“จริงหรือ… ”
หัวคิ้วของเสี่ยรุตย์ชิดเข้าหากัน
“จริงค่ะ… ”
“โลกนี้ช่างแคบนัก… ”
เสี่ยรุตน์จ้องมองใบหน้าของหญิงสาว ถ้าเป็นแบบนี้น่าจะใช่เพื่อนเก่าของเขา
“เสี่ยหมายความว่ายังไงคะ… ”
“คืนนี้เราคงต้องคุยกันยาว… ว่าแต่พ่อของเธอติดหนี้เจ๊หลินเท่าไร… ”
“ห้าหมื่นค่ะ… ”
น้ำหวานจำต้องเล่าเรื่องราวชีวิตอันน่าสลดอดสูให้กับเสี่ยรุตน์ฟังว่าเมื่อสามวันก่อนนาง ‘สาลี่’ แม่เลี้ยงของหล่อนพามาหาเจ๊หลิน
ตกลงว่าจะให้หล่อนมาทำงานกับเจ๊หลิน ต้องรับแขกให้ครบห้าคนเพื่อล้างหนี้สินทั้งหมด
“บ้าจริง… แม่เลี้ยงเธอใจร้ายมาก นับว่าเธอโชคดีที่ฉันมาเจอเธอก่อน… ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นเธอโดยขยี้ยับไปแล้ว… ”
เสี่ยรุตน์กล่าว…
จากนั้นก็เรียกเจ๊หลินเข้ามาคุย…
เขาชดใช้หนี้ห้าหมื่นบาทแทนครอบครัวของน้ำหวาน และขอดูเอกสารสัญญาการกู้เงินที่ทำไว้
“ขอบคุณค่ะเสี่ย… บอกแล้วไงว่าเด็กคนนี้ยังสดยังซิง ดูสิ… ติดใจจนต้องใช้หนี้แทน… ”
เจ๊หลินตาวาวมองธนบัตรปึกใหญ่ที่เสี่ยรุตน์เดินออกไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มริมถนน เอามาจ่ายเป็นเงินสด เพราะว่าวันนี้เขาพกเงินสดมาไม่มาก
หลังจากตกลงกันแล้วก็ถ่ายรูปตอนที่เจ๊หลินรับเงินไว้เป็นหลักฐาน
“รู้หรือเปล่าว่าแกโชคดีมากที่ได้เสี่ยเลี้ยง… ทำตัวให้น่ารักล่ะ… เสี่ยรุตน์คนนี้ใครๆ ก็อยากได้เป็นผัว”
เจ๊หลินกระซิบบอกน้ำหวาน ก่อนที่หล่อนจะออกไปพร้อมกับเสี่ยรุตน์
น้ำหวานไม่ได้กล่าวอะไรกับเจ๊หลิน รู้สึกดีใจที่จะได้ออกไปจากขุมนรกแห่งนี้เสียที
แต่น้ำหวานก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นแบบนี้… การแลกเปลี่ยนนี้จะทำให้หล่อนต้องไปเป็น ‘เด็กเสี่ย’ หรือ ‘เมียเก็บ’ อย่างที่เจ๊หลินบอกใช่ไหม?
เอาเถอะ…
หญิงสาวบอกตัวเอง ออกไปให้พ้นจากที่นี่ก่อน ไปกับเสี่ยยังดีกว่าอยู่ให้โดนลูกค้าหื่นกามของเจ๊หลินมาซื้อบริการ
“ขึ้นรถ… เดี๋ยวฉันจะไปส่งที่บ้าน… ”
เสี่ยรุตน์ถามเมื่อหญิงสาวเดินตามมาถึงรถเบนส์สีดำคันใหญ่ จอดอยู่ในลานจอดรถหลังร้านอาหาร
“เอ่อ… หนูขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่คุณช่วยใช้หนี้ แต่หนูคงไม่กลับบ้าน… ”
“ทำไมไม่กลับบ้าน… ”
“ถ้ากลับไปก็คงไม่พ้นโดนแม่เลี้ยงบังคับให้ขายตัวอีก… ”
“ทำไมแม่เลี้ยงเธอแย่จัง… ถ้าไม่กลับบ้านแล้วเธอจะไปอยู่ไหน… ”
น้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด
“…..”
น้ำหวานนิ่ง ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะตอนนี้ชีวิตของหล่อนไร้จุดหมาย
“ถ้ายังไม่มีที่ไปงั้นเธอไปพักที่บ้านฉันก่อน… ”
เสี่ยรุตย์คิดว่าไหนๆ ก็ตัดสินใจช่วยแล้ว ก็คงต้องช่วยกันต่อไป
‘เมตตาธรรม’ เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่ลึกๆ ในใจจองเสี่ยรุตน์เท่านั้นที่รู้ดีว่าเพราะอะไรเขาจึงไม่ปล่อยให้หล่อนจากไปง่ายๆ
“แล้วคนที่บ้านเสี่ยจะไม่ว่าหรือคะถ้าพาหนูไปบ้าน… ”
“ฉันมีบ้านหลายหลัง… ไม่ต้องห่วง มาเถอะ… ขึ้นรถ”
คำพูดของเสี่ยรุตน์…
ทำให้น้ำหวานเปิดประตูรถ ตัดสินใจขึ้นมานั่งเคียงข้างร่างสูงใหญ่ของเสี่ย
ใช้เวลาไม่นาน…
เสี่ยรุตน์ก็พาหญิงสาวมาถึงบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว หลังใหญ่ อยู่ลึกเข้ามาในซอยท้ายสุดของหมู่บ้านในโครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมทะเลปากน้ำปราณบุรีซึ่งเป็นโครงการของเสี่ยเอง
“สวัสดีครับนาย… ”
เพียงแค่เห็นรถเบนส์สีดำคันใหญ่ของเสี่ยรุตน์ ลุงยามที่ดูแลความปลอดภัยอยู่หน้าประตูทางเข้าหมู่บ้านก็จำได้ รีบทำความเคารพแล้วเปิดไม้กั้นทาง
“ผมซื้อมาฝาก… ”
เสี่ยรุตน์ยื่นถุงให้ลุงยามเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาแวะเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ ข้างในมีข้าวกล่องที่สั่งมาจากร้านอาหาร
“ขอบคุณครับนาย… ”
ลุงยามยกมือไหว้ มองส่งรถเบนส์คันใหญ่แล่นเข้าไปด้านในของหมู่บ้าน มาจอดอยู่หน้าประตูรั้วสีขาว
เสี่ยรุตน์ลงมาไขกุญแจเปิดประตูบ้าน ขับรถเข้ามาจอดในบ้าน
“ในระหว่างนี้เธออยู่ที่นี่ไปก่อน… ”
เสี่ยรุตน์กล่าวกับหญิงสาวที่กำลังก้าวลงจากรถ
“เอ่อ… หนูไม่มีเงินจ่ายค่าเช่านะคะ”
มีความกังวลในน้ำเสียงของน้ำหวาน
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะคิดค่าเช่า… เอาเป็นว่าฉันให้เธออยู่ฟรี หลังนี้เป็นบ้านของฉันเอง… ”
บ้านเดี่ยวหลังนี้เป็นหลังเดียวที่ยังเหลืออยู่ในโครงการ อันที่จริงมีคนต้องการซื้อ แต่เสี่ยรุตน์นั่นเองที่ไม่ขาย เพราะชอบบรรยากาศด้านหลังบ้านที่ติดทะเล เป็นทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น ทุกเช้าจะเห็นแสงตะวัน จึงเก็บเอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ
“แน่ใจนะคะที่ว่าจะให้หนูอยู่ฟรี”
น้ำหวานถามย้ำอีกครั้ง
“แน่ใจสิ… เอาเป็นว่าฉันจ้างเธอไว้เฝ้าบ้านหลังนี้ก็แล้วกัน ดีไหม… เธอช่วยดูแลบ้านให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะจ่ายเงินเดือนให้ด้วย เธอจะได้ไม่ต้องเกรงใจว่าฉันให้อยู่ฟรี… ”
“จริงหรือคะ… ”
หญิงสาวแสดงอาการดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“จริง… ”
เสี่ยรุตน์ตอบ
“ขอบคุณค่ะเสี่ย… ”
น้ำหวานยกมือไหว้ แววตาซาบซึ้งขอบคุณชายผู้มีพระคุณ เพราะไม่เคยคาดคิดว่าในวันที่ชีวิตกำลังสิ้นหวังสุดๆ ถึงขั้นตัดสินใจยอมมาขายตัว
จะทำให้ได้มาเจอกับเสี่ยรุตน์คนนี้ แม้ตอนแรกเขาจะแสดงอาการหื่นกับหล่อนราวสัตว์ร้ายหมายขย้ำเหยื่อ แต่ใครจะคิดว่าภายใต้ดวงหน้าและแววตาที่แฝงความเร่าร้อนคู่เดียวกันนี้ หล่อนสัมผัสได้ถึงตัวตนอันแท้จริงอีกด้านที่ไม่โหดร้ายของเขา