บทที่ 2 เข้าบ้านสกุลหง

1292 คำ
มีความลับหนึ่งที่หงเฉินในนิยายไม่เคยรู้และจะไม่ได้รับรู้ไปตลอดชีวิต นั่นคือม่านอีไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของม่านซั่ว แต่เป็นลูกสาวของพี่ชายที่ตายไปแล้ว ม่านซั่วเลี้ยงม่านอีเอาไว้เพื่อใช้ผูกมัดหงเฉินด้วยการแต่งงาน ม่านอีเองก็ถูกฮูหยินใหญ่ทารุณกรรมมานาน จึงโหยหาความรักและอิสรภาพอยู่เสมอ กระทั่งหงเฉินมากแผนการคนนี้ยื่นมือมา จึงไม่แปลกที่ม่านอีจะรักและยึดติด ไม่ว่าหงเฉินจะทำตัวร้ายกาจต่อตัวเองอย่างไร ม่านอีก็ไม่ถือสา กระทั่งเขาพาอนุเข้ามาในบ้านนั่นแหละ หลังจากที่ฉันเปิดเผยความจริงต่อหน้าหงเฉินในคืนวันแต่งงานแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดคุยกับฉันอีกเลยจนกระทั่งวันนี้ที่เราต้องออกเดินทางไปยังเมืองเหลียวนิ่ง ในรถยนต์ฉันนั่งเงียบๆ ตลอดทาง มองดูข้างทางด้วยความว่างเปล่า ฉันเป็นแค่คนที่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้ จึงไม่มีจิตผูกพันกับสถานที่ที่เรียกว่าบ้านเกิด แต่เมื่อหลุดพ้นออกมาจากบ้านเฮงซวยสกุลม่านได้ก็โล่งใจ ถึงแม้ว่าการไปอยู่บ้านของหงเฉิน จะไม่ได้น่าจรรโลงใจเท่าไหร่ก็ตาม เพราะที่นั่นมีแต่คนเก่าแก่ของสกุลหง พวกเขาตั้งตัวเป็นปรปักษ์ต่อสกุลม่านอย่างเปิดเผย แน่นอนว่าม่านอีย่อมไม่ได้รับการต้อนรับ แต่ฉันไม่สนใจหรอก ตราบใดที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ฉัน “คุณสามีคะ” “มีอะไร” หงเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดูท่าจะยังไม่หายเคืองหลังจากที่ฉันเฉลยความจริงออกไป แต่แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อเขาจำเป็นต้องมีฉันเป็นหลักประกันในการเข้าไปทำงานในม่านฉ่ายกรุป ฉันเหลือบมองเขาเล็กน้อยก่อนหันกลับมามองภาพนอกหน้าต่างตามเดิม “อีกนานไหมคะกว่าจะถึงเหลียวนิ่ง” “ไม่นาน สักสองวัน” ฉันเผลอยิ้มหลังจากได้รับคำตอบ ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็สัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้รำคาญเท่าตอนแรก “ที่นั่นคงจะหนาวน่าดู” จากนั้นทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ทว่าเป็นความเงียบที่ไร้ความอึดอัด บางทีการอยู่กับเขาอาจจะสบายใจกว่าก็เป็นได้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่อยากให้ฉันตายมากที่สุดก็ตาม เป็นอย่างที่หงเฉินพูดไว้ไม่ผิด เราใช้เวลาสองวันในการเดินทางมายังเหลียวนิ่ง แต่รถยนต์สมัยนี้มันทำให้ฉันปวดหลังปวดก้นไปหมด แถมหงเฉินก็ไม่ได้คิดทำหน้าที่สุภาพบุรุษเลยสักนิด หลังลงจากรถเข้าก็ตรงดิ่งเข้าไปในบ้านของตัวเองทันที นี่ฉันกำลังผิดหวังอยู่หรือ จะผิดหวังไปทำไม ในเมื่อฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะทำหน้าที่สามีที่ดีสักหน่อย ฉันเปิดประตูกำลังจะก้าวลงจากรถ อยู่ๆ ก็มีเงาของใครบางคนทาบทับ ทำให้เผลอเงยหน้าขึ้นมอง ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขายื่นมือมาให้จับ “นายหญิง…” คนตรงหน้าเป็นชายหนุ่มอายุไม่น่าจะเกินสามสิบ คาดว่าคงเป็นพ่อบ้าน เห็นรอยยิ้มเสแสร้งของเขาแล้วจึงคิดได้ว่า เขาคงไม่ชอบฉันเหมือนเจ้านายของเขานั่นแหละ “ขอบคุณนะคะ” ฉันตอบกลับพลางจับมือของเขาเอาไว้ เมื่อยืนได้มั่นคงแล้วจึงปล่อยมือ “กระผมชื่อเจียวจ้าวซานครับ เป็นพ่อบ้านของบ้านสกุลหง ยินดีต้อนรับนายหญิงนะครับ” ฉันยิ้มรับเป็นพิธี “ฉันม่านอีค่ะ จะยินดีมากหากคุณเรียกฉันว่าคุณอี ไม่ใช่นายหญิง ฝากบอกพวกคนรับใช้คนอื่นๆ ด้วยนะคะ” ฉันอยากให้พวกเขาปฏิบัติต่อฉันเหมือนแขกสกุลหงมากกว่าฮูหยินสกุลหง เพราะฉันคงจะอยู่ที่นี่ไม่นาน อย่างมากที่สุดก็หนึ่งปี เจียวจ้าวซานดูเหมือนจะตกใจกับคำสั่งแรกของฉัน แต่ฉันรู้ว่าเขาคงไม่อยากเห็นฉันเป็นภรรยาของหงเฉินด้วยเช่นกัน “คะ ครับ คุณอี” “เช่นนั้นรบกวนพ่อบ้านเจียวช่วยนำทางทีนะคะ ฉันต้องการพักผ่อน และไม่จำเป็นต้องส่งคนรับใช้มาดูแลค่ะ” เพราะฉันรู้น่ะสิ ว่าคนที่มาดูแลฉันจะกลั่นแกล้งฉันสารพัดตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านสกุลหง แถมหงเฉินก็ไม่ได้ดูดำดูดี ปล่อยให้ภรรยาถูกรังแก ช่างเป็นสามีที่น่ารังเกียจนัก “ครับ…” จากนั้นเจียวจ้าวซานก็ช่วยถือกระเป๋าแล้วเดินนำไปทันที ฉันเหลือบมองเจียวจ้าวซานเล็กน้อย ก่อนหันมาสำรวจบ้านหลังใหม่ของตัวเอง จะว่าไปบ้านหลังนี้คือบ้านสกุลหงที่ม่านซั่วซื้อเอาไว้ และมอบมันให้เป็นของขวัญหงเฉินในตอนที่จบการศึกษา แสร้งทำเป็นใจดีเพื่อซื้อใจอีกฝ่าย แต่หงเฉินกลับใช้ที่นี่เป็นฐานทัพในการก่อกบฏ ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็ชั่วร้ายด้วยกันทั้งคู่ และเหยื่อที่น่าสงสารที่สุดคงหนีไม่พ้นนางร้ายอย่างม่านอี ซึ่งไม่มีใครเห็นใจเธอเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งตอนจบก็ยังต้องตายไปอย่างโดดเดี่ยว พ่อบ้านเจียวนำทางมาจนถึงชั้นสามของตึกหลักอันเป็นที่พักของเจ้านาย ฉันมองด้วยความสงสัยเพราะนึกว่าเขาจะนำทางฉันไปยังบ้านเล็กที่อยู่หลังตึกเสียอีก เพราะม่านอีต้องใช้ชีวิตราวกับถูกลงโทษที่นั่น เธออิจฉาจิ่นม่ายที่เป็นแค่อนุ แต่กลับไปพักบนชั้นสามของตึก “นายท่านสั่งให้จัดเตรียมห้องให้นายหญิง… เอ่อ คุณอีแล้วครับ กระผมไม่ทราบว่าคุณอีมีรสนิยมความชอบอย่างไร แต่หากต้องการเปลี่ยนการตกแต่งภายใน สามารถแจ้งกระผมได้เลยครับ” ฉันพยักหน้าเบาๆ “เข้าใจแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ฉันต้องการพักผ่อน” “เช่นนั้นกระผมไม่รบกวน ขอให้มีความสุขในบ้านสกุลหงครับ” ฟังดูไม่ค่อยเหมือนคำอวยพรเลยแฮะ ดูเหมือนคำเตือนมากกว่า ว่าขอให้มีความสุขในนรกแห่งนี้ ฉันมองตามหลังพ่อบ้านเจียวจนพ้นสายตาจึงค่อยถอนหายใจแล้วเปิดประตูห้องออก ฉันเดินลากกระเป๋าสัมภาระที่มีอยู่เพียงใบเดียวเข้าไปด้านใน พลางกวาดสายตามองสภาพแวดล้อมรอบตัว เป็นห้องที่ดีกว่าที่คิดมากทีเดียว ถึงจะให้บรรยากาศอึมครึมสักหน่อยเพราะใช้ไม้สีเข้มเป็นองค์ประกอบหลัก ตอนแรกนึกว่าจะได้ห้องโทรมๆ ที่มีแต่หยากไย่เสียอีก แต่พวกเขากลับทำความสะอาดเรียบร้อย กลัวว่าฉันจะเอาไปฟ้องม่านซั่วรึไง ฉันเดินไปนั่งที่โซฟาข้างเตียงก่อนเอนตัวนอนลงอย่างหมดแรง แม้ภายนอกจะวุ่นวาย ได้ยินเสียงคนรับใช้พูดคุยกันประปราย แต่ในใจกลับรู้สึกสงบมากกว่าที่คิด ฉันไม่สนใจหากพวกเขาจะนินทาฉัน ฉันไม่สนใจหากพวกเขาไม่สนใจฉัน ตราบใดที่พวกเขายังไม่ล้ำเส้น “หลับซักงีบดีไหม” ตอนเดินทางออกจากบ้านสกุลม่าน ฉันไม่เคยหลับได้สนิทใจเลยสักครั้ง ได้แต่คิดว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร ทว่าก่อนอื่นต้องบันทึกเหตุการณ์สำคัญในอนาคตเอาไว้… ค่อยทำหลังจากตื่นนอนก็แล้วกัน…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม