ตอนที่ 5 ยัยเด็กตกน้ำ 1/2

2155 คำ
แม้จะพยายามฝืนจนกลับถึงห้องพักของตัวเองได้สำเร็จ แต่สำหรับเพทายแล้ว ศึกอันหนักหน่วงตลอดทั้งคืน ทำให้ร่างกายของเธอไม่สามารถสู้ไหว และเป็นไข้จนได้ “ก็ว่าอยู่ทำไมไม่มาเรียน ดีนะที่ฉันมาหา เลยได้มาเห็นพายในสภาพนี้” ‘ทิชา’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเพทายพูดพร้อมยกข้าวต้มร้อน ๆ มาให้ และวางยาซึ่งตัวเองเป็นคนจัดแจงมาเสร็จสรรพ “งานหนักขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับจับไข้เนี่ย” “ก็... หนักแหละ ฉัน...” เพทายไม่อาจพูดต่อได้ เพราะไม่อย่างนั้น เพื่อนของเธอคนนี้คงจับสังเกตได้แน่ ว่าไอ้งานหนักที่ว่า มันกำลังทำให้เจ้าตัวยิ้มไม่หุบ “... ฉันคง... โอ๊ย ปวดหัวจัง” “เออ ๆ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวกินข้าวแล้วกินยานะ ฉันจะเอาวิจัยมาให้ช่วยดูเสียหน่อย แต่เห็นพายเป็นแบบนี้ คงไม่กล้ากวน” ทิชามองดูเพื่อนตนแล้วถอนหายใจ ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวเธอลุกขึ้นมาเพื่อกินข้าวต้มของเธอสักหน่อย แต่ตาเจ้ากรรมดันไปเห็นรอยแดงซึ่งโผล่พ้นเสื้อยืดใส่นอนของเจ้าหล่อน มันเลยอดคิดไม่ได้ว่างานของเพทายคือ... “พาย งานที่พายไปทำมันงานอะไรเหรอ? ถึงได้หมดแรงขนาดนี้” “ก็ช่วยพี่แซนดี้ที่โรงแรมไง พอดีมีลูกค้าเรื่องมาก...” เพทายหยุดคิดไปชั่วครู่ เมื่อนึกถึงลูกค้าเรื่องมากคนนั้น ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นทันที “ต้องเรื่องมากขนาดไหนถึงทำให้คนถึก ๆ อย่างพายป่วยได้เนี่ย?” สายตาของทิชามันไม่ได้ละไปจากเนินอกซึ่งมีรอยแดงประดับอยู่เลย “พายคงไม่ได้ไปทำเรื่องอย่างว่าใช่หรือเปล่า?” ส่วนคนไปทำเรื่องอย่างว่าถึงกับสะดุ้งไปทั้งตัว สายตาเลิ่กลั่กของตน มันยิ่งยืนยันความสงสัยของทิชาไปจนหมด “ปะ... เปล่านะ ฉันจะไปทำแบบนั้น... ทำไม” เสียงเธออ้อมแอ้ม เพทายโกหกเพื่อนคนนี้ไม่เก่งเลยจริง ๆ “พายเดือดร้อนขนาดนั้นทำไมพายไม่พึ่งฉันล่ะ พายไปทำแบบนั้น... โธ่!~ พาย ฉันล่ะ...” “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันไม่คิดจะทำอย่างที่ทิชาคิดหรอกนะ แต่เพราะเป็นเขา ฉันเลยยอม... คนที่เป็นเหมือนรักครั้งแรก และรักครั้งเดียวของฉัน... ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่ทำหรอก” คำที่อยากจะต่อว่าเพื่อเตือนสติของทิชาถูกกลืนลงไป เพราะสายตาของเพื่อนตน กำลังฉายความแวววับประหนึ่งว่ามีความสุขจนสุดหัวใจ เธอเลยทำได้แค่ถอนหายใจออกมายาวพรืด “กินข้าวเถอะ จะได้กินยาและพักผ่อน ส่วนเรื่องรักแรกของพาย... ต้องเล่าแบบจริง ๆ จัง ๆ ให้ฉันฟังสักที เข้าใจมั้ย?” เพราะมันเป็นเรื่องที่เพทายไม่เคยเล่าให้ทิชา หรือใครฟังเลย แต่ก็พอแอบรู้มาบ้างว่าเจ้าตัวมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะมีใครเข้าหา เธอจะปฏิเสธทันที และมันก็บ่อยครั้งจนบางทีก็อดนึกสงสัยไม่ได้เลยว่า คนที่เพทายรักจนหมดใจคนนั้น เป็นคนแบบไหนกัน ส่วนคนในห้วงคำนึงของเธอตอนนี้ กำลังนั่งเครียดกับใบเสนอราคาของซัพพลายเอ่อร์เจ้าประจำ เพราะค่าแรงที่เพิ่มขึ้น บวกกับต้นทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามมาไม่หยุด ทางนั้นเลยอยากขอขึ้นราคา โดยส่วนตัวของตรีศูลเองก็พอเข้าใจว่ามันมีปัญหาที่ตรงไหน แต่นี่มันดูมากเกินไปหรือเปล่า “เราต่อรองอะไรไม่ได้เลยเหรอ? ทั้ง ๆ ที่เราเป็นลูกค้ามานานแล้วนะ” ตรีศูลถามคนนั่งด้านหน้าฝั่งข้างคนขับ ซึ่งเป็นทั้งเลขา และญาติผู้น้อง “เราลองหาเจ้าใหม่ดีหรือเปล่าครับคุณตรี บางทีเราเปลี่ยนเป็นเจ้าเล็ก ๆ ก็อาจจะทำให้...” “ไม่ได้ กลิ่นที่ใช้มันมีเอกลักษณ์จนกลายเป็นซิกเนเจอร์ของโรงแรมเรา เฮ้อ~ หรือทุ่มซื้อสูตรมาทำเองเลยดี” ธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ยุบยิบไปหมด อย่างเช่นตอนนี้ กลิ่นอโรมา ซึ่งเป็นเหมือนกลิ่นประจำของโรงแรมกำลังมีปัญหา เลยทำให้ผู้บริหาร และเจ้าของอย่างเขาเครียดเป็นพิเศษ “แบบนั้นจะดีหรือครับ ถ้าเกิดว่าทางนั้นเรียกสูงเกิน...” “ค่อยคุยกันไง ลองยื่นข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อไปแทน ทางนั้นอาจจะยอมขายให้ก็ได้ แต่ก็ดูน่าจะยากพอตัว ดังนั้นน่าจะมีอะไรเป็นหลักค้ำประกันเอาไว้หน่อย” อีกครั้งที่ชายหนุ่มถอนหายใจ พร้อมโยนแท็บเล็ตไปไว้ข้างตัว เอนหลังพิงเบาะรถยนต์คันหรู หลับตาลงช้า ๆ แต่เมื่อเปลือกตาปิดลง ดันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเข้าเสียได้ “จริงสิติณณ์ เธอคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถาม แต่เป็นคำถามที่ทำเอาลูกน้องทั้งสองคน หันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก “ทำไม หรือเธอขออะไรที่มากเกินไปเหรอ?” “ปะ... เปล่าครับ” ติณณ์ซึ่งนั่งข้างคนขับหันมามองเจ้านายตนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “แต่เธอไม่ได้ขออะไรเลยครับ” “แล้วยังไง ทำไมถึงต้องทำอึกอักด้วย เกิดอะไรขึ้น?” พอคิดว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอคนนั้น ตรีศูลก็รู้สึกร้อนใจแปลก ๆ จ้องมองไปยังคนสนิทของตนด้วยความใคร่รู้... ยิ่งกว่าปัญหาของโรงแรมตอนนี้เสียอีก “เธอ... กลับไปแล้วครับ” ติณณ์ตอบ แต่หลังจากนั้น ความเงียบก็เข้าครอบงำ เพียงครู่ เสียงหัวเราะในลำคอก็ดังออกมา อีกครั้งที่ชายผู้เป็นเลขา และคนขับรถหันหน้ามองกัน ไม่เข้าใจเลยกับพฤติกรรมที่ไม่ค่อยปกติของผู้เป็นนายตอนนี้ “ทั้ง ๆ ที่บอกแล้วว่าอยู่ต่อได้ แต่กลับไปเนี่ยนะ... หึ ๆ แปลกชะมัด แปลกเกินไปแล้ว เธอทำเหมือนกับว่า...” ... ไม่อยากเจอกันอีก... เหรอ? ดวงตาเข้มหรี่ลง สมองใช้ความคิดอย่างหนัก ไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่หลายคนร่ำร้องอยากจะอยู่เคียงข้างตรีศูลผู้นี้ต่อ แต่เขากลับไม่เคยให้สิทธิ์ใครเท่าเธอมาก่อน อีกทั้ง... เธอยังไม่รับเสียด้วย “... เธอชื่ออะไร ได้บอกเอาไว้หรือเปล่า?” “ไม่ครับ” ทุกครั้งตรีศูลไม่คิดจะถามชื่อคู่นอนอยู่แล้ว เพราะไม่อยากจำ หรือผูกพันด้วย แต่เธอคนนี้กลับทำให้เขาอยากรู้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เขาอยากรู้ทั้งหมด “อีกอย่างนะครับ” ติณณ์ลังเลที่จะบอกตอนนี้ดีหรือไม่ เลยส่งสายตามองคนขับรถเพื่อถามความคิดเห็น แต่กลับได้คำตอบเป็นส่ายหน้ามาแทน “เธอทิ้งนี่ไว้ครับ” ติณณ์หยิบซองเงินสีน้ำตาลหนา และสร้อยข้อมือของหญิงสาวออกมาจากลิ้นชักตรงหน้า และส่งให้เจ้านายกับมือ “เธออาจจะลืม” “สร้อยข้อมือฉันเป็นคนใส่ให้เอง ถ้าไม่จงใจถอด ก็ไม่มีทางลืมแน่นอน” ไอ้ความหงุดหงิดจนยิ้มไม่ออกที่กำลังก่อตัวขึ้นนี่มันอะไร ความร้อนรุ่มในอกเหมือนอยากจะระบายกับอะไรแรง ๆ สักทีนี่ก็ด้วย ตรีศูลไม่เคยเจอมาก่อน ทั้ง ๆ ที่เธอควรจะเกาะเขาให้แน่น ๆ รับทุกสิ่งที่ประเคนให้ด้วยความยินดี แต่ดูเหมือนเธอจะปฏิเสธทุกอย่าง... ที่เป็นของเขา “เธอคนนั้น... ฉันต้องการรู้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ไปสืบมาให้เร็วที่สุด” ดวงตาเข้มจ้องมองของในมือด้วยสายตาเรียบนิ่ง หากได้เจอกันอีก... ไม่สิ ต้องได้เจอกันอีก เขาจะเค้นให้เธอไม่ได้นอนทั้งคืน!! โรงแรม The Green Haven มีประวัติยาวนานกว่า 30 ปี ตรีศูลเป็นรุ่นที่ 2 มารับช่วงต่อจาก ‘ตรัณ เตชโสภณ’ หรือผู้ก่อตั้งคนก่อน ที่จากไปเพราะโรครุมเร้ามาตั้งแต่เด็ก กลายเป็นเขาซึ่งเป็นน้องชายอย่าง ‘ตรีศูล เตชโสภณ’ ต้องมาบริหารงานแทนและได้เป็นเจ้าของและผู้บริหารในที่สุด หลังจากเรียนจบ ตรีศูลก็เข้ามาทำงานทันที เพราะไม่มีประสบการณ์เลยทำให้โดนสบประมาทมาตลอด แต่เพราะคำพวกนั้น ทำให้คนไม่ยอมคนอย่างเขา ผลักดันจากโรงแรมระดับ 3 ดาว ตอนนี้กลายเป็น 5 ดาวเป็นที่เรียบร้อย แถมยังขยายสาขาในประเทศ กว่า 10 สาขา ยังไม่รวมต่างประเทศอีก กลายเป็นว่าคนที่เคยสบประมาทเขาในตอนนั้น พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว เพราะโดนกดดันจากงาน และคนรอบข้าง ทำให้ตรีศูลผู้อ่อนโยนคนนั้น กลายเป็นคนแข็งกร้าว และเด็ดขาดในเรื่องงานมาโดยตลอด ยิ่งเรื่องผู้หญิง แม้จะเห็นกินไม่ซ้ำหน้า แต่ก็มีกฎอยู่หนึ่งข้อ คือจะไม่ผูกพันกับใคร แม้กระทั่งชื่อ ตรีศูลก็ไม่คิดจะถาม มันก็มีที่หญิงสาวจะเสนอตัวมาให้ แต่เมื่อเอ่ยชื่อเท่านั้น กิจกรรมเข้าจังหวะจะต้องหยุดลงทันที แถมยังโดนไล่ให้ลงจากเตียงอีกต่างหาก กลายเป็นที่รู้กันว่าใครได้มีโอกาสไปนอนกับหมาบ้าตนนี้ ห้ามเอ่ยชื่อของตนเองออกมาอย่างเด็ดขาด!! แต่ถึงกระนั้น ตอนนี้ชายหนุ่มกับรู้สึกเสียดาย ที่ตนไม่ได้ถามชื่อของคนที่ปฏิเสธเขา หากไม่มีกฎบ้า ๆ ซึ่งตนเป็นคนกำหนดขึ้นมาเองล่ะก็ มันอาจจะทำให้ความร้อนรุ่มในใจลดลงได้บ้าง... หรือเปล่านะ โรงแรมหรูด้วยความสูงกว่า 30 ชั้น ด้านบนสุด เป็นที่อยู่ของเจ้าของที่แห่งนี้ แม้ตรีศูลจะมีบ้านซึ่งเป็นอีกหนึ่งมรดกที่ได้รับมา แต่ตนปล่อยให้หลานสาวของตนอยู่ที่นั่นแทน ส่วนตัวออกมาอยู่ข้างนอก เพราะมันคงจะไม่เหมาะหากว่าตนเองที่อายุใกล้ ๆ เธออยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แม้จะเป็นอากับหลานก็เถอะ แต่คนคิดไม่ดีมันก็มีเยอะ ตรีศูลเลยตัดสินใจทำทั้งชั้นเป็นของตัวเองเสียเลย ต่อให้สุดเหวี่ยงแค่ไหน ก็ไม่ต้องเกรงใจใคร แต่ตอนนี้ไอ้ความรู้สึกว่างโล่งตรงหน้า อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กำลังเข้าปะทะนี่สิ เพราะอะไรกันนะ... ชายหนุ่มยืนมองเตียงกว้าง ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองเหมือนคนบ้า อ่า~ เด็กคนนั้นดีมากก็จริง แต่ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะติดใจเธอถึงขนาดโหยหามากขนาดนี้ “อยากเจออีกแฮะ เสนอตัวเลี้ยงขนาดนั้นกลับปฏิเสธ เงินก็ไม่เอาไป ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่น้า~” เธอหยิบไปแค่เสื้อผ้า เพราะมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เนื่องจากความใจร้อนของตรีศูล ชุดที่เธอใส่มาเลยขาดวิ่น กับทานอาหารและยาเข้าไปเท่านั้น นอกจากนั้นเธอไม่ได้เอาอะไรไปเลย เพียงไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้น พร้อมเสียงโวยวายไล่ตามหลัง คนที่กำลังรำลึกถึงคืนสุดแสนเร่าร้อน ต้องเสสายตาออกไป เพียงครู่ ร่างระหงของหญิงคนหนึ่ง กำลังเดินเข้ามาด้วยความมั่นใจ “ขอโทษด้วยนะคะคุณตรี พอดีเมื่อวานฉันท้องไม่ค่อยดี เลยมาไม่ได้ แต่ว่า...” เธอเดินมากระโดดเกาะแขนชายหนุ่ม พร้อมส่งยิ้มกว้าง “... วันนี้ฉันจะชดเชยให้คุณเองค่ะ” “เธอบอกว่าเมื่อวานไม่ว่างเหรอ?” “ค่ะ ฉันโทรบอกแล้วนะคะ มีอะไรหรือเปล่า?” สายตาของตรีศูลเรียบนิ่งจนคนออกตัวแรงต้องยอมปล่อยแขนแกร่งออก “แสดงว่าเมื่อคืนเธอต้องนอนกับฉันใช่หรือเปล่า?” ชายหนุ่มถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ พร้อมอารมณ์กำลังเริ่มปะทุขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ก็ใช่... นะคะ” หญิงสาวในชุดสุดเซ็กซี่ตอบไม่เต็มเสียง จากสีหน้ามั่นใจเต็มร้อย ตอนนี้ไอ้ความมั่นใจนั่น หดลงแทบไม่เหลือ สายตาเข้มไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำ ยังคงทำหน้าครุ่นคิดไม่หยุด “คุณตรี... โกรธฉัน...” “กลับไปซะ” “คะ? ดะ... เดี๋ยวสิ แค่ครั้งเดียวเอง ฉันก็โทร...” “กลับ! ไป! ซะ!” ทุกคำพูดเน้นหนักจนหญิงสาวไม่กล้าเอ่ยต่อ เผลอลอบกลืนน้ำลายเมื่อนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มกำลังวาวโรจน์จนคนมองไม่กล้าแม้จะหายใจแรง ความหงุดหงิดนี่มันยิ่งทำให้ตัวเองเหมือนเป็นบ้าเข้าไปทุกที ตรีศูลเดินออกมาจนกระทั่งเห็นคนสนิทซึ่งกำลังเดินมาหาตนเหมือนกัน “คุณตรี ผม...” “ไปตามแซนดี้มา” “ครับ?” “ฉันต้องการคุยกับแซนดี้ ด่วน!!” เพราะดวงตาดุดันของผู้เป็นนาย ทำให้ติณณ์ไม่คิดจะถามอะไรต่อ ก่อนจะหันหลังกลับไปทำตามคำสั่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม