เมื่อพนักงานไปแล้ว เธอรินน้ำสีน้ำตาลอ่อนใส่แก้ว แล้วกระดกดื่ม น้ำตาดันไหลออกมา ทั้งที่พยายามเก็บกักมันไว้ อยากโทรหาเพื่อน หาครอบครัว ระบายความรู้สึกในตอนนี้ให้ฟัง กลับไม่มีความกล้ามากพอ จะทำเช่นนั้นเลย ทิพย์วารีไม่รู้เลยว่า กิริยาของตนกำลังอยู่ในสายตาชายคนหนึ่ง
ไตรทศจ้องมองไปยังหญิงสาว หน้าตางดงาม แต่สีหน้าแววตาราวกับมีทุกข์แสนสาหัส เขาอยากเข้าไปพูดคุย แต่ไม่กล้ามากพอ ยกมือเรียกพนักงาน
“ครับคุณไตร” พนักงานรีบตอบรับ
“เอาไวน์ของฉัน ไปให้ผู้หญิงโต๊ะนั้นให้หน่อย”
“ได้ครับ”
พนักงานนำไวน์มาวางไว้ให้ ทิพย์วารีจ้องมอง
“ฉันไม่ได้สั่งนะคะ” เธอบอก สีหน้าสับสน
“คุณไตรทศสั่งให้คุณครับ”
เธอขมวดคิ้ว “แต่ฉันไม่รู้จักเขานะคะ!”
“แล้วอยากรู้จักผมหรือเปล่าครับ” เสียงแทรกเข้ามา ติดตามด้วยร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่ด้านหลังพนักงาน
ไตรทศยกยิ้มให้คนตรงหน้า เธอชะงักเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด รู้ดีว่าชายคนนี้มีจุดประสงค์อะไร ผู้ชายที่เข้ามาหาในเวลานี้ ย่อมหวังสิ่งเดียว แต่เธอจะกลัวอะไร ต่อให้มีสามีก็เหมือนไม่มี ในเมื่อเขาทำได้ ตนเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน
“อยากรู้จักสิคะ” เธอตอบรับเสียงหวาน แล้วยิ้มยั่ว
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอนั่งดื่มเป็นเพื่อนคุณได้ไหม”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ เชิญนั่งเลยค่ะ”
เธอรินบรั่นดีใส่แก้วตนเอง ส่วนเขาหยิบไวน์รินใส่บ้าง ก่อนเหลือบมองคนตรงหน้า แค่ผิวเผินก็พอรู้ ลักษณะท่าทางไม่ใช่ผู้หญิงชอบเที่ยวกลางคืน คงมีเรื่องทุกข์ใจ เลยมาหาที่ระบาย
“ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะครับ” เขาเอ่ยถาม เพื่อทำลายความเงียบ
เธอชะงัก “พอดีฉันมีเรื่องไม่สบายใจ เลยอยากหาที่คลายทุกข์น่ะค่ะ”
“พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม”
ทิพย์วารีกระดกบรั่นดีเข้าปากจนหมด แล้วรินอีก ก่อนจรดริมฝีปากอีกครั้ง จนหมดแก้ว เธอวางแก้วลงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผิวแก้มเริ่มแดงปลั่ง ดวงตาฉ่ำปรือ
“ฉันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะโดนหลอก!” เธอโพลงออกมา น้ำเสียงอ้อแอ้
“โดนหลอกเรื่องอะไรครับ”
“คนรักของฉัน เขาไม่ได้รักกันเลย!” คนพูดเริ่มสะอื้น ปล่อยโฮออกมา
ไตรทศชะงัก มองเห็นอีกคนฟูมฟาย ทำเอาสับสนงุนงงไปหมด ขยับกายมานั่งเคียงแล้วโอบไหล่บางไว้เพื่อปลอบ
“ถ้าเขาไม่รักคุณ ไม่เห็นค่าของคุณ ผมว่าคุณควรมองหาใครสักคนที่เห็นคุณค่าของคุณ ดีไหมครับ” เพียงเท่านี้ ก็พอเข้าใจได้ เธอคงอกหักมา ถึงได้คร่ำครวญเช่นนี้
คนร้องนิ่งงัน ยกมือปาดน้ำตา แล้วเงยมองใบหน้าอีกฝ่าย เขาหล่อเหลา มือที่แตะตรงแผงอก ก็รับรู้ได้ว่ามันมีมัดกล้ามเนื้อ ทำเอาหัวใจเต้นหนักขึ้นมา
“คุณละค่ะ มีแฟนหรือยัง”
“ผมโสดครับ โสดสนิทเลย” เขาบอก แล้วอมยิ้ม
เธอสบตาคนพูด ความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามา ถ้าหากชายคนนี้เป็นคนรัก คงดีไม่น้อย ไม่ต้องมาทนทรมานกับสามี ที่ไม่เคยรัก ซ้ำยังหลอกหลวงกันมาตลอด มือบางยกกอบกุมใบหน้าอีกฝ่าย
“คืนนี้คุณว่างไหมคะ”
คิ้วเข้มขมวด รู้สึกตระหนกตกใจ ต่ออากัปกิริยากะทันหัน
“ทำไมครับ อยากให้ผมช่วยอะไรงั้นเหรอ”
เธอส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่อยากอยู่กับคุณ”
“อยากอยู่กับผมงั้นเหรอ?”
ทิพย์วารีสะอื้นอีกครั้ง น้ำตาไหลอาบแก้ม อายุยี่สิบเจ็ดปี ยังไม่เคยนอนกับผู้ชายเลยสักครั้ง เพราะสามีเป็นเกย์ ทำเอาเธออยากกรีดร้องออกมา รู้ไหมว่ามันทรมานมากแค่ไหน
“อยู่ด้วยกันทั้งคืน” เธอบอกเสียงหวาน แล้วโน้มใบหน้าเข้าหา
“เดี๋ยวก่อนครับ!”
ไม่ทันได้ทักท้วง ริมฝีปากหนาถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว มือบางลูบไล้แผงอก ไตรทศกระตุกยิ้มมุมปาก นับเป็นโชคดีของตัวเอง ที่ได้พบสาวสวย ยินยอมพร้อมใจถึงขนาดนี้ มือหนาโอบรัดเอวบาง รั้งท้ายทอยอีกคน ลิ้นร้อนแทรกริมฝีปาก ควานหาความหวาน กลิ่นแอลกอฮอลล์ยิ่งสร้างความรัญจวน ยามเมื่อถอนริมฝีปาก คนตัวเล็กหอบหายใจสะท้าน ใบหน้าแดงก่ำ
“ยังอยากอยู่กับผมหรือเปล่าครับ” เขาแสร้งถามเสียงเย้า
เธอสบตาคนพูด “อยากสิคะ ฉันแค่อยากปลดปล่อยตัวเอง ไม่อยากอดทนกับอะไรอีกแล้ว ฉันรับรองว่าฉันจะไม่วุ่นวายกับคุณแน่นอน”
ยิ่งได้ยินคำนี้ ยิ่งทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นหนัก กลิ่นกายสาวหอมละมุนลอยแตะจมูก ทำเอาแทบระงับอารมณ์ไว้ไม่ไหว
“ไปที่ไหนกันดีล่ะครับ”
เธอปรือตา ยิ้มหวาน ราวกับต้องการยั่วให้อีกฝ่าย ทำตามใจปรารถนา
“ที่ไหนก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณ”
“ถ้าคุณพูดขนาดนี้ ผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ” เขาบอกเสียงแหบพร่า
เรียวแขนถูกโอบรอบคออีกฝ่าย ใบหน้าซุกซบกับอกกว้าง หัวใจเขาเต้นหนักขึ้นทุกที
“หัวใจคุณเต้นแรงขนาดนี้แล้ว เราไปกันเลยดีกว่าไหมคะ”
“ได้สิครับ”
คนเมาถูกพยุงออกจากไนต์คลับ จนกระทั่งมาถึงรถโรลส์รอยซ์สีบลอนด์ พนักงานช่วยเปิดประตูรถ เขาผลักดันร่างบางนั่งเบาะหน้าคู่กัน แล้วขับเคลื่อนออกจากร้าน ซึ่งตนเองเป็นหุ้นส่วน ราวยี่สิบนาที รถจอดตรงลานในคอนโด เขาเปิดประตูฝั่งคนนั่ง เธอปรือตามอง แล้วอมยิ้ม
“ถึงแล้วเหรอคะ” เอ่ยถามอีกฝ่าย น้ำเสียงอ้อแอ้
“ครับถึงแล้ว”
เธอถูกรั้งออกจากรถ แล้วพาเดินไปยังลิฟท์ กดชั้นสิบห้า พอถึงชั้นเป้าหมาย คนสวยแทบทรงกายไม่อยู่ บรั่นดีเกือบขวด เล่นงานทำเอาหน้ามืดตาลายไปหมด ตอนนี้แม้สติเลือนราง ทว่ากลับรู้ตัวดี ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ยิ้มเยาะตนเอง ไม่เคยปล่อยตัวปล่อยใจให้ใคร พยายามเป็นภรรยาที่ดีมาตลอด มันเจ็บจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลย ถ้าหากสามียอมรับก่อนหน้านี้ มันคงทำให้เธอเข้าใจง่ายกว่าการมาเห็นภาพเช่นนั้น
ติ๊ด!
เสียงประตูเปิดออก ร่างบางถูกพาเข้าสู่ห้อง ทิพย์วารีไม่ได้มองรอบกายแม้แต่น้อย เพราะทันทีที่เข้ามา ร่างกลับถูกโอบอุ้มเหนือพื้น พามายังห้องนอน ทั้งฟูก ม่าน ล้วนเป็นสีเทา เขาวางเธอไว้บนฟูกหนา โน้มกายทาบทับลงมา หัวใจเธออดสั่นไหวไม่ได้ กระนั้นแล้ว เมื่อมาถึงจุดนี้ กลับไม่คิดเปลี่ยนใจ
“คุณยังเปลี่ยนใจได้นะครับ” เขาบอกเสียงแหบพร่า ต่อให้ตนเองแทบทนไม่ไหว