หลังจากยูริตามนิโคไลขึ้นไปบนห้องพักด้วยความเป็นห่วงแล้ว เกรกอรี่ก็เรียกให้หล่อนตามขึ้นไปพบที่ห้องหนังสือเช่นกัน
“ไหนบอกว่าเจ้านิคมันอ่อนลงเยอะแล้วไงล่ะหนูอิง”
“คือ... หนู... คือว่า...”
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ ก้มหน้านิ่ง ดวงหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด
“หนู... ขอโทษค่ะ”
เกรกอรี่กระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ
“เอาล่ะ ฉันจะไม่ต่อว่าอะไรหนูอิงอีกเพราะฉันรู้จักนิสัยของเจ้านิคมันดี แต่หลังจากนี้ต่อไป หนูมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้เจ้านิคมันยอมรับหนูให้ได้ หรือถ้าจะให้ดีหนูก็ต้องยอมนอนกับมันไปเลย เพราะถ้าเป็นอย่างหลัง หนูจะไม่ต้องเสียเวลามาแต่งงาน เพราะฉันมั่นใจว่าหลานของฉันที่เป็นสายเลือดของราชวรกุลจุติอยู่ในท้องของหนูอิงอย่างแน่นอน”
คนฟังหน้าร้อนฉ่าแทบไหม้เพราะความอดสู แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะปฏิเสธ
“ค่ะ... คุณลุง...”
“ดีมาก ฉันก็จะพยายามเปิดโอกาสให้หนูอิงกับเจ้านิคอยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และฉันก็หวังว่าหนูจะใช้โอกาสนี้ทำให้เจ้านิคมันลืมตัวสักครั้ง”
ลืมตัวหรือ?คนคิดน้ำตาซึมตกในอย่างเจ็บปวด
“ค่ะ หนูจะพยายาม”
“ฉันหวังว่าหนูจะพยายามจริงๆ อย่างที่รับปากกับฉันเอาไว้ เอาล่ะออกไปได้แล้ว ห้องพักของหนูอิงอยู่ติดกับห้องเจ้านิคนั่นแหละ”
เกรกอรี่โบกมือไล่ แต่อิงบุญก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ จนเจ้าของห้องต้องเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“หนูอิงมีอะไรกับฉันอีกหรือ”
“คือหนู... หนูอยากรู้ว่า... คุณลุงตามหาน้องชายของหนูไปถึงไหนแล้วคะ”
เกรกอรี่ระบายยิ้มบางๆ ออกมา มีบางอย่างในดวงตาสีเขียวมรกตที่ทำให้อิงบุญหวาดระแวง
“ทุกอย่างจะเรียบร้อยทันที หนูอิงจะได้เจอกับน้องชายทันทีเมื่อหนูอิงตั้งครรภ์หลานของฉัน”
“จริง... จริงเหรอคะคุณลุง... งั้นก็แสดงว่าตอนนี้คุณลุงเจอน้องชายของหนูแล้ว”
ชายสูงวัยยังระบายยิ้มแบบเดิม
“ยังหรอก ฉันก็แค่ได้เบาะแสเพิ่มมากกว่าเดิมเท่านั้น แต่ฉันรับรองว่าหนูจะต้องได้เจอกับน้องชายของตัวเองแน่นอน”
ดอกไม้ของความหวังที่เบ่งบานคับแน่นอกทำให้อิงบุญระบายยิ้มออกมาทั้งน้ำตา มองผู้ชายสูงวัยตรงหน้าอย่างขอบคุณ ถึงแม้ว่าเกรกอรี่จะบีบให้หล่อนไม่เหลือทางเดินอื่นใดนอกจากทำตามความต้องการของเขา แต่เขาก็จะทำให้หล่อนได้พบกันอินทัช
“ขอบ... ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ ขอบคุณที่สุด”
“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเราแลกเปลี่ยนกัน”
เกรกอรี่ระบายยิ้ม มองเด็กสาวตรงหน้านิ่ง ความจริงเขาก็อดที่จะเอ็นดูอิงบุญไม่ได้ แต่เพราะเรื่องเจ็บช้ำในอดีตที่ยากจะลืมทำให้เขาเลือกที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องลงไป
“เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว และอย่าลืมทำทุกวิถีทางเพื่อให้เจ้านิคมันเผลอตัวไปกับหนูอิงล่ะ”
แก้มนวลแดงระเรื่อ ดวงหน้างามร้อนผ่าวด้วยความอดสู
“เอ่อ ค่ะ หนูจะพยายาม งั้นหนูออกไปก่อนนะคะ”
เมื่อเกรกอรี่พยักหน้าอนุญาต หญิงสาวก็เดินออกไป แต่ทันทีที่เปิดประตูห้องหนังสือออก ดวงหน้างามก็ต้องซีดเผือดราวกับกระดาษ
“คุณนิค!”
นิโคไลอึ้งไปนานเหมือนกันเมื่อเห็นอิงบุญเดินออกมาจากห้องหนังสือของบิดา เนื้อตัวของเขากระตุกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ความเกลียดชังกระหน่ำอยู่ภายในอย่างรุนแรง
“ร่าน พ่อฉันแก่จนแทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว เธอยังมาอ่อยถึงห้องเชียวนะ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
“หุบปาก! ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของอีตัวอย่างเธอ ไสหัวไปเลย!”
แล้วคนตัวโตก็บันดาลโทสะด้วยการเหวี่ยงร่างอรชรของอิงบุญออกจากประตูห้องอย่างไม่ปรานีจนร่างเล็กเซถลาไปเสียหลักล้มลงกับพื้นห้องด้านนอกอย่างแรง หญิงสาวน้ำตาซึม แต่คนกระทำหาได้แสดงความเห็นใจไม่ เขากลับยิ่งตอกย้ำหล่อนด้วยสายตากระด้างและคำพูด
“ผู้หญิงอย่างเธอน่ะมันหนาไปทั้งตัว คงไม่เจ็บหรอกมั้งแค่นี้”
เขาเดินหายเข้าไปในห้องหนังสือที่เกรกอรี่นั่งอยู่ ในขณะที่หล่อนนั่งร้องไห้น้ำตาไหลพรากอยู่ที่เดิมนานแสนนาน
“ทำไม... คุณถึงใจร้ายกับฉันแบบนี้คะคุณนิค”
น้ำตาที่พยายามเช็ดมันไหลทะลักออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเช็ดจะปาดมันยังไงมันก็ไม่ยอมเหือดแห้งจากแก้มนวลเลย หล่อนสะอื้นไห้ปานจะขาดใจอยู่นานก็จำต้องเดินโซซัดโซเซกลับไปยังห้องพักของตัวเองด้วยดวงใจที่ทุกข์ระทม