“เป็นอะไรของเธอ ทำไมมือสั่น หรือว่า...”
“หรือว่าอะไรคะ” เธอเงยหน้ามองเขา พอเห็นสายตามีเลศนัยนั้นก็ทำให้เธอดึงมือหนีในทันที แต่เขากลับดึงมือของเธอเอาไว้
“จะรีบไปไหนล่ะ ยังเช็ดตัวไม่เสร็จเลย เธอควรที่จะเช็ดตัวให้ว่าที่ผัวให้เสร็จก่อนนะ”
“คุณทิวเขา ปล่อยนะคะ”
“เธออยากให้ฉันปล่อยจริง ๆ น่ะเหรอ” เขาใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดรั้งเธอมาบนเตียง ก่อนจะกดเธอไปบนเตียงกว้าง
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ สายน้ำเกลือของคุณเลือดไหลเต็มแล้วเห็นไหมคะ” พอเธอพูดประโยคนั้นจบ เขาก็กระชากสายน้ำเกลือออกจากหลังมือของตัวเองในทันที
เขาไม่คิดที่จะสนใจเลือดที่ไหลออกมาเลยสักนิด
“คุณทิวคะ เลือดคุณไหลเต็มเลย”
“ฉันอยากกลับบ้าน”
“อะไรของคุณกันคะ”
“ฉันบอกว่าฉันจะกลับบ้าน ฉันเบื่อที่จะอยู่กับผู้หญิงอย่างเธอ แค่เห็นหน้าก็รังเกียจ”
“โอ๊ย! เจ็บนะคะคุณทิวเขา หนึ่งเจ็บนะ” เธอร้องด้วยความเจ็บเมื่อเขาบีบแขนของเธอเต็มแรง
“เจ็บสิดี ไสหัวออกไปจากชีวิตของฉันเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ถ้าเธอยังไม่อยากตาย” หนึ่งธิดายอมรับว่าเธอตกใจกับอารมณ์ของเขายิ่งนัก ตัวของเธอสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่
“โอ๊ย! ปล่อย ปล่อยนะคะ”
“ว้าย! ตาเถร” พยาบาลที่เข้ามาในห้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ในขณะที่หนึ่งธิดาร้องขอความช่วยเหลือในทันที
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” ได้ยินแบบนั้นพยาบาลสาวจึงรีบเข้าไปกดกริ่งที่หัวเตียง ก่อนจะดันร่างของคนป่วยที่เลือดไหลเต็มมือออกไป
“มาช่วยกันหน่อย”
“ปล่อย” ทิวเขาผลักร่างของทุกคนจนกระเด็น ในขณะที่หนึ่งธิดารีบหนีลงจากเตียง เธอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกหวาดกลัวทิวเขาเป็นอันมาก เมื่อเห็นอารมณ์แปรปรวนของเขาแบบนี้
“ฉันจะกลับบ้าน” เขาประกาศกร้าว
“ได้ค่ะ แต่คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ เลือดไหลเต็มเลย” พยาบาลรีบยกมือขึ้นปราม เพื่อบอกให้คนไข้ใจเย็น ๆ ก่อนที่จะพยักหน้าให้พยาบาลอีกคนให้รีบโทร. ตามหมอกานนท์มาด่วน เพราะคุณหมอหนุ่มเคยสั่งเอาไว้ว่าหากมีอะไรเกี่ยวกับทิวเขาเพื่อนของตนก็ให้รีบโทร. หาในทันที
“โชคดีที่หมอนนท์เข้าเวรพอดีเลยค่ะ คุณหมอกำลังมาค่ะ” พยาบาลสาวคุยกันอย่างโล่งอก ในขณะที่หนึ่งธิดาลูบแขนตัวเองไปมาด้วยความเจ็บ
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
“มีอะไรครับ” กานนท์เอ่ยถาม พยาบาลสาวจึงรีบกระซิบบอกว่าทิวเขาอาละวาดจะกลับบ้าน เขาเลยพยักหน้าให้ทุกคนออกไปก่อน
“แกเป็นอะไร บอกฉันมาซิ ฉันจะช่วยแกทุกอย่าง” กานนท์พูดกับเพื่อนอย่างใจเย็น
“ฉันจะกลับบ้าน”
“ฉันบอกแล้วไงว่ายังกลับไม่ได้ แกต้องนอนพักรักษาตัวอีกสักวันสองวัน”
“ฉันจะกลับตอนนี้เลย นอนมาตั้งหลายวันแล้ว เบื่อเต็มกลืนแล้วรู้ไหม”
“แต่นี่มันดึกแล้ว แกควรนอนพักผ่อนเสียก่อน เดี๋ยวฉันจะให้พยาบาลมาห้ามเลือดให้แกก่อน” เห็นว่าอีกฝ่ายเลือดไหลออกมาเต็มมือ กานนท์ก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ยังใจเย็นที่จะเกลี่ยกล่อมให้เพื่อนสงบลง
“ฉันไม่ใส่สายน้ำเกลือ รำคาญ หงุดหงิด เวลาจะเข้าห้องน้ำก็ลำบาก”
“แกมีคนเฝ้า จะเข้าห้องน้ำก็ให้หนึ่งธิดาช่วยประคองสิ”
“ไสหัวผู้หญิงคนนั้นออกไปด้วย ฉันไม่ต้องการคนเฝ้าอย่างหล่อน”
“โอเค ห้ามเลือดก่อน ฉันจะไม่ใส่สายน้ำเกลือให้แกก็ได้” กานนท์รีบยกมือขึ้นปราม ก่อนจะกดเรียกพยาบาลเข้ามาในห้อง ให้ไปนำอุปกรณ์ทำแผลมา แล้วเขาก็จัดการทำแผลให้เพื่อนเสียเอง
“แกเป็นอะไรวะ หงุดหงิดอะไร ไหนเล่าให้ฉันฟังสิ”
“คุณป้าจะบังคับให้ฉันรับยายนั่นเป็นเมีย”
“ยายนั่นไหน”
“หนึ่งธิดาไง เสนอหน้ามาเฝ้าฉัน เสแสร้งแกล้งทำมาเป็นคนดี ฉันรู้ทันหรอกนะ”
“เขาอาจจะไม่ได้เสแสร้งแต่เต็มใจมาเฝ้าแกจริง ๆ ก็ได้”
“ถ้าแกจะเข้าข้างคนอื่น แกก็ไสหัวไปเลย”
“แกก็ใจเย็น ๆ สิ โกรธอีกคน จะมาพาลอีกคนได้ยังไงกัน”
“ฉันไม่ได้พาล”
“นี่แหละเรียกพาล” กานนท์ถอนใจเฮือกใหญ่
“ฉันจะกลับบ้านพรุ่งนี้”
“โอเค ถ้าแกไม่อยากอยู่โรงพยาบาลก็ไม่มีใครบังคับแกหรอก”
“พูดกันง่าย ๆ แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย” คนป่วยทิ้งตัวลงนอน เพราะรู้สึกอ่อนแรงเต็มที
“แกพักผ่อนเถอะ นอนซะ ไม่มีใครกวนอะไรแกอีกแล้ว” กานนท์บอกเพื่อน และทิวเขาก็หลับตาลงในทันที
กานนท์เห็นว่าเพื่อนหลับแล้ว เขาก็เดินออกไปบอกหนึ่งธิดาว่าอีกฝ่ายสงบลงแล้ว
“หนึ่งคงต้องค่อย ๆ ย่องเข้าไป แล้วก็ไม่ไปรบกวนอะไรเจ้าทิวมันอีก พรุ่งนี้มันจะออกจากโรงพยาบาล พี่ก็อนุมัติแล้ว เพราะถ้าไม่ยอมคงจะอาละวาดมากกว่านี้” กานนท์รู้จักหนึ่งธิดาดีเพราะเธอเป็นเด็กสาวคนงานในไร่ของเพื่อน จึงให้ความสนิทสนมกับเธอ เพราะหนึ่งธิดาเป็นเด็กสาวนิสัยดี และมีน้ำใจ
“โอ๊ย!” แค่เปิดประตูเข้าไปในห้อง เธอก็ได้รับหมอนที่ปามาใส่หน้า หนึ่งธิดาร้องด้วยความเจ็บ ในขณะที่คนใจร้ายบนเตียงมองอย่างสะใจ
“เข้ามาทำไมอีก ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ”
“หนึ่งจะไม่รบกวนคุณ จะขอไปนอนมุมโน้นของห้องจะได้ไหมคะ” เธอไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเขาอีก เพราะทั้งง่วงทั้งเพลียเหลือเกินแล้วในเวลานี้
“ไม่ได้ เธอไสหัวออกไปจากห้องนี้ จะไปนอนตรงไหนก็ไป” เขาจะทำให้เธอทนไม่ได้ ออกไปจากชีวิตของเขาเอง เขารังเกียจผู้หญิงหน้าเงินทุกคน
“ก็ได้ค่ะ” เพราะถ้าขืนยังอยู่ในห้องกับเขา ทิวเขาต้องอาละวาดอีกแน่ ๆ เธอจึงเปิดประตูเดินออกไปนั่งอยู่หน้าห้องแทน
หญิงสาวรู้สึกหนักอึ้งในอก ก่อนที่จะพิงผนังห้องพักผู้ป่วยและหลับไป
“คุณคะ คุณคะ”
“คะ” หนึ่งธิดาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปลุกจากพยาบาลสาว
“เอาผ้าห่มไหมคะ คุณหนาวหรือเปล่า” พยาบาลสาวพอจะรู้สถานการณ์จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณค่ะ” ประโยคนั้นทำให้พยาบาลสาวเดินไปหยิบผ้าห่มส่วนตัวมาส่งให้
“หมอกานนท์บอกว่าให้ช่วยดูแลคุณน่ะค่ะ มีอะไรก็เรียกพี่ที่เคาน์เตอร์ได้เลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” หนึ่งธิดาขอบคุณอีกฝ่ายอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนที่เธอจะนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย และเผลอหลับไปอีกครั้ง
หนึ่งธิดาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ขึ้นมาทำความสะอาดพื้น เธอรีบนำผ้าห่มไปคืนที่เคาน์เตอร์ พอจะเดินกลับมาที่หน้าห้องก็เจอเข้ากับธารที่มาพร้อมกับมะลิ มารดาของเธอ
“อ้าวหนึ่ง ทิวเขาเป็นยังไงบ้าง”
“เอ่อ... นอนหลับอยู่น่ะค่ะ” เธอไม่กล้าเล่าเรื่องราวของค่ำคืนที่ผ่านมาให้ฟัง ไม่อยากให้มารดากับธารต้องไม่สบายใจจึงปดออกไปคำโต พูดแล้วก็อดที่จะเหลือบไปมองหน้าพยาบาลที่กำลังจะออกเวรเสียไม่ได้ อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ จึงไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน
“ไปจ้ะ ไปดูทิวเขากัน ป่านนี้น่าจะตื่นแล้วกระมัง” ธารไม่ได้ถามอะไรมาก รีบชวนสองแม่ลูกเข้าไปเยี่ยมลูกชายในทันที
เสียงเปิดประตูทำให้ทิวเขาไม่ได้ดูว่าใคร เขาเขวี้ยงหมอนใส่ในทันที คิดว่าเป็นหนึ่งธิดา
“โอ๊ย!” เสียงร้องนั้นทำให้ทิวเขาตกใจ
“ผมไม่ได้ตั้งใจครับคุณป้า ขอโทษครับ”
“เป็นอะไรของเรา หงุดหงิดอะไร หรือหนึ่งเขาหายไปนานเราเลยหงุดหงิดที่ไม่มีคนดูแล”
“ไม่ใช่ครับ ผมจะกลับบ้านวันนี้” ทิวเขาประกาศกร้าวมองสองแม่ลูกยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ โดยเฉพาะหนึ่งธิดาที่เขามองเธอด้วยสายตาคมกริบ ทำให้เด็กสาวต้องหลบวูบ
“ไหนตานนท์บอกว่าเราต้องนอนโรงพยาบาลอีกสองสามวัน”
“มันบอกผมเองว่าเช้านี้กลับบ้านได้ ผมจะกลับวันนี้ครับ เบื่อเต็มทนแล้ว”
“ป้าต้องถามตานนท์ก่อน” ธารยกโทรศัพท์ขึ้นก่อนจะกดโทร. หากานนท์ คุยกันไม่กี่ประโยคก็รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่ธารก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่นึกเห็นใจหนึ่งธิดายิ่งนัก