‘DACHA’ บ้านพักนอกเมืองของตระกูลอิสไมนอฟ มาร์คิเดฟช่างงดงามและให้บรรยากาศน่าอภิรมย์เช่นเดิม ทิวแมกไม้ที่ปลูกเอาไว้ให้ความร่มรื่นได้อย่างสมบูรณ์ สวนดอกไม้นานาพันธุ์ด้านหลังบ้านไม้สองชั้นกำลังแข่งขันกันอวดความงดงามของตัวเองแบบไม่ยอมน้อยหน้ากัน ซึ่งภาพที่น่ามองเช่นนี้ก็ทำให้อิงบุญอดระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้
“สวยจัง...”
“จะนั่งบื้ออยู่ทำไม ฉันไม่เปิดให้หรอกนะประตูรถน่ะ”
เสียงกระด้างที่ดังผ่านกระจกรถเข้ามาทำให้อิงบุญต้องรีบตื่นจากความฝัน หล่อนสลัดศีรษะน้อยๆ ก่อนจะเพื่อเรียกสติสตังของตัวเองให้กลับคืนร่างมาโดยเร็วที่สุด เพื่อสู้รบกับพ่อจอมมารร้ายอย่างนิโคไลอีกครั้ง
มือบางดันประตูรถให้เปิดออก และก้าวลงไปด้วยท่าทางมีจริตมารยา จากนั้นก็จิกตามองคนตัวโตที่ยืนหน้าบูดราวกับกินยาถ่ายเข้าไปด้วยตาหวานฉ่ำ
“อย่าทำเสียงดุแบบนี้สิคะ เดี๋ยวคุณลุงกับคุณป้าจะตกใจเอาได้”
“ดีสิ คุณพ่อกับคุณแม่จะได้รู้ว่าฉันเกลียดเธอแค่ไหน”
อิงบุญหน้าชา แต่ก็ยังฝืนยิ้ม ซ่อนความเจ็บเอาไว้แต่ในอก ขณะก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปหาคนตัวโตที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าในระยะใกล้ชิด
“คุณนิคไม่ได้เกลียดอิงหรอก อิงรู้...”
นิ้วเรียวจิ้มลงบนแผงอกกว้างเบาๆ ยิ้มอย่างยั่วยวน
“สายตาที่คุณนิคมองอิง... เหมือนจะกลืนเข้าไปทั้งตัว”
นิโคไลผลักร่างอรชรออกห่างตัวอย่างไม่ปรานี
“ทุเรศ หลงตัวเองที่สุด ฉันไม่เคยมองว่าเธอดีไปกว่ากิ้งกือเลยอิงบุญจำเอาไว้!”
คนฟังหน้าชาแล้วชาอีก แต่บอกตัวเองให้ฝืนทน ต้องยิ้ม ยิ้มสู้เข้าไว้ ไม่อย่างนั้นความหวังอันแสนริบหรี่ของหล่อนจะต้องดับวูบลงในทันที
“อิงไม่เชื่อหรอกค่ะ...”
ยังอุตส่าห์ที่จะเดินกลับเข้าไปหาคนตัวโตอีกครั้ง ในขณะที่เขาถอยหลังหนีอย่างรังเกียจ
“อิงทั้งสวย... หุ่นก็ดี แถมอึ๋มอีกต่างหาก”
นิโคไลถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย รำคาญแม่ผู้หญิงตรงหน้าเป็นที่สุด
“ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนร่านได้เท่าเธอเลยอิงบุญ อ้อ... ฉันลืมไป เธอมันอีตัวเก่านี่ ก็เลยร่านมากกว่าผู้หญิงคนอื่น”
คราวนี้เจ็บจนหน้าซีดเผือด หญิงสาวกัดปากแน่น น้ำตาซึม กลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา
“เอาเป็นว่าเราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ คุณลุงกับคุณป้าคงกำลังรออยู่”
“ไม่ต้องมาบอก เพราะที่นี่บ้านของพ่อแม่ฉัน ในขณะที่เธอเป็นแค่คนอาศัย”
หลังจากทิ้งถอยคำที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามใส่หน้าของหล่อนแล้ว คนตัวโตก็ก้าวยาวๆ หายเข้าไปในบ้านไม้หลังงามเบื้องหน้าโดยไม่ใยดีหล่อนอีก น้ำตาไม่รักดีไหลออกมาทันทีที่อยู่ตามลำพัง เจ็บปวดกับวาจาร้ายกาจของนิโคไลยิ่งนัก รู้หรอกว่าเกลียด รู้หรอกว่าชิงชัง แต่หล่อนมีความจำเป็นที่จะต้องได้เขามาเป็นสามี มีความจำเป็นจริงๆ
มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะฝืนยิ้ม และเดินตามคนใจดำเข้าไปในบ้านไม้หลังงามตรงหน้าด้วยหัวใจที่แสนจะกลัดหนอง
เข้ามาถึงห้องรับแขกก็พบว่ายูรินั่งอยู่บนโซฟา ในขณะที่เกรกอรี่ไม่ได้อยู่ด้วย หล่อนเดาว่ายูริคงไม่รู้เรื่องราวอะไรในอดีตของสามีตัวเองแน่ๆ ถึงยังคงยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับหล่อนแบบนี้ หล่อนเองก็จำต้องยิ้มตอบ ทั้งๆ ที่เห็นสายตาดุกระด้างของนิโคไลที่นั่งอยู่ข้างๆ กับยูริตวัดมองมา
“นั่งก่อนสิหนูอิง...”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
อิงบุญเดินเข้าไปนั่งโซฟาที่ห่างไกลจากนิโคไลที่สุด แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่เลิกใช้สายตาเหยียดหยามมองหน้าหล่อน
“เอ่อ... แล้วคุณลุงไปไหนซะล่ะคะคุณป้า”
ยูริยังไม่ทันจะได้ตอบ นิโคไลก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“แหม... มาถึงก็ถามหาคุณพ่อของฉันเลยนะ คงจะคิดถึงกันมาก”
คนฟังหน้าชาเพราะรู้ดีว่านิโคไลกำลังคิดอะไรอยู่ในสมองฉลาดๆ ของเขา ในขณะที่ยูริไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว
“ไปว่าน้องแบบนั้นทำไมล่ะนิค ปากเสียนะเราเดี๋ยวนี้”
“ก็ผมพูดเรื่องจริงนี่ครับคุณแม่ ระวังเถอะสักวันจะถูกแย่งคุณพ่อไป”
นิโคไลพูดออกมาอย่างเหลืออด ขณะที่อิงบุญก้มหน้านิ่งพยายามซ่อนความอัปยศอดสูเอาไว้ ไม่อยากจะเชื่อเลยนิโคไลจะคิดแบบนี้กับหล่อนได้
“ไม่เอาน่านิค อย่าพูดเป็นเล่นไป หนูอิงเสียหายนะ”
“แม่นี่มีอะไรให้เสียหายอีกล่ะครับ ผมว่าเสียมาทั้งตัวแล้ว”
นิโคไลผุดลุกขึ้นยืน ขณะจ้องหน้าหญิงสาวที่ทำเป็นนั่งนิ่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างมารดาของตัวเองอย่างหมั่นไส้
“ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะต้องบังคับผมให้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ด้วย”
“ก็เพราะว่าพ่อมีเหตุผลยังไงล่ะ”
เสียงของเกรกอรี่ไม่ได้ทำให้นิโคไลมองไปยังร่างของชายสูงวัยเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่อิงบุญก็เช่นกัน ผู้ชายคนนี้ไงที่บีบคั้นให้หล่อนต้องขยี้ศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อแลกกับการได้พบหน้ากับน้องชายอีกครั้ง
“คุณพ่อ”
“อย่าโวยวาย พ่อเบื่อนิสัยเอาแต่ใจของแกเต็มทีแล้วเจ้านิค”
เกรกอรี่เดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กับภรรยา ก็โซฟาตัวเดิมที่นิโคไลลุกไปนั่นแหละ
“ใจเย็นๆ ค่ะคุณพี่”