเลย
ก็หน้าของเขาตอนนี้มันยียวนกวนประสาทน่ะสิ ไหนจะยักไหล่อย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก มันน่ากลัวตรงไหนกัน เธอไม่เห็นจะเข้าใจ!
“ผมเป็นคนของพัคครับ เขาแค่ส่งผมมาวางระเบิด แต่นอกเหนือจากนี้ผมไม่รู้อะไรแล้วครับ!” เธอหันกลับไปสบมองที่คนด้านข้างอีกครั้ง
“แล้วนายรู้ไหมว่าจุดจบของการทำอย่างนี้...คืออะไร?”
“เขาบอกผมว่าจะส่งคนมารับตอนสองทุ่มตรง และบอกกับผมว่าถ้าอะไรผิดพลาด...” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบมองไลอ้อนที่กำลังยกมือกอดอกและจ้องมองเขาอยู่
ซึ่งเธอก็หันไปมองตามก่อนที่จะเห็นแววตาของเขาที่เปลี่ยนไปกลายเป็นสัตว์ร้ายเมื่อมองศัตรู หมดมาดเจ้าหมากวนประสาทที่ชอบทำกับเธอไปโดยสิ้นเชิง
“ให้โยนความผิดไปให้ไลอ้อนทั้งหมด เพราะควีนจะได้...”
ปัง!
“พูดมากน่ารำคาญ!” เธอยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นเมื่ออยู่ ๆ ไลอ้อนก็ใช้ปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวของการ์ดและเหนี่ยวไกลใส่เขาในทันทีโดยที่เขายังไม่มีโอกาสได้พูดอะไรต่อ
“นี่เธอ...”
“ฉันไม่ขออะไรคุณมากเลยนะ...” เขาหันกลับมาสบมองที่เธออีกครั้งและยกมือกอดอกเอาไว้
ใบหน้านิ่งเฉยกับดวงตาที่แฝงไปด้วยความเคียดแค้นของเขาทำเอาเธอที่กำลังจะต่อว่า...ถึงกับขนลุกซู่และไม่กล้าเอ่ยปากออกไปอย่างรู้สึกหวาดหวั่นทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน
“ถ้าหากคนของพัคมันเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของตระกูลคุณเมื่อไร...”
“…”
“ฉันขอเป็นคนเหนี่ยวไกลปืนใส่หัวพวกมันทั้งหมดด้วยตัวของฉันเอง...”