“ให้เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเรา เมียหลวงกับเมียน้อยนะคะ”
เพียะ!
ร่างกายโต้ตอบคำพูดและการกระทำดังกล่าวของคนตัวสูงตรงหน้าอย่างทันควัน แรงกระทบของฝ่ามือทำให้ใบหน้าหล่อทะเล้นหันไปอีกฝั่งตามแรง
พี่เกมส์ไม่ได้พูดหรือแสดงทีท่าไม่พอใจที่ถูกฉันตบหน้าจังๆ แบบนั้น ต่างจากฉันที่โกรธจนมือไม้สั่นไปหมด
พักหลังมานี้เขามักจะแกล้งฉันแรงถึงขนาดเข้าประชิดตัว โอเค! ฉันเข้าใจว่านั่นคือวิธีการแกล้งของเขา แต่การจูบกันแบบนี้มันไม่ใช่จริงๆ ไม่ว่าจะแกล้งหรือจะจริงจังก็ตาม ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่สมควร โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายมีคนรักอยู่แล้ว
ตึก! ตึก! ตึก!
“กานต์มาอยู่นี่เอง… แฮ่กๆ อ้าวพี่เกมส์…” เสียงร้องทักของเมย์ที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังฉัน ไม่ได้ทำให้เราทั้งคู่ขยับเคลื่อนไหวร่างกายหันไปมองเหมือนปกติ
“…”
“…” สายตาของพี่เกมส์กำลังจ้องมาที่ฉันเพียงคนเดียว เขาเดาะกระพุ้งแก้มข้างที่ถูกตบ สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดออกมาให้เห็น เราไม่ได้พูดกัน เพราะเมย์ที่วิ่งตามหลังมาตรงเข้ามาแทรกกลางระหว่างเราไว้เสียก่อน
“ขอบคุณนะคะพี่เกมส์ที่ช่วยดักกานต์เอาไว้” เธอพูดขอบคุณแบบไม่รู้สถานการณ์ พลางออกแรงกึ่งดึงกึ่งกระชากแขนฉันให้เดินย้อนกลับไปด้วยกัน
รู้ไหม...ฉันอยากด่าเขาแทบตายที่กล้าทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้น แต่คำพูดทั้งหมดมันดันจุกอยู่ในลำคอ ฉันไม่ได้ต้องการทำให้ตัวเองมีความลับกับพี่นัทอย่างที่พี่เกมส์ต้องการให้เป็น ฉันไม่ชอบการเอาคืนอย่างไร้ศักดิ์ศรี แต่ชอบที่จะเผชิญซึ่งๆ หน้าให้รู้ดำรู้แดงไปเลยมากกว่า
และการที่เขาทำแบบนี้กับฉันซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเพื่อนสนิท นอกจากเขาจะไม่ให้เกียรติฉันแล้ว เขายังทรยศเพื่อนตัวเองอีกต่างหาก ที่สำคัญจูบของพี่เกมส์เมื่อกี้ มันทำให้ฉันต้องกลายเป็นผู้ร้ายมีความผิดติดตัวไปแบบไม่ตั้งใจ
อ่า… ฉันเกลียดเขาจริงๆ ให้ตายเถอะ
เมย์ที่ไม่น่าจะรู้เรื่องอะไร จับข้อมือฉันเอาไว้แน่นขณะเดินพาฉันกลับไปที่ตึกคณะราวกับกลัวว่าฉันจะหนีไปไหน ตลอดทางเธอก็เอาแต่บ่นไม่หยุด
“เธอนี่มันจริงๆ เลย ทำไมไม่ฟังที่พี่นัทพูดล่ะ ตามไปเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีกหรอก”
“…” ในหัวของฉันตอนนี้มันเต็มไปด้วยหลายๆ ความรู้สึก
อึดอัด โกรธ หงุดหงิด สับสน ทุกอย่างปะปนตีกันยุ่งเหยิงจนไม่รู้จะเริ่มแก้จากตรงไหนก่อนดี แต่ถึงอย่างนั้นระบบประสาทสัมผัสทางการได้ยินของฉันก็ยังใช้งานได้ดี
“แล้วสรุปที่วันนี้จู่ๆ ก็บ้างี่เง่าใส่พี่นัทมันเพราะอะไรล่ะ?” หูได้ยินคำถามของเมย์ชัดเจน
“เขามีคนอื่น”
“พูดบ้าอะไรอีกเนี่ย?” เมย์สะบัดมือฉันทันทีเมื่อได้ฟัง และย้อนถามกลับมาเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ พี่นัทนอกใจฉัน” ฉันยืนยันคำพูดของตัวเองออกไปอีกครั้ง และหวังว่าจะมีใครสักคนจะยอมเชื่อและให้การช่วยเหลือฉันได้บ้าง
“พูดอะไรแบบนั้นอ่ะ พี่เขาก็ดูรักแกดีออก…”
“ฉันรู้มาว่าเขานัดเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้านเกมวันนี้” ฉันขัดแบบไม่ฟัง จนอีกฝ่ายชะงักเงิบหยุดฝีเท้าลง เพราะงั้นฉันก็เลยหยุดการเคลื่อนไหวไปด้วย
ฉันหันมองหน้าเมย์ที่ดูเหมือนจะไม่ยอมเชื่อง่ายๆ
“ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะเมย์…”
เพราะเสียงที่อ่อนลงและเต็มไปด้วยความกังวล ทำให้เมย์ซึ่งเอาแต่แขวะเรื่องการคบหาของฉันกับพี่นัทมาตลอดหกปีเงียบลงจนผิดสังเกต เธอขมวดคิ้วเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัว
“ถ้าเรื่องที่ทำให้พี่นัทนอกใจ เป็นสาเหตุที่ทำให้แกงี่เง่าวันนี้จริงๆ ล่ะก็ บอกตรงๆ ว่าฉันจะโกรธพี่นัทมาก” เธอพูดแสดงความคิดเห็นของตัวเอง น้ำเสียงใส่อารมณ์ พลางเอื้อมมือแตะไหล่ฉันคล้ายกับจะปลอบใจ ต่อให้เมย์เป็นคนไม่เชื่อคนง่าย แต่สำหรับคนที่เป็นเพื่อนด้วยกันมานานอย่างฉันกับเจ๊ตาลแล้ว แน่นอนว่าเปอร์เซ็นต์ที่เธอจะเห็นใจและเชื่อใจจะมีให้กลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน
“การที่ผู้ชายนอกใจเราไปมีผู้หญิงคนอื่นมันมีอยู่ไม่กี่ข้อหรอก”
ฉันที่ไม่เคยมองใคร หรือไม่เคยสนใจเรื่องการนอกใจมาก่อน พอได้ฟังก็ได้แต่ย่นคิ้วคิดตาม
“หนึ่ง...เพราะเขาไม่ต้องการความจำเจ สอง...เพราะความไม่รู้จักพอ มักง่ายเป็นสันดาน…” ฉันเหลือบมองหน้าเพื่อนรักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอเงียบเสียงลง ก่อนจะพบว่าเธอกำลังมองฉันอยู่
เมย์ถอนหายใจออกมาเบาๆ ใบหน้าเรียวสวยคลี่ยิ้มเล็กๆ แทนคำปลอบใจ และพูดขึ้น
“แต่ในกรณีพี่นัทของเธอน่ะ เขาดูไม่ใช่ผู้ชายประเภทนั้นเลยใช่ไหมล่ะ?” ฉันเม้มปากแน่น พยักพเยิดตอบคำถามของเธอกลับไป โดยปล่อยให้ในหัวคิดตามคำพูดของเมย์ไปด้วย “นั่นเพราะว่าตลอดหกปีที่ผ่านมา เขาได้แต่ทนรอไง”
“ทนรอ?” ฉันย้อนเธอกลับไปแบบไม่เข้าใจ
เมย์รีบขยับเปลี่ยนมายืนในท่ากอดอก พยักหน้าอย่างคนมีภูมิความรู้ที่ดี พลางตบไหล่ฉัน โดยปากก็พูดไปเรื่อย
“จำที่ฉันพูดเรื่องจิ๊กกิ้วของเธอกับพี่นัทได้ไหมล่ะ?”
“จะ… จำได้ (มั้ง)” พอเมย์พูดเรื่องน่าอายแบบนั้นออกมา ฉันก็เริ่มจะทำตัวไม่ถูก
“การจิ๊กกิ้วกันของคนรักก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไปนะเออออ” น้ำเสียงจริงจังของเมย์เริ่มเปลี่ยนไป เธอลากเสียงยาวประหนึ่งว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ไม่ใช่กับสีหน้าที่ดูจริงจังผิดปกติ “ลองคิดดูนะ แกคบกับพี่นัทมาตั้งหกปี ไม่เคยจิ๊กกิ้วกันเลยสักครั้ง ไหนจะใกล้เข้าสู่ช่วงอาถรรพ์คู่รักเจ็ดปีเลิกอีก บรื๋อๆ”
“งั้นก็แปลว่า…”
“ดวงความรักของเธอกำลังอยู่ในช่วงปีชง เพราะความอืดอาดยืดยาดของตัวเธอเองนั่นแหละ!” เมย์ว่า
“แล้วฉันควรจะทำยังไง” ที่ย้อนถามเมย์กลับไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะฉันเชื่อคนง่ายหรอกนะ แต่เป็นเพราะฉันเองรู้สึกว่าบางสิ่งที่เธอพูดออกมามันก็มีส่วนถูกต้องเหมือนกัน ไหนจะข้อมูลเรื่องของอาถรรพ์คู่รักเจ็ดปีที่ฉันค้นเจอทางอินเทอร์เน็ตอีก
‘ชีวิตของผู้คนมักมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในทุกๆ 7 ปี หลายคนอาจได้เริ่มคบหากับคนรู้ใจ เมื่อเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนวัยพอดี และเมื่อคบกันไปได้เป็นเวลา 7 ปี ก็จะถึงช่วงเปลี่ยนวัยอีกครั้ง ชีวิตก็อาจเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เช่น อาจได้เข้าสังคมใหม่ๆ ไปรู้จักคนใหม่ๆ ทำให้ต้องห่างเหินกับคู่รัก จนอาจลงท้ายด้วยการแยกทาง’
บางทีความรักระหว่างฉันกับพี่นัทอาจจะขาดสีสันในแบบที่ควรจะมีจริงๆ ก็ได้ พอเขาได้เจอสังคมใหม่ คนใหม่ เขาก็เลยต้องทำแบบนี้…
“ฉันมีแผน แต่บอกไว้ก่อนนะว่าแผนนี้ถ้าเธอทำไปแล้ว มันก็รับประกันไม่ได้หรอกนะว่าพี่นัทของเธอจะกลับมาเป็นคนดีคนเดิมเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า”
“…”
“เธอจะลองเสี่ยงดูไหมล่ะ กานต์?”