ภายในห้อง I C U
“ลูก...ยัง...มี...พี่ชาย... เจตน์” เสียงแหบแห้งเอ่ยบอกลูกชายอย่างอ่อนแรง ริมฝีปากซีดเซียวสั่นระริก พยายามเอ่ยบอกข้อความบางอย่างให้กับบุตรชายตรงหน้าของเขา
“ไปตามหาพี่ชายฝาแฝดของลูก...กลับ...มา...ให้...ได้...” เสียงชายชราเริ่มขาดห้วง ลมหายใจเริ่มอ่อนลง ดวงตาก็เริ่มอ่อนแสงแต่ยังคงจับจ้องใบหน้าของบุตรชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า
ร่างสูงของบุตรชายตรงหน้าเอื้อมไปกุมมือพ่อของเขาทันทีที่ได้ยินพ่อของเขาเอ่ยบอกเช่นนั้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนประหลาดใจในคราวเดียวกัน พร้อมเอ่ยถามกลับไป
“ผมมีพี่ชายหรือครับพ่อ เป็นพี่ชายฝาแฝดของผมอย่างนั้นเหรอครับ มันเป็นไปได้อย่างไง” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจกับสิ่งที่เพิ่งจะได้รับรู้ ดวงตาคมกล้าก้มลงมองพ่อของเขารอคำอธิบาย
พ่อของเขาพยักหน้าติดๆ กัน แทนคำพูด ก่อนจะกล่าวคำอธิบายชี้ชัดและเอ่ยย้ำอย่างชัดเจน
“ลูกมีพี่ชายฝาแฝดจริงๆ คนที่รู้เรื่องเป็นอย่างดีและจะพาลูกไปหาพี่ชายฝาแฝด คือเข็มชาติ ไปตามหาพี่ชายของลูก...กลับมาให้...ได้”
คนเป็นพ่อพูดย้ำเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมบีบมือลูกชายก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“สัญญากับพ่อ...เจตน์ ลูกต้องตามหาพี่ชายของลูก พี่ชายของลูกเท่านั้นที่จะช่วยลูกได้ ลูกจะปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่พ่อยกให้ลูกของพ่อทุกคน รีบไปตามพี่ชายของลูกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เมื่อพ่อเป็นอะไรไปแล้ว ชีวิตลูกของพ่อทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย เรื่องนี้สำคัญที่สุดอย่าเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด แล้วไม่ต้องบอกให้ใครรู้ว่าพ่อพูดกับลูกได้แล้ว...รีบไป!”
เจตน์พยักหน้ารับคำสั่งพ่อของเขาแทนคำตอบ ร่างสูงก้มลงกระซิบข้างหูพ่อเบาๆ
“ผมจะรีบไปตามที่คุณพ่อสั่ง รอผมกลับมาพร้อมพี่ชายนะครับคุณพ่อ” เจตน์ กระซิบบอกพร้อมกอดร่างพ่อของเขาที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อช่วยยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ
ร่างสูงของเจตน์ ค่อยๆ ก้าวถอยหลังพร้อมตัดใจเดินออกจากประตูห้อง ICU ไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของผู้เป็นพ่อมองตามหลังบุตรชายผ่านม่านน้ำตาที่ไหลเอ่อล้นจนมองไม่เห็น มีเพียงเสียงรำพึงรำพันที่กลั่นออกมาจากหัวใจของชายชราเท่านั้น ที่ดังก้องกังวานอยู่ภายใน
“พ่อก็หวังว่าจะมีชีวิตอยู่รอคอยลูกได้เช่นกัน” ชายชราพึมพำอยู่ภายใน หยาดน้ำตาไหลรินเป็นทางยาว ก่อนจะได้ยินเสียงเอ่ยตรงหน้า
“พูดได้แล้วเหรอคมกริช!” เสียงทักเอ่ยเย็นยะเยียบ ร่างหนาเดินตรงมาที่ชายชราเจ้าของชื่อคมกริชอย่างรวดเร็ว
“กะ...กะ...แก...!!!!” ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เมื่อเห็นร่างหนาดังกล่าวตรงหน้า เดินตรงเข้ามาหาเขาด้วยแววตาที่โหดเหี้ยม ไร้สิ้นความปรานีอย่างเห็นได้ชัด
ชะตากรรมอุบัติขึ้นด้วยความโลภของคนที่ไม่รู้จักพอ ความแค้นจึงก่อตัวเพื่อโต้ตอบและทำลายล้าง จองเวรผู้ที่ก่อเวรก่อกรรมนั้นขึ้นมา ท่ามกลางความแค้นและความละโมบดั่งไฟโลกันตร์ สิ่งใดจะสามารถทำให้ชะตากรรมอันเลวร้ายพลิกผันไปได้เล่า
ประเทศสหรัฐอเมริกา
แมนแฮตตัน นครนิวยอร์ก
แมนแฮตตัน เป็นแหล่งศูนย์กลางธุรกิจ วัฒนธรรม การเงิน ที่สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) บนถนนวอลล์สตรีทและตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินในโลก เป็นที่ตั้งของสื่อหลายๆ แขนงไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ และบริษัทสื่อต่างๆ ล้วนตั้งอยู่ที่นี่ทั้งสิ้น
แมนแฮตตันมีแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง รวมถึงพิพิธภัณฑ์และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ด้วยความเจริญที่หลากหลาย แน่นอน อิทธิพลก็ย่อมมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และแมนแฮตตันยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเขตร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา บทคนจะรวยก็รวยเสียจนน่าอิจฉาถ้าเทียบกับคนระดับล่างแล้วแตกต่างเหมือนกับฟ้าและเหว
ดวงตาสีสนิมเหล็กคมกล้า กำลังยืนจ้องมองทิวทัศน์มหานครนิวยอร์ก ที่เต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้านับ 100 ชั้น มากมาย และที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาคือ ตึกวันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ หรือชื่อเดิมคือ ฟรีดอมทาวเวอร์ อาคารที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา มีความสูงถึง 1,776 ฟุต หรือ 541.3 เมตร นั่นเอง
ตึกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลกกำลังใกล้เสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่ช้า และเมื่อตึกดังกล่าวเสร็จ CEO ทางด้านพลังงานเช่นเขาก็จะย้ายฐานจากตึกแบงก์ออฟอเมริกาทาวเวอร์ มาอยู่ที่ตึกวันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์แทน โดยเขาซื้อพื้นที่ตั้งแต่ชั้นที่ 51ถึง ชั้นที่ 60 สำหรับใช้เป็นที่ทำการสำหรับกิจการของแอนเดอร์สันของเขาทั้งหมด
เกาะแมนแฮตตัน คือบ้านที่เขาเติบโตมาตั้งแต่จำความได้ ภายใต้มหานครนิวยอร์กที่ได้ขึ้นชื่อว่า “นครแห่งความฝัน” ชายหนุ่มเจ้าของความสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว ท่วงท่าที่องอาจ เต็มไปด้วยอำนาจ เจ้าของดวงตาสุดเซ็กซี่ ภายใต้ขนตางอนยาวเป็นแพ
“อลัน แอนเดอร์สัน” ผู้ที่ได้รับฉายาว่า “เทพบุตรแมนแฮตตัน” CEO คนปัจจุบัน ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันปิโตรเลียม ธุรกิจทางด้านนวัตกรรมยานยนต์ ชายหนุ่มเป็นผู้สืบทอดกิจการทั้งหมดต่อจากนายวิลเลี่ยม แอนเดอร์สัน บิดาบุญธรรม ที่เลี้ยงดูเขาตั้งแต่แรกเกิด
ชายหนุ่มได้รับรู้เรื่องราวของเขาจากพ่อบุญธรรมนายวิลเลี่ยม แอนเดอร์สัน หนุ่มหล่อชาวสหรัฐ ที่มาตกหลุมรักมารดาของเขาและเป็นรักข้างเดียว เนื่องจากมารดาผู้ให้กำเนิดของเขา มีคนรักอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เป็นเพราะความแตกต่างทางด้านชนชั้น ทำให้มารดาของเขาถูกพลัดพรากจากบิดาที่ให้กำเนิด
ตลอดเวลาที่มารดาของเขาตั้งครรภ์ บิดาของเขาไม่สามารถมาเฝ้าและคอยดูแลเหมือนสามีทั่วไปได้เลย เพราะถูกขัดขวางจากคุณหญิงระย้า เดชวโรดม หรือคุณย่าของเขานั่นเอง จนกระทั่งมารดาของเขาครบกำหนดคลอด และให้กำเนิดลูกชายฝาแฝด
คุณหญิงระย้า ทราบข่าวว่ามารดาของเขาให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝด จึงต้องการหลานชายฝาแฝดมาเลี้ยงดู แต่ไม่ต้องการมารดาของเขาเข้ามาเป็นสะใภ้ มารดาของเขาจึงหอบลูกชายฝาแฝดหนีออกจากโรงพยาบาล
แต่คนสนิทของคุณหญิงระย้าสามารถกักฝาแฝดคนน้องเอาไว้ได้ เพราะแฝดคนน้องต้องนอนในตู้อบเนื่องจากมีภาวะตัวเหลือง แต่เขาซึ่งเป็นแฝดคนพี่ไม่ต้องนอนตู้อบ ทำให้มารดาได้เขามาเพียงแค่คนเดียว
และคนที่คอยให้ความช่วยเหลือก็คือ พ่อบุญธรรมของเขา ความรักและความซื่อสัตย์ที่มอบให้กับมารดาของเขา ทำให้มารดาของเขายินยอมที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและติดตามมาอยู่เคียงข้างกับพ่อบุญธรรมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว พ่อบุญธรรมเป็นบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีลำดับต้นๆ ของสหรัฐ แต่ความสุขก็อยู่กับพ่อบุญธรรมได้ไม่นาน เมื่อมารดาของชายหนุ่มต้องจากไปหลังจากแต่งงานและจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพียงแค่ 2 ปี เท่านั้น
ชายหนุ่มกำพร้าแม่ตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ และนับตั้งแต่นั้นมา พ่อวิลเลี่ยม คือบุคคลที่คอยเฝ้าถนอมและเลี้ยงดูเขามาโดยตลอด จนกระทั่งเขามีอายุ 31 ปี
อลัน ได้รับสืบทอดกิจการทั้งหมดต่อจากวิลเลี่ยม แอนเดอร์สัน พ่อบุญธรรมของเขาซึ่งได้เสียชีวิตลงเมื่อปีที่แล้ว และได้ทำพินัยกรรมระบุให้เขาเป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว
พ่อบุญธรรมของเขาไม่ยอมแต่งงานใหม่ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย นับตั้งแต่มารดาของเขาเสียชีวิตไป และเป็นเพราะพ่อบุญธรรมของเขา ทำให้เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเขา ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังแต่เขายังมีพ่อที่ให้กำเนิดและยังมีน้องชายฝาแฝดที่อยู่เมืองไทย
และนับตั้งแต่ได้รับทราบเรื่องราวของเขาจากปากพ่อบุญธรรมก่อนจะลาจากไป ชายหนุ่มได้สืบค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับน้องชายฝาแฝดและบิดาผู้ให้กำเนิดอย่างเงียบๆ และได้รับรายงานจากสายข่าวในเมืองไทยอย่างละเอียด และล่วงรู้แม้กระทั่งว่าในขณะนี้ที่ประเทศไทย บิดาที่ให้กำเนิดเขากำลังล้มเจ็บอยู่ในห้อง ICU
ร่างสูงองอาจยืนนิ่งกอดอกมองทิวทัศน์มหานครนิวยอร์ก ภายใต้ชุดสูทราคาแพงปิดบังเรือนร่างแข็งแกร่ง ร่างบุรุษของเขาเป็นที่พิสมัย ผิวสีแทนละเอียด คมเข้มขึ้นมันวาว เพราะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เขาเป็นประธานบริษัทฯ ที่อายุน้อยและเป็นที่หมายปองของสตรีชั้นสูง และหญิงสาวทุกคนที่ได้พบเห็นเขา
แต่หัวใจเขายากที่จะรับหญิงใดเข้ามาในหัวใจ ความเย็นชามีมากกว่าความอ่อนโยน แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้ว หัวใจของเขาโหยหาความรักและความอบอุ่นมากมายเพียงใด แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เสียด้วยซ้ำไป
กริ้งงงงงงงงงงง เสียงโทรศัพท์ทำลายความเงียบ ทำลายความคิดที่กำลังเหม่อลอยไปไกลแสนไกล ให้หวนกลับคืนมาสู่ตัวเขา ร่างสูงชายหางตามองไปที่โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ลมหายใจถอนออกมาอย่างช้าๆ เพื่อเรียกสติกลับเข้าหาตัว เขายืนใจลอยนานเท่าไรก็ไม่อาจรู้ได้ ก่อนจะเอี้ยวตัวกดรับโทรศัพท์พร้อมกรอกเสียงโต้ตอบกลับไปเบาๆ
“ว่าไง” เสียงเย็นยะเยียบถามสายปลายทาง
“ท่านครับ คุณเจตน์เดินทางมาถึงนิวยอร์กเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้พวกเรากำลังคอยเฝ้าคุณเจตน์กับคนที่ติดตามมาด้วย แต่น่าแปลกตรงที่ว่าคุณเจตน์กำลังเดินทางไปพักบ้านตากอากาศใกล้ๆ ทะเลสาบออน แทรีโอ แทนที่จะเข้าพักโรงแรมในนิวยอร์กเพื่อมาพบท่านครับ”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยทันที เมื่ออลันได้ยินการรายงานข่าวจากลูกน้องเขา ที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวน้องชายฝาแฝดของเขาให้ได้รู้ทุกระยะ
“ทะเลสาบออนแทรีโอ เจตน์เดินทางไปที่นั่นทำไม ในเมื่อรู้ว่าเราอยู่ในนิวยอร์ก” อลันพึมพำออกมาเบาๆ ลางสังหรณ์บังเกิดขึ้นภายในใจขึ้นมาทันที
“รีบตามคุณเจตน์ไปและคอยเฝ้าอย่างใกล้ชิด จับตามองทุกคนที่เข้ามาใกล้ๆ ถ้าดูแล้วไม่เข้าท่ารีบโทรรายงานฉันทันทีเข้าใจไหม”
“ครับนาย” ปลายสายขานรับอย่างแข็งขัน
ดวงตาคมกล้ายังคงจับจ้องไปที่โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ เขากำลังจะได้พบน้องชายฝาแฝดของเขาเป็นครั้งแรกในชีวิต ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ลำพังโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมบัติมากมายมหาศาลของพ่อบุญธรรม แต่เขายังเหลือน้องชายและพ่อที่ให้กำเนิดของเขา ไม่ได้ตัวคนเดียวโดดเดี่ยวและอ้างว้าง แต่ทำไมเขาจึงรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำร้ายรู้สึกหายใจติดขัดคล้ายคนหายใจไม่ออก
มือหนาปลดกระดุมคอเสื้อเชิ้ตพร้อมดึงเนคไทให้คลายออกเพื่อบรรเทาความอึดอัด เสื้อสูทราคาแพงลิบถูกถอดออกจากร่างกำยำ ก่อนจะถูกเหวี่ยงไปที่เก้าอี้รับรองแขก กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออก 2 เม็ดเพื่อคลายความอึดอัด เผยกล้ามเนื้อแน่นตึงภายใต้เสื้อเชิ้ตราคาแพง แขนเสื้อทั้งสองข้างถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอก
ร่างใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้รับรองแขกตัวยาว กึ่งนั่งกึ่งนอน เขาพยายามทำให้อาการหายใจติดขัดจางหายไป ทำไมเขาจึงมีอาการแบบนี้ขึ้นมาได้เล่า มันน่าแปลกอยู่มิใช่น้อย จะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าในการทำงาน หรือจะเป็นเพราะจากสาเหตุใด จู่ๆ อลันผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว และเขาได้ตกเข้าสู่ภวังค์แห่งความฝัน ฝันที่เหมือนจริงชัดเจนราวกับว่ามันกำลังเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง
ท่ามกลางวังวนแห่งความฝัน ทะเลสาบออนแทรีโออยู่เบื้องหน้า บ้านพักส่วนตัวหรูหราติดทะเลสาบตั้งเรียงราย เว้นระยะความเป็นส่วนตัวพอสมควร มีอยู่ด้วยกันหลายหลังแต่ไม่มากนัก บ้านทุกหลังจะมีอาณาบริเวณกว้างขวางและติดทะเลสาบเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ
“เจตน์! เจตน์!” ชายหนุ่มส่งเสียงร้องเรียกน้องชายฝาแฝด
เขาก้าวเดินไปตามทางที่ทอดยาว ผ่านต้นไม้ใหญ่ที่เรียงรายไปตามเส้นทาง ก่อนจะหยุดนิ่งเหมือนหินเมื่อสายตาของเขาพลันเห็นอะไรบางอย่างเบื้องหน้า
สายตาของอลันจำต้องสะดุดหยุดลงอย่างกะทันหัน ร่างกายหยุดการเคลื่อนไหวเหมือนคนโดนสาปเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือ ร่างของชายหนุ่ม ร่างหนึ่งถูกแขวนคออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ติดกับทะเลสาบเบื้องหน้า ห่างจากสะพานที่สร้างขึ้นทอดยาวเพื่อใช้เป็นเส้นทางเชื่อมตัวจนมาถึงพื้น
ร่างที่ไร้วิญญาณถูกแขวนคอในสถานที่ห่างไกล ไร้ผู้คน น้อยคนนักที่จะเดินทางเข้ามาถึงทะเลสาบทางด้านตะวันตกแบบนี้ อลันตัวชา ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ไม่คาดว่าจะต้องมาพบเห็นคนตายในลักษณะนี้ ทันใดนั้นเอง
“พี่! ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย!” เสียงปริศนาดังแทรกขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ พร้อมกับร่างไร้วิญญาณที่ถูกจับแขวนคอห้อยอยู่ใต้ต้นไม้ค่อยๆ หันกลับมาหาอลัน
ร่างสูงใหญ่ถึงกับเซทำท่าจะล้มเสียให้ได้เมื่อ ร่างไร้วิญญาณที่ถูกจับแขวนคออยู่ใต้ต้นไม้ หันกลับมาหาเขา และใบหน้าคนที่ถูกแขวนคอ มีหน้าตาเหมือนกับเขาเป็นพิมพ์เดียวกันคือเจตน์
น้องชายฝาแฝดของเขา น้องชายที่เขาเฝ้ารอคอยและกำลังเดินทางมาหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ อลันแทบจะสิ้นไร้เรี่ยวแรงเมื่อเห็นภาพดังกล่าว ชายหนุ่มรีบถลาเข้าไปหาร่างไร้วิญญาณของน้องชายทันที
ทว่าร่างไร้วิญญาณของน้องชายถูกจับแขวนคออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่สูงจากพื้นดินเกินกว่าที่เขาจะนำร่างลงมาได้ ชายหนุ่มแหงนคอมองร่างไร้วิญญาณตรงหน้าด้วยความเสียใจที่หาอะไรมาเปรียบมิได้ ร่างสูงค่อยๆ ทรุดกายลงพื้นดินด้วยความอ่อนแรง หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจหลั่งรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“เจตน์!!!!!!” อลันตะโกนเรียกชื่อน้องชายฝาแฝดของเขาออกมาจนสุดเสียง
เฮือก! ร่างใหญ่สะดุ้งเฮือกจนสุดตัว
ชายหนุ่มกะพริบตาติดๆ กัน ก่อนจะพยุงร่างของเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้รับรองแขกตัวยาว ดวงตาสีสนิมเหล็กกวาดสายตาไปทั่วห้องที่เขากำลังนั่งอยู่ในขณะนี้
“นี่เราฝันไปเหรอเนี่ย ฝันทำไมมันชัดเจนเหมือนจริงเสียเหลือเกิน” อลันพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมือหนาขึ้นแตะใบหน้าของเขา เมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าคมคร้ามของเขาอยู่ในขณะนี้
“น้ำตา! นี่เราร้องไห้จริงๆ ไม่ใช่ร้องไห้เฉพาะอยู่ในความฝันอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มรำพึงพร้อมรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ในยามนี้ความกังวลบางอย่างที่อยู่ในใจของเขา วิ่งจับแล่นไปถึงขั้วหัวใจอยู่ในขณะนี้
กริ้งงงงง!!! เสียงโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของเขาดังขึ้นทำลายความเงียบงัน พร้อมๆ กับร่างของอลัน รีบถลากดรับสายเรียกเข้านั้นทันที
“มีอะไรคืบหน้าไหม!” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ทันที
“คุณท่านครับ ตอนนี้พวกเราตามหาคุณเจตน์และเพื่อนที่มาด้วยกันไม่พบเลยครับ” ปลายสายส่งข่าวรายงานที่เล่นเอาคนฟังถึงกับใจหายแวบไปเลยทีเดียว
“หมายความว่าอย่างไงตามหาไม่พบ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้คอยเฝ้าดูอย่าให้คลาดสายตาไปได้ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงบอกว่าตามหาไม่พบแล้ว ทำไม!” คำถามสุดท้ายชายหนุ่มตะคอกเสียงเข้มกึ่งตะโกนถามกลับไป
“พวกเราคอยติดตามและคอยเฝ้าตามที่นายท่านสั่งกำชับทุกอย่างครับ แต่คุณเจตน์และเพื่อนพากันไปนั่งเรือชมทะเลสาบที่อยู่ด้านหลังของบ้านพัก กว่าพวกเราจะหาเรือตามไปได้ก็เสียเวลาพอสมควร และตอนนี้ก็บ่ายคล้อยแล้ว ยังไม่มีวี่แววเรือของคุณเจตน์ที่ออกไปกับเพื่อน แล่นอยู่ในทะเลสาบหรือแล่นกลับมาที่พักเลยครับ ถ้าหากมืดลงแล้วการติดตามก็จะลำบากขึ้นแล้วครับท่าน”
อลันถึงกับตัวชาวาบขึ้นมาทันที เมื่อบอดี้การ์ดที่เขาส่งไปคอยติดตามน้องชายของเขารายงานข่าวให้ทราบเช่นนั้น ชายหนุ่มสะกดอารมณ์พร้อมผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อระงับสติและเรียกสติของตนกลับคืนมา พยายามทบทวนภาพที่เกิดขึ้นในความฝัน ใครจะหาว่าบ้าและไร้สาระก็ช่างหัวมัน บางทีความฝันของเขาอาจจะทำให้เขาตามน้องชายฝาแฝดพบก็เป็นได้ อลันรีบสั่งการทางโทรศัพท์ทันที
“พวกนายรีบแล่นเรือไปทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ ให้สังเกตสะพานที่ใช้เป็นทางเดินไปทางฝั่งตะวันตก ห่างจากนั้นไม่เกิน 300 เมตร จะเป็นแนวต้นไม้ใหญ่พวกนายรีบแล่นเรือไปแถวนั้นทันที รีบไปช่วยน้องชายฉัน! และติดต่อกลับมาทันที เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติ เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป” ชายหนุ่มสั่งการด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ พร้อมกดปิดโทรศัพท์สายสนทนา ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ตั้งโต๊ะต่อสายนอกด้วยความรวดเร็ว
“เอาเฮลิคอปเตอร์จอดรอผมที่ดาดฟ้าของตึกเดี๋ยวนี้! ผมจะไปทะเลสาบออนแทรีโอ ในอีก 20 นาที” ชายหนุ่มสั่งการทางโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงค่อยๆ หันกลับไปมองทางทิศที่ทะเลสาบออนแทรีโอตั้งอยู่ พร้อมรำพึงออกมาเบาๆ
“นายจะต้องไม่เป็นอะไรเจตน์ พี่จะไปช่วยนายให้ได้ นายจะต้องไม่เป็นเหมือนที่พี่ฝันเห็นอย่างเด็ดขาด”
ดวงตาสีสนิมเหล็กคมกล้า ทอดมองไปยังทิศที่ทะเลสาบออนแทรีโอตั้งอยู่ ชายหนุ่มให้สัญญากับตัวเองและจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องชายฝาแฝดของเขา