“ขายได้ค่ะ” เดซี่ค้าน หัวเราะคิกๆ เพราะคิดแผนการขายมาแล้ว
แก้วมุกดามุ่นคิ้วไม่เข้าใจ แล้วเห็นเดซี่สะกิดแขนไข่หวาน ก่อนจะตอบให้แก้วมุกดาหายข้องใจ
“ขายแพงกว่าได้ค่ะ มันเป็นถั่วต้มอารมณ์ดีค่ะ”
“หา! ถั่วต้มมีอารมณ์ดี อารมณ์เสียด้วยเหรอคะ” ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบปลายๆ เธอก็เพิ่งเคยได้ยินวันนี้
“มีค่ะ” เดซี่ที่พูดเก่งกว่าไข่หวานรีบชิงตอบ แล้วยักคิ้วให้ไข่หวานที่ซักซ้อมวิธีการขายถั่วต้มอารมณ์ดี
“แบบนี้ไงคะ”
แก้วมุกดาอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าแม่หนูทั้งสองนอกจากจะหิ้วตะกร้าที่บรรจุถุงพลาสติกมาอย่างเรียบร้อย ยังมีหมวกสานที่มีถั่วติดเอาไว้รอบใบ
“นี่จัดเต็มกันมาก มีพร็อปในการขายด้วย” เด็กทั้งสองดูเป็นมนุษย์ถั่วต้มที่น่ารักที่สุดในโลก เดาได้ว่าคงเป็นแม่ของไข่หวานที่จัดการเรื่องถั่วต้มและหมวกถั่วให้เด็กๆ แม่ของไข่หวานแม้จะมีฐานะดี แต่ก็ชอบส่งเสริมให้ลูกสาวรู้จักเอาตัวรอด ทำมาหากินตั้งแต่วัยเยาว์ วันเสาร์อาทิตย์ หากไข่หวานไม่ตามเดซี่มาที่ร้านอาหารของเธอ เด็กหญิงก็จะไปช่วยแม่ขายผักที่แผงผักขนาดใหญ่ในตลาดสด
โสภา แม่ของไข่หวานย้ายมาจากต่างจังหวัดมาซื้อบ้านอยู่ติดกับบ้านของแก้วมุกดา โสภามีแผงผักหลายแผง แล้วยังปลูกผักออแกนิกส่งขายให้กับห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้ก็รับผักสลัดออแกนิกจากร้านผักของแม่ไข่หวาน
เดซี่กับไข่หวานใส่หมวกถั่วเสร็จแล้ว สองสาวน้อยเพื่อนซี้ที่ซักซ้อมวิธีการขายถั่วในรูปแบบใหม่ก็พยักหน้าให้กันแล้ววิ่งตื๋อไปหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นคุณลุงคุณป้าคู่หนึ่งที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ เด็กหญิงร่างอวบคิดว่าหากเปิดการขายกับลูกค้าโต๊ะนี้ พวกเธอต้องขายถั่วได้แน่นอน
สองสามีภรรยามารับประทานอาหารร้านนี้ประจำจึงคุ้นเคยกับเดซี่ เพราะเด็กหญิงชอบแย่งพนักงานในร้านทำหน้าที่เอาเงินทอนมาให้ลูกค้า ใบหน้าน่าเอ็นดูแบบลูกครึ่ง ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย บวกกับความช่างเจรจา แล้วยังไหว้สวย เงินทอนในถาดจึงกลายมาเป็นทิปของเดซี่ทุกครั้งไป ซึ่งทิปจากลูกค้า เดซี่จะนำมาหยอดกระปุก แล้วเมื่อวันก่อน เด็กหญิงก็นำเงินส่วนหนึ่งในกระปุกไปร่วมหุ้นลงทุนขายถั่วกับไข่หวาน
“สวัสดีค่ะ คุณลุงขา คุณป้าขา”
เสียงใสเจื้อยแจ้วทำให้สองสามีภรรยาที่กำลังตักซุปเห็ดร้อนๆ เข้าปากวางช้อนลง แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเห็นเด็กหญิงตัวเล็กสองคนช่วยกันหิ้วตะกร้าที่ภายในมีถั่วต้มหลายถุง
“น้องเดซี่ น้องไข่หวาน ทำไมวันนี้แต่งตัวเหมือนมนุษย์ถั่วเลยคะ” หญิงวัยกลางคนอดกลั้นยิ้มในความน่าเอ็นดูไม่ได้
“เราสองคนจะมาขายถั่วค่ะ ซื้อไหมคะ ซื้อหน่อยนะคะ ถั่วต้มอารมณ์ดี๊ อารมณ์ดี ถุงละสี่สิบบาทเองค่ะ ทู้กถูก”
หญิงวัยกลางคนตัดสินใจซื้อตั้งแต่เห็นแม่หนูเอ่ยปากบอกขายถั่วแล้ว แต่ด้วยความสงสัยว่าถั่วต้มหน้าตาธรรมดาที่บรรจุในถุงพลาสติกมีปริมาณไม่ต่างจากถั่วต้มถุงละยี่สิบ ทำไมเด็กน้อยถึงขายแพงกว่าเท่าตัว
แม้ตัดสินใจแล้วว่าจะเสียเงินให้เด็กๆ แน่นอน แต่ก็ยังไม่หายสงสัย
“ถุงละสี่สิบบาทเชียว ถั่วต้มของหนูมันกินแล้วอารมณ์ดีกว่าถั่วต้มทั่วไปยังไงคะเดซี่”
“แบบนี้ไงคะ คอยดูนะคะ” เจ้าของดวงตาใสแจ๋วขยับริมฝีปากจิ้มลิ้มช่างพูด บอกหุ้นส่วนตัวเล็กผอมบาง “จัดเต็มเลยนะไข่หวาน”
ร่างกลมของเดซี่กับร่างผอมบางของไข่หวานกำลังหมุนตัวโยกย้ายส่ายสะโพก ปากก็เริ่มร้องเพลงขายของกันอย่างสนุกสนาน
สองเสียงผสานกันดังเจื้อยแจ้วจนลูกค้าโต๊ะอื่นพากันหันมามองแล้วหัวเราะไม่หยุด
“เดซี่กับไข่หวานเพื่อนซี้ทั้งสอง วันนี้ไม่ขายถั่วในคลอง เราเอาถั่วมากองขายให้ถึงที่ ในถุงมีแต่ถั่วดีๆ เพิ่งต้มสดๆ รีบซื้อให้หมด เดี๋ยวจะอดอารมณ์ดี...”
แก้วมุกดาที่เดินตามมาดูวิธีการขายถั่วของเด็กๆ ไม่คิดว่าเดซี่กับไข่หวานจะไปเอาเพลงชิปกับเดลไวรัลมาแรงที่เคยเห็นเด็กทั้งสองชอบนำมาร้องเล่นกันประจำมาดัดแปลงแต่งเองใหม่ แล้วคิดท่าเต้นให้เข้ากับเพลงเพื่ออัปราคาถั่วต้ม เห็นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้
ท่าเต้นน่ารักแอ่นหน้าแอ่นหลัง พร้อมชูถุงถั่วอย่างไม่เขินอาย ทำให้สองสามีภรรยาและลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารภายในร้านอดจะหัวเราะไม่ได้ บางรายถึงกับหยิบมือถือมาถ่ายคลิปความน่ารักของแม่ค้าตัวน้อยทั้งสองเอาไว้ ลูกค้าหนุ่มใหญ่รีบควักธนบัตรใบละยี่สิบสองใบจ่ายค่าถั่วต้มให้สองหนูน้อยทันที
“โอ้โห ลุงกับป้าเชื่อแล้วลูก ว่าถั่วของพวกหนูเป็นถั่วต้มอารมณ์ดีจริงๆ”
“นี่ค่าถั่วจ้ะลูก ถ้าเต้นโชว์ด้วยแบบนี้ สี่สิบบาทไม่แพงเลย” หญิงวัยกลางคนรับเงินจากสามีมายื่นให้สองเด็กน้อยแสนน่ารัก พร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน
เดซี่รับเงินแล้วรีบหยิบถั่วต้มหนึ่งถุงที่มีต้นทุนห้าบาท ได้กำไรสามสิบห้าบาทให้กับลูกค้าไปพร้อมรอยยิ้มหวานแล้วยกมือป้อมๆ ไหว้ลูกค้าอย่างสวยงาม
“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงหันไปแปะมือกับไข่หวานที่ตื่นเต้นไม่ต่างกัน “เย้ ขายได้แล้วไข่หวาน”
กิจกรรมยามว่างของเด็กทั้งคู่ที่ฉายความน่ารัก ขยัน ฉลาด ใสซื่อ ทำให้ลูกค้าในร้านเห็นแล้วนึกชอบใจ กวักมือเรียกซื้อถั่วอุดหนุนหนูน้อยกันใหญ่
แก้วมุกดายืนมองภาพลูกสาวที่เดินไปขายถั่วให้ลูกค้าอย่างไม่อายทำกิน ไม่อาจสะกดกลั้นรอยยิ้มเอ็นดูไว้ได้อีก เพียงแต่กำลังคิดว่าที่แม่หนูชวนเพื่อนมาขายถั่วต้มหาเงิน เป็นเพราะเมื่อวานเธอบ่นเรื่องค่าเทอม กับค่าจ้างพนักงานในร้านหรือเปล่า
เพราะพิมพิชชาต้องแยกออกไปเปิดร้านสเต็กแห่งใหม่ตามความฝัน จึงมีลูกค้าบ่นเข้าหูให้ได้ยินว่ารสชาติสเต็กเปลี่ยนไป เมื่อหลายวันก่อน เธอจึงเกิดอาการเครียด ไม่อยากให้ลูกค้าประจำเสียความรู้สึกที่อาหารบางรายการไม่อร่อยเท่าเดิม เลยโทร.ไปเปรยให้มารดาฟัง พอวางสายหันมาด้านหลังก็เห็นเดซี่ยืนหน้าเศร้าแล้วบอกว่า
“เดซี่สงสารหม่ามี้ เดซี่จะช่วยหม่ามี้หาเงินค่าเทอมเองค่ะ”
เวลานั้น เธอไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเดซี่พูดไปตามประสาเด็ก รอยยิ้มสดใสเมื่อครู่กลับเหือดหายไปในพริบตาเมื่อนึกถึงสิ่งที่ลูกสาวบอกว่าจะช่วยหาเงิน
“โธ่ เดซี่คนดีของแม่”