คำพูดแบบนั้น คำสัญญาที่ว่าจะไม่ทำอีก เธอฟังมาแล้วหลายครั้งเหลือเกินและรู้ดีว่าคำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะนั้นมันเชื่อไม่ได้
ครั้งนี้มันจะเชื่อได้อีกไหม เธอไม่อยากจะพูดมันออกไปทำลายบรรยากาศ ได้แต่ตั้งมั่นอยู่ในใจว่าหากมันเกิดขึ้นอีกครั้งเธอจะไม่ทนแล้ว ความรู้สึกของเธอเปราะบางและชอกช้ำเกินกว่าจะรับไหวอีกแล้ว
เธอไม่ได้ต้องการมีหน้ามีตาเป็นภรรยาผู้มีตำแหน่งอะไรทั้งนั้น เธอต้องการเพียงครอบครัวที่รักและอบอุ่น ดูแลหัวใจกันและกันเท่านั้นก็พอ
ใช่ ความรักความอบอุ่นในครอบครัวเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้พบเจอและโหยหาเหลือเกิน
สายตาที่ทอดมองมานั้นดูอบอุ่นอ่อนโยน ชั่วขณะหนึ่ง สายตาบางคู่ที่คมเฉี่ยวดุดันก็แว้บเข้ามาในความทรงจำ สายตาแบบที่เหมือนมีรัศมีแทงทะลุเข้ามาในร่างกายให้วูบวาบ คำพูดจาบจ้วงพร่ำบอกความต้องการอย่างหน้าไม่อาย ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษอะไรทั้งนั้น
‘ ผมอยากเอาคุณ ! ’
แล้วพอเขาได้เอาเธอจริง ๆ เขาก็เอาชนิดที่ว่า...
“ จูน ! ” หญิงสาวสะดุ้งเฮือกหลุดจากภวังค์ในทันที
“ เอ่อ... คะ ? ”
“ เป็นอะไร พี่เรียกตั้งหลายครั้ง ปวดหัวหรือเปล่า หน้าแดงไปหมดแล้ว พี่ขอโทษนะที่ทำให้จูนทุกข์ ที่ทำให้จูนต้องร้องไห้ พี่นี่มันเป็นคนรักที่แย่จริง ๆ ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ อากาศร้อนด้วยแหละ งั้นเดี๋ยวจูนขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ พี่บดินทร์มานั่งรอในบ้านก่อนสิคะ ”
“ ขอบคุณค่ะ ” เขาตอบก่อนจะเดินตามเธอไปนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เธอรินน้ำใส่แก้วมาเสิร์ฟก่อนจะรีบปลีกตัวกลับไปที่ห้องนอนตัวเองทันที
ประตูปิดลง หัวใจของมิถุนาเต้นระทึก ทำไมเธอเผลอคิดถึงผู้ชายคนนั้นต่อหน้าชายคนรักได้
แม้ว่าพี่บดินทร์จะไม่ได้มีความสามารถพิเศษอ่านใจจากสายตาได้แต่เธอก็เหมือนวัวสันหลังหวะที่มีชนักติดตัว กลัวว่าขืนอยู่ต่อหน้าเขาอีกสักสองสามนาทีอาจจะเผลอหลุดพิรุธอะไรออกไปให้เขารู้
ว่าหญิงคนรักแสนดีคนนี้เคยมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นแล้วอย่างถึงอกถึงใจ !
เธอถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำเย็นจากฝักบัวให้ราดรดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า สองมือถูไปทั่วร่างกายแรง ๆ จนเกิดรอยแดงก่ำคล้ายว่าจะให้สัมผัสดิบเถื่อนจากชายผู้นั้นหลุดออกไปจากความทรงจำเสียที
แต่ไม่เลย
ยิ่งถูยิ่งสัมผัสเรือนร่างตัวเองมากเท่าไหร่ความร้อนเร่ายิ่งก่อเกิดเท่านั้น ทั่วกายเสียววูบวาบ ยอดอกแข็งชัน หว่างขาเปียกฉ่ำเมื่อนึกถึงฝันอันร้อนแรงที่เคยเกิดขึ้นจริงเมื่อคืนนี้ มากไปกว่านั้นทุกบททุกตอนทุกท่วงท่าในคืนนั้นยังตราตรึงอยู่ทุกอณูเนื้อ
กว่าจะรู้ตัว มือหนึ่งของมิถุนาก็บีบคลึงทรวงอวบตัวเองอย่างรุนแรง อีกมือถูไถเม็ดนุ่มกลางกลีบก่อนจะสอดลึกสองนิ้วเข้าสู่ภายในแล้วเลื่อนไล้เข้าออกเลียนแบบที่เขาเคยใช้มันปรนเปรอเธอ
ใบหน้าหล่อเหลา สายตาดุดัน ลมหายใจร้อนเร่า เสียงคำรามแหบห้าว เสียงจังหวะการโจนจ้วงรุกล้ำทุกสัมผัสยังชัดเจน เธอทิ้งตัวนอนลงบนพื้นห้องน้ำในขณะที่สายน้ำยังราดรด ยกสะโพกขึ้นรับจังหวะซอยนิ้วถี่ยิบปรนเปรอตัวเอง กระทั่งในจังหวะสุดท้ายที่เธอเผลอหวีดร้องและครางชื่อเขาออกมาจากปาก
“ ใหญ่ขา ! ” ก่อนจะสู่จุดหมายปลายทางอย่างเร่าร้อน
เมื่ออารมณ์กลับคืน มิถุนารีบลุกขึ้นถูเนื้อถูตัว เงยหน้าให้สายน้ำตกกระทบบนใบหน้าแรง ๆ น้ำตาไหลออกทางหางตาด้วยหลากหลายความรู้สึกประดังประเด
อดสู ละอาย เร่าร้อน ตื่นกลัว
ไม่ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากเธอและเขา จะต้องกังวลทำไมกัน เขาและเธอก็แค่คนที่เจอกันในคืนเปลี่ยวเปล่ามีสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วจากกันไป
เขาเป็นใครเธอเป็นใคร ต่างคนต่างไม่รู้จักกัน ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ น้ำแตกแล้วแยกทางก็เท่านั้น
สิ่งเดียวที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งตอนนี้คือลืมเขาไปให้หมดมิถุนา
ลืมเขาเสีย ลืม ลืม !
สามสิบนาทีต่อมา
หญิงสาวแก้มใสในชุดเดรสสีชมพูอ่อนแขนกุดรัดช่วงตัว กระโปรงชีฟองพลิ้วคลุมเข่า ปล่อยผมสีน้ำตาลเข้มให้สยายอยู่กลางหลังก็เดินออกมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง
คนที่กำลังก้มหน้าก้มตากับหนังสือในมือที่เดินไปหยิบมาจากรถเงยหน้าขึ้น มือกระชับแว่นสายตาที่ต้องสวมเวลาอ่านหนังสือขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอบอุ่นในแบบฉบับของเขา
“ โอ้โฮ สวยมากค่ะนางสาวมิถุนา ” หญิงสาวยิ้มเขิน ๆ
“ แหม เรียกซะเต็มยศเชียว ”
“ เออ ลืมถามเลย นี่คุณน้าทั้งสองไม่อยู่บ้านเหรอ ทำไมเงียบจัง พี่จะชวนออกไปหาอะไรทานด้วยกัน ”
“ ไม่อยู่หรอกค่ะ พ่อบอกว่าไปธุระ ”
“ ไปไหน ”
“ เขาบอกแค่ว่าไปธุระค่ะ ”
“ งั้นเหรอ จริง ๆ แล้วเย็นนี้คุณแม่ฝากมาชวนไปทานมื้อเย็น คุณแม่จะลงครัวเอง ไม่ทราบว่าคุณน้าติดธุระ ”
“ พี่บดินทร์ลองโทรชวนดูก็ได้ค่ะ ”
เพราะมิถุนามั่นใจว่าถ้าบดินทร์เอ่ยปาก พ่อกับแม่คงไม่ขัดข้อง ขี้คร้านจะรีบแจ้นมาเลยเชียว
พี่บดินทร์ หรือ ผศ.ดร.บดินทร์ จิตราเวฏกุล วัยสามสิบหกอาจารย์ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ฯ ผู้นี้ เป็นลูกชายคนเดียวของรองผู้อำนวยการเอมอร คุณแม่ของเขาที่เกษียณไปแล้ว เป็นรุ่นพี่ของพ่อเธอ ส่วนคุณพ่อของเขาคืออดีตผู้ว่าราชการจังหวัดที่เสียชีวิตไปแล้ว
หน้าตา ชาติตระกูล ฐานะของบดินทร์ถูกเอ็กซเรย์โดยพ่อแม่ของมิถุนาแล้วว่าเป็นหน้าเป็นตาต่อวงศ์ตระกูลแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมรดกตกทอดทางที่ดินที่พ่อของเขาได้ทิ้งเอาไว้หลายร้อยไร่นั่นแล้ว ส่วนคุณพี่เอมอรที่เกษียณอายุราชการไปแล้วนั่นก็ไม่มีหนี้มีสิน เมื่อตายไปแล้วสมบัติจะไปไหนเสียหากไม่เป็นของลูกชายคนเดียว
จริง ๆ แล้วทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่แม่ของเธอพึ่งนึกจะจับคู่ให้ก็ตอนที่ได้ไปงานศพของพ่อพี่บดินทร์และบังเอิญได้ยินญาติ ๆ เขาพูดถึงเรื่องมรดกสมบัติต่าง ๆ นานาที่คนเป็นพ่อทิ้งไว้ให้ ประกอบกับโพรไฟล์ที่ไม่ธรรมดาของเขา บดินทร์จบปริญญาตรีด้วยผลการเรียน 4.00 เกียรตินิยมอันดับหนึ่งและต่อด้วยปริญญาโทที่ผลการเรียนเดียวกัน ไม่นานก็เข้าทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ทั้งที่อายุยังไม่มากนัก แต่ด้วยความสามารถและทักษะที่มีจึงทำให้เป็นที่ยอมรับ
เขาเรียนดี หน้าตาดี ความประพฤติดี เหล้าไม่ดื่มบุหรี่ไม่สูบ สุภาพอ่อนโยน ฉลาดหลักแหลม เรียกได้ว่าครบพร้อมสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
หลังจากนั้นชีวิตของเขายิ่งรุ่งโรจน์ เรียนจบด็อกเตอร์ สอบผู้ช่วยศาสตราจารย์ได้และกำลังจะทำรองศาสตราจารย์ต่อไป เรียกได้ว่าเอาไปคุยโวได้เลยว่ามีลูกเขยเป็น ผศ.ดร. แถมกำลังจะเติบโตต่อไปอีกในภายภาคหน้า
นี่คงเป็นสิ่งดีสิ่งเดียวในชีวิตที่พ่อแม่เลือกให้มิถุนา