ณ ร้านเพชร เดอ ลา ครูเซ่ด์สาขาฮ่องกง
พราวตะวันพนักงานขายสาวกำลังดึงเพชรร่วงออกจากตู้โชว์ระบบนิรภัยออกมาให้ลูกค้าหนุ่มใหญ่เจ้าประจำดูทีละเม็ด ทีละเม็ด นิ้วมือเรียวสวยจับเพชรแต่ละเม็ดวางให้กระทบแสงไฟส่องให้เพชรน้ำงามเปล่งประกายเข้าสายตาลูกค้าอย่างมืออาชีพ
“เพชรตัวนี้เป็นเพชรเบลเยี่ยมคิดเกรดอย่างดี โยโกะกันไว้สำหรับลูกค้า ร้านเราออกใบรับรองเพชรแบบมาตรฐานสากลให้อย่างเคยค่ะ” เธอบอกลูกค้าด้วยรอยยิ้มจรุงใจ เพราะชายคนนี้คือลูกค้าประจำเธอจึงไม่ต้องอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเพชรมากนัก เพียงแค่หาเพชรที่ดีที่สุดในร้านมาให้เขาเลือกแล้วเขาก็จะสั่งตามที่ต้องการแล้วจ่ายไม่อั้นเท่านั้น
“งั้นผมก็ไม่เลือกมากหรอกครับ เอาอย่างที่ผมบอกก็ได้ ผมเชื่อใจที่จะให้คุณเลือกให้ ครั้งนี้ผมสั่งเพชรเม็ดละกะรัตสิบเม็ดเหมือนเดิมครับ แล้วจะเอาแบบสร้อยมาให้คุณส่งให้ช่างทำ” หนุ่มใหญ่บอก พราวตะวันจึงรับคำแล้วเลือกเพชรให้เขาอย่างชำนาญ แม้ว่าจะทำงานในตำแหน่งพนักงานร้านเพชรไม่นานมากนัก หากแต่ความใส่ใจเรียนรู้ทำให้เธอเป็นหนึ่งในพนักงานที่ทำให้ยอดขายของร้านเพิ่มพูนมากขึ้น
ความตั้งใจทำงานของเธอนั้นไม่ได้มากจากความตั้งมั่นที่จะทำงานให้ดีที่สุดเพียงอย่างเดียว หากแต่โบนัสและเปอร์เซ็นที่ได้จากยอดขายนั้นทำให้เธอมีแรงขยันที่จะทำงานขึ้นมาอีกเท่าตัวเพราะว่าเธอต้องการใช้เงินเป็นอย่างมาก และอาชีพนี้ก็ให้ค่าตอบแทนเธอเท่าแรงขยันที่ทำ ซึ่งทำให้เธอไม่ขัดสน
“โอ้โห นี่ขายได้เยอะอีกแล้วนะโยโกะ เดือนนี้เอจะได้เงินยอดขายมากกว่าเงินเดือนแน่ๆ” หมิงลี่เฟยเพื่อนสนิทที่ทำงานในร้านเช่นเดียวกันกับพราวตะวันเอ่ยทักเธอเมื่อเธอเอาเช็คจากลูกค้ามาที่แคชเชียร์
หมิงลี่เฟยนั้นสนิทสนมกับพราวตะวันมากจนรู้เรื่องของพราวตะวันทุกอย่าง เธอรู้ว่าพราวตะวันนั้นทำงานอย่างขยันขันแข็ง ได้เงินจากการทำงานเป็นกอบเป็นกำหากแต่เจ้าตัวกลับเขียมเงินใช้จ่ายอย่างประหยัดเพราะต้องส่งเงินให้ทางบ้านที่อยู่เมืองไทย พราวตะวันบอกว่า อยากให้แม่ที่อยู่ทางบ้านนั้นได้อยู่สบาย และอยากให้น้องสาวที่เรียนแพทย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนนั้นได้อยู่กันอย่างมีความสุข จึงยอมมาเป็นพนักงานขายเพชรในร้านนี้เพื่อหาเงินให้ได้มากๆ ที่จริงพราวตะวันเองก็มีความรู้มากหากแต่เธอไม่ทำงานตรงกับสาขาที่เรียนมาสักเท่าไหร่ เพราะรู้ว่างานนี้จะได้เงินมากและให้ครอบครัวอยู่สบายได้ และเธอก็ยังเลือกมาทำงานที่ฮ่องกงเพราะได้รายได้มากกว่า หมิงลี่เฟยชื่นชมในความขยันและรักครอบครัวของพราวตะวันมาก เธอคิดว่ามีน้อยคนนักหรอกที่จะเป็นเช่นนี้
“ฮื่อ ต้องรีบหาไว้ก่อน อีกสองเดือนน้องมิกิจะต้องจ่ายค่าเทอมอีกน่ะจ้ะ”พราวตะวันบอกยิ้มๆ
“ค่าเทอมนักเรียนแพทย์เอกชนในไทยนี่แพงมากเลยไม่ใช่เหรอ” หมิงลี่เฟยชวนคุย
“ก็อย่างนั้นแหล่ะ ตอนแรกน้องเราก็สอบติดของรัฐบาลได้นะ แต่ว่ามิกิไม่มีสิทธิเรียนเพราะว่าติดสัญชาติญี่ปุ่นไม่ได้มีสัญชาติไทยเลยเข้าเรียนไม่ได้ เราไม่อยากให้น้องผิดหวังเพราะเขาอยากเรียนหมอมากเลยให้มาเรียนที่เอกชนแล้วจะช่วยส่งเอง อีกอย่างน้องเราเรียนหมอมาถึงเราจะเหนื่อยที่ต้องหาเงินส่งให้เรียนแต่ว่าก็คุ้มนะเพราะว่าน้องจะได้มาดูแลแม่เราไงล่ะ และที่สำคัญเราก็ไม่ลำบากมากเท่าไหร่หรอก มิกิเรียนเก่งได้ทุนค่าเทอมฟรี เราหาเงินแค่ส่งให้แม่และก็ค่าใช้จ่ายรายเดือนน้อง แล้วเหลือก็เก็บไว้บ้างล่ะจ๊ะ แต่ว่าที่เราต้องเตรียมเงินไว้ให้น้องเทอมหน้าเพราะว่าเราอยากส่งมิกิให้ไปเรียนเทอมถัดไปที่ต่างประเทศ เป็นโครงการของมหาวิทยาลัยเค้าน่ะ ถ้าคนไหนอยากไปเรียนที่เมืองนอกก็จ่ายเงินแล้วไปเรียนต่อที่นั่นเลย กลับมาก็ได้คุณวุฒทั้งของสถาบันที่ต่างประเทศและก็ของมหาลัยที่ไทย เวลาจบมาจะมีผลดีกับการทำงานของมิกิเค้า”
“โอ้โห เธอนี่เลือกแต่สิ่งที่ดีให้กับน้องและแม่จริงๆ แล้วเลือกอะไรให้ตัวเองบ้างเนี่ย” คนเป็นเพื่อนแซว ซึ่งมันก็ไม่ผิดจากที่ว่านัก พราวตะวันอยู่อย่างประหยัด หอพักที่อยู่ก็อยู่ย่านที่ไม่ปลอดภัยแลกกับราคาที่แสนถูก เสื้อผ้าข้าวของของเธอพราวตะวันก็แทบไม่เคยซื้อให้เปลืองเงิน ต่างกับพนักงานในร้านคนอื่นที่ซื้อข้าวของแสนแพงทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรูๆ มือถือรุ่นใหม่ๆ มาอวดเบ่งกัน หมิงลี่เฟยนั้นเคยยุให้พราวตะวันให้ความสุขกับตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่าชวนให้สิ้นเปลืองแต่ว่าไม่อยากให้พราวตะวันเคร่งครัดเกินไป ควรจะหาความสุขใส่ตัวบ้าง แต่พราวตะวันก็ได้แต่ส่ายหน้าไม่เอาทุกที
“ไม่ต้องเลือกอะไรเลย แค่เขามีความสุขฉันก็มีความสุข เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ปีหน้ามิกิก็เรียนจบแล้ว ไว้หลังจากนั้นฉันจะหาความสุขให้กับตัวเองบ้างอย่างที่เธอเคยคะยั้นคะยอหนักหนานั่นแหล่ะ เริ่มต้นจากซื้อเพชรในร้านนี้ดีไหม” พราวตะวันบอกกระเซ้าเพื่อน เพราะว่าหมิงลี่เฟยนั้นชอบบ่นว่าอยากให้เธอเจียดเงินมาซื้อเพชรซื้อทองในร้านเก็บไว้บ้าง เพราะเป็นพนักงานก็มีส่วนลดซื้อได้ถูกมาก เป็นการเก็งกำไรที่ดี หมิงลี่เฟยเคยบอกเธอตั้งแต่สมัยที่ทองราคาถูกกว่านี้ พราวตะวันก็ยังไม่ซื้อจนเจ้าตัวบ่นว่าถ้าพราวตะวันซื้อตั้งแต่คราวนั้นคงมีเงินเยอะแล้วแน่ๆ
“เอ้อ พูดถึงเรื่องที่บ้าน ฉันก็จะแอบออกไปคุยโทรศัพท์นอกร้านก่อนนะอาหมิง เมื่อกี้เปิดมือถือดูเห็นว่ามิกิโทรหาฉันตั้งหลายสาย ไม่รู้ว่ามีอะไรหรือเปล่า ฝากดูหน้าร้านด้วยก็แล้วกันนะ”
พราวตะวันบอก ก่อนจะเดินออกไป เพราะว่าที่ร้านนั้นมีกฎไม่ให้พนักงานคุยโทรศัพท์ในร้านโดยเฉพาะมือถือ เธอจึงต้องออกนอกร้านไปคุยที่ร้านเบเกอรี่ข้างนอกซึ่งที่ร้านอนุญาตให้พนักงานออกมาทานได้แต่ว่าจำกัดเวลา ที่ร้านอนุญาตให้ออกมาได้เพราะว่าพนักงานนั้นไม่มีเวลาพักต้องเปลี่ยนกะกันออกมาทานข้าวข้างนอกเองเพราะร้านจะได้มีพนักงานเฝ้าตลอดเวลาไม่ใช่ว่าพักออกมาทานข้าวทั้งหมดจนต้องปิดร้านตอนเที่ยง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีพนักงานคนไหนอยากออกมาเพราะว่ากว่าจะออกมาได้ก็ต้องสแกนตัวกันยกใหญ่ แถมยังอาจจะทำให้เสียรายได้จากการการทิ้งงานมาก็ได้ แต่พราวตะวันร้อนใจเรื่องที่น้องโทรมาจึงยอมออกมาคุย
รถสปอร์ตลัมเบอกินีคันหรูรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันที่มีเพียงสามร้อยห้าสิบคันในโลก และคันนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นกำลังวิ่งอยู่ในถนนสายการค้าของเมืองฮ่องกง ชายหนุ่มเจ้าของรถขับมันมาอย่างเชื่องช้าเพราะเป็นเขตที่ผู้คนเดินพลุกพล่านไปมามากมาย สายตาของเขามองเลยไปที่จุดหมายที่เขาจะไปที่ห่างจากเขาเพียงห้าสิบเมตร ก่อนสายตาจะมองเฉียดไปด้านข้างท้องถนนซึ่งเป็นร้านรวงต่างๆ
พลันสายตาของเขาก็สะดุดกับบางอย่างที่ตรึงตา
ไมเคิลหยุดรถโดยที่ไม่รู้ตัว มือของเขาถอดแว่นตาสีชาออกจากใบหน้าตัวเองก่อนจะมองสิ่งที่สะดุดตาเขาให้เต็มตา
หญิงสาวในชุดพนักงานร้านเดอ ลา ครูเซ่ด์ สีม่วงเข้ม แม้ว่ามองจากด้านหลังแต่เรียวขาสวยนั่นก็สะดุดตาเขาแล้ว ไมเคิลมองเลยมาตั้งแต่รองเท้าส้นเข็มสูงหลายนิ้วสีเดียวกับชุดเธอ เลยมาถึงต้นขาเรียวสวยที่อวดสายตาคนเต็มที่เพราะกระโปรงยูนิฟอร์มทรงสอบนั้นแลดูสั้นมาก เขาไม่รู้มันสั้นเพราะอะไร เรียวขายาวของเธอ หรือว่ารองเท้าส้นสูง หรือว่ากระโปรงที่เธอใส่มันสั้น แต่เขาก็คิดว่าขาเธอสวยมาก เป็นนางแบบได้สบายเลยเชียวหล่ะ
สายตาคมของเขาละจากขาคู่สวยเลยขึ้นมาบนเอวคอดของเธอ เลยไปถึงเส้นผมสีน้ำตาลดัดเป็นลอนยาวถึงกลางหลังที่เจ้าตัวมัดรวบไว้อย่างเป็นระเบียบแต่ไม่อาจปกปิดความสวยงามของมันได้
“หันหน้ามาสิคนสวย” ริมฝีปากหยักลึกของเขากระซิบแผ่วเบากับตัวเอง หากแต่เธอนั้นไม่ได้ยิน ขาเรียวสวยนั้นยังก้าวเดินฉับๆ ไป
ห่างจากจุดที่เขามองไปเรื่อยๆ
ปริ๊น ปริ๊น
เสียงแตรรถสองสามคันที่บีบอยู่จากทางด้านหลังทำให้พราวตะวันสะดุ้งขึ้นมาเพราะความตกใจ หญิงสาวหันหลังกลับไปมองบนท้องถนนที่มาของเสียงแล้วก็เห็นว่ารถลัมเบอกินีสีเหลืองสดรูปร่างแสนประหลาดจอดอยู่ มันขวางทางทำให้รถคันอื่นตามหลังมาไม่ได้จึงบีบแตรลั่นนั่นเอง เธอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจจึงเดินมุ่งหน้ากลับร้านเพชรเพราะออกมาโทรหาน้องสาวแต่กลับโทรไม่ติดจึงจะรีบกลับไปทำงานแล้วโทรหาน้องสาวอีกครั้งในตอนเย็น
ไมเคิลยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจเมื่อเขาเห็นเธอหันกลับมา ใบหน้าเธอสวยหวานราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอย่างที่เขาจินตนาการไว้ไม่มีผิด เขาออกรถช้าๆ ตามหลังเธอไป เมื่อจังหวะที่รถเขาทันตัวเธอที่เดินอยู่บนฟุตบาทใบหน้าหล่อคมที่ทำให้ใครต่างเฝ้าลงไหลก็เสไปมองเธอช้าๆ
ดวงตาของเขาพราวระยับเมื่อมองเห็นเสี้ยวหน้าของเธอชัดเจน
เขามองเธอจนรถที่แล่นเอื่อยๆ ของเขาขับผ่านเธอไป แล้วก็เลยมาสนใจท้องถนนเพื่อที่จะขับรถเลี้ยวเข้าไปจอดในร้านเพชรเดอ ลา ครูเซ่ด์ ที่เดียวกันที่เขามั่นใจว่าเธอจะเดินมุ่งหน้ามา